TB:บทที่ 119 ศิษย์อาวุโส

“มิสเตอร์ฮั่ว มิสเตอร์เฉิน ทักษะทางการแพทย์แผนจีนของพวกคุณช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ ผมขอโทษอย่างจริงใจสำหรับคำพูดที่ไม่เหมาะสมก่อนหน้านี้ ผมว่าพวกคุณจะรับคำขอโทษของผมนะครับ ถ้ามีโอกาส ผมหวังว่าพวกคุณจะสามารถมาให้ความรู้กับพวกเราได้” ทอมสันพูดด้วยท่าทีที่จริงใจ

ตอนนี้ผลการตรวจสอบได้ปรากฏออกมาแล้ว ทอมสันและคนของเขาก็กลายเป็นเหมือนผู้แพ้ก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว พูดจบทอมสันและกลุ่มคนของเขาก็ได้จากไป

เดิมทีพวกเขาได้เตรียมความพร้อมกู้หน้าจากการแพทย์ประเทศจีนแล้ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดจะถูกทำให้เสียหน้าโดยคนเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามั่นใจว่าครั้งนี้จะไม่พบปัญหาใดแน่ แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้พวกเขาต้องกลับไปอย่างน่าอับอาย

หลังจากที่ทอมสันและคนของพวกเขากลับไป ฮั่วหมิงเหรินก็หันมาถามเฉินหลงด้วยความตื่นเต้น “น้องชาย ขอบคุณสำหรับครั้งนี้นะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องโดนโจมตีจากต่างชาติพวกนั้นแน่ ผมมีบางอย่างจะให้คุณดู โปรดมากับผม” ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินหลง ชื่อเสียงของหมอแพทย์แผนจีนต้องป่นปี้และอับอายจนต้องกลับบ้านไปหายายแน่ ดังนั้นฮั่วหมิงเหรินจึงอยากจะขอบคุณอย่าจริงใจ

“โอเค” เฉินหลงพยักหน้าตอบตกลง

ฮั่วหมิงเหรินและแพทย์เหล่านี้เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน มันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีหากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้เฉินหลงก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว

เมื่อเห็นว่าเฉินหลงตอบรับ ฮั่วหมิงเหรินก็ได้เตรียมใครบางคนไว้

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินหลงก็มาพร้อมกับลู่เซียงและฮั่วหมิงเหรินไปทานข้าวที่ร้านอาหารชื่อดังในปักกิ่ง

ส่วนทางด้านซุนจงเหอ ตอนที่เฉินหลงพาลู่เซียงออกไปเขาไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว หลังจากที่ได้เห็นความสามารถของเฉินหลงแล้วเหมือนกับว่าเขาไม่กล้าสู้หน้าอยู่ต่อจึงกลับไปก่อน

“เสี่ยวเฉิน ทักษะการฝั่งเข็มของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก คุณมาจากที่ไหน?” หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ฮั่วหมิงเหรินก็ถามเฉินหลงเกี่ยวกับวิธีการฝั่งเข็มซึ่งเป็นคำถามที่หมอแพทย์แผนจีนหลายท่านที่อยู่ข้างๆต้องการที่จะรู้ด้วย

“คุณจะเชื่อผมรึเปล่าว่าผมเรียนด้วยตัวเอง?” เฉินหลงยิ้ม

ตามความเป็นจริงแล้ว ทักษะการฝั่งเข็มนั้นเฉินหลงเขาเรียนรู้ด้วยตนเองจริงๆโดยอาศัยความรู้ในเรื่องร่างกายของเขา การแพทย์โบราณชั้นยอด ไหวพริบของเขาเองซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับทักษะของอาจารย์เลยสักนิด

“โอเค โอเค ผมไม่ถามแล้วก็ได้ครับ วันนี้พวกผมจะไม่ถามถึงเรื่องนี้ งั้นพวกเรามาคุยกันแค่เรื่องชาวต่าวชาติพวกนั้นดีกว่า คุณพูดว่าถ้าคนต่างชาติพวกนั้นกลับมาอีกครั้ง พวกเขาจะต้องอับอาย ผมนี้อยากจะเห็นคนพวกนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆเลย” เมื่อฮั่วหมิงเหรินเห็นเฉินหลงไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“หึ หึ คุณนึกภาพพวกเขาตอนอยู่บนเวทีได้เลย”

“ใช่ มันต้องเป็นวันที่ดีมาก”

“ผมกลัวว่าพวกเขาจะไม่กล้ากลับมาอีกนานหลังจากที่พวกเขากลับไปครั้งนี้แล้ว”

“ใช่ เพราะเสี่ยวเฉินอยู่ที่นี่ พวกเขาเลยโดนฉีกหน้าไปหลายครั้ง”

……

“สาวสวยคนนี้ใครหรอ แฟนของเสี่ยวเฉิน?” เฉินหลงได้พาลู่เซียงมาทานมื้อค่ำด้วย ตอนแรกฮั่วหมิงเหรินไม่ได้ถามถึงเธอแต่ตอนนี้กลับเป็นหัวข้อบทสนทนา

ตั้งแต่ที่เธอมาทานมื้อค่ำ ลู่เซียงรู้สึกค่อนข้างที่จะอึดอัด เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นเหมือนเทพเจ้าที่ยากจะพบ มันจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกอึดอัด

“มิสเตอร์ฮั่ว ผิดแล้วละ เธอไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ พวกเราเป็นแค่เพื่อน ถ้าเธอไม่เชิญผมมา ผมคงจะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ แล้วถ้าผมมีเวลา ผมก็อาจจะอยู่ที่บ้านเพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องการแพทย์ได้มากขึ้น” เฉินหลงรีบอธิบายเรื่องความสัมพันธ์เพื่อไม่ให้ถูกเข้าใจผิด

เมื่อได้ยินเฉินหลงอธิบายว่าลู่เซียงไม่ใช่แฟนของเขา มันทำให้ลู่เซียงรู้สึกเจ็บปวด ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง เธอก็รู้สึกเจ็บอยู่ในใจจริงๆ แต่อย่างไรเธอก็ยังปั้นหน้าฝืนยิ้มพร้อมพูดว่า

“มิสเตอร์ฮั่ว ฉันไม่ใช่แฟนของเขาหรอกค่ะ คุณเข้าใจผิดแล้วและถ้าแฟนฉันรู้นะคะ เขาต้องโกรธแน่ๆ แฟนฉันเขาเป็นคนขี้หึงมากๆเลยค่ะ” อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ฝืนใจ เธอจึงได้มโนถึงแฟนปลอมๆของเธอขึ้นมา

เฉินหลงมองหน้าลู่เซียงอย่างประหลาดใจและพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่เธอมีแฟนแล้วหรอ? แล้วเมื่อไหร่เธอจะพามาหาฉันละ?”

เมื่อไม่นานมานี้ ลู่เซียงเธอหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ด้วยเฉินหลงคิดว่าเธอไม่มีแฟน เขาจึงไม่ได้คิดที่จะมีแฟนจริงจังแถมเธอยังบอกว่าเขาเป็นคนขี้หึงด้วย แต่ด้านเฉินหลงนั้นเขากลับรู้สึกโล่งอกที่เธอจะได้ไม่ต้องมาเกาะเกะเขาอีกแล้ว

“ตอนนี้เขากลับบ้านช่วงวันหยุดน่ะ ตอนมหาลัยเปิด ฉันจะพาเขามา” เธอยังคงต้องฝืนพูดเรื่องโกหกที่เธอสร้างขึ้นต่อไป

เฉินหลงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรมาก เขายังคงยิ้มและพูดกับฮั่วหมิงเหรินต่อ

หลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำชั้นยอดเสร็จ แพทย์ที่มีชื่อเสียงก็ได้ถยอยกลับไปทีละคนทีละคน แต่ก่อนที่พวกเขาจะกลับ พวกเขาได้ทิ้งนามบัตรไว้ให้กับเฉินหลงและหวังว่าเฉินหลงจะมาหาพวกเขาเมื่อมีเวลา

หลังจากที่เฉินหลงได้รับนามบัตรของทีละคน เขาก็ได้พูดกล่าวลาพวกเขา

สำหรับเฉินหลง เขามีเพียงนามบัตรของบริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีเท่านั้น แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นการดีที่จะให้พวกเขา ดังนั้นเขาจึงพูดไปว่าเขาไม่มีนามบัตรจึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไปแทน

และก็เหลือฮั่วหมิงเหรินเป็นคนสุดท้าย แทนที่เขาจะพูดกับเฉินหลงสองสามคำ เขากลับหาโอกาศที่จะได้พูดกับเฉินหลงเพียงลำพัง

“คุณเฉิน ทักษะการฝั่งเข็มของคุณนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ผมมีเรื่องขอร้องที่ดูไม่น่ายินดีนัก ผมสงสัยว่าคุณจะสามารถรับมันได้ไหม?” ฮั่วหมิงเหรินมอเฉินหลงอย่างจริงจัง

“มิสเตอร์ฮั่ว ไม่เป็นไรหรอกครับถึงคุณจะพูดแบบนั้น ตราบใดที่ผมรับได้ ผมก็จะไม่ปฏิเสธมัน” เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม

จากการที่ได้พูดคุยเมื่อกี้  เฉินหลงก็มีความรู้สึกดีๆกับฮั่วหมิงเหริน หากเขามีอะไรอยากจะถาม เฉินหลงก็เต็มใจที่ตอบและช่วยเขา

คุณเฉิน ผมต้องการที่จะเรียนรู้จากคุณ” ฮั่วหมิงเหรินพูดอย่างจริงจัง

เมื่อดูจากท่าทีของเฉินหลงแล้ว มันเขาต้องเปลี่ยนความคิด

“มิสเตอร์ฮั่ว คุณเป็นถึงผู้นำในวงการการแพทย์แผนจีนนะครับ คุณจะยกผมเป็นอาจารย์ได้ยังไง? คุณไม่สามารถทำแบบนี้ได้” เฉินหลงถึงกับพูดเสียงสูงและจากนั้นก็พูดไม่ออกเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ดูจริงใจของฮั่วหมิงเหริน

เขาไม่รู้หรอว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว เขาจะมาเรียนรู้จากเฉินหลงได้อย่างไร เด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆเนี่ยนะ? และถ้าคนอื่นรู้ว่าเขามีลูกศิษย์ที่อายุมากขนาดนี้ คนพวกนั้นก็จะพากันพูดว่าเขานั้นมีรสนิยมอย่างไร

“ตั้งแต่เกิดเรื่อง​นี้  คุณได้เป็นอาจารย์ของผมแล้ว ทักษะทางการแพทย์ของคุณนั้นเหนือกว่าของผมจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่ผมจะนับถือคุณเป็นอาจารย์ โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย”พูดจบ ฮั่วหมิงเหรินก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉินหลง

เมื่อเห็นการกระทำของฮั่วหมิงเหริน เฉินหลงก็รีบเข้าไปพยุงเขาและพูดตลกใส่ คนที่คุกเข่าเป็นชายที่อายุมากกว่าเขาหลายสิบปี นั้นมันทำให้คนนั้นดูเป็นขี้แพ้ไปเลย

“มิสเตอร์ฮั่ว นี่คุณจะยกให้ผมเป็นอาจารย์หรือจะทำให้ผมอายุสั้นกันแน่? ถ้าคุณไม่รีบลุกขึ้น ผมจะไม่อยู่ตรงนี้แล้วนะ” การได้เจอคนแบบนี้ มันทำให้เฉินหลงถึงกับทำตัวไปไม่ถูก

นอกจากฮั่วหมิงเหรินจะสนับสนุนเฉินหลงแล้ว เขาก็ยังอยากจะนับถือเขาเป็นอาจารย์ด้วย “อาจารย์ ผมปรารถนาจริยธรรมทางการแพทย์สูงสุดในเส้นทางนี้ ได้โปรดรับผมอย่างจริงใจด้วย

“ครับ ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เฉินหลงไม่มีทางเลือกจึงต้องตอบตกลง

ฮั่วหมิงเหรินเป็นถึงคนที่มีชื่อเสียงมากของประเทศจีน แต่การที่ได้เป็นลูกศิษย์ของคนคนนี้ มันได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์