ถลำลึกเกิน
บ่ายนั้นหลินหว่านถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ หนังเรื่องนี้ก็ปิดกล้องในที่สุด
เพื่อเป็นการฉลองปิดกล้อง ทีมงานกองถ่ายจองร้านอาหารเอาไว้ เพื่อร่วมทานข้าวด้วยกันสักมื้อ จะได้ผ่อนคลายกันสักหน่อย
“หลินหว่าน วันนี้กองถ่ายปิดกล้อง ทุกคนเตรียมตัวจะไปฉลองกัน คืนนี้คุณต้องมาด้วยนะคะ”
หลินหว่านรับโทรศัพท์อีกสายที่แจ้งให้เธอมาร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องคืนนี้
“ค่ะ พวกคุณวางใจได้ ฉันไปแน่นอนค่ะ” หลินหว่านพูดเสียงเรียบ
คืนนี้ ท่ามกลางการรอคอยจากทุกคนในกองถ่าย หลินหว่านมาสายแต่ก็มาถึงในที่สุด
เดิมทีหลินหว่านไม่คิดจะมาด้วยซ้ำ วันนี้เธอไม่ค่อยปกตินัก แต่เธอเป็นนางเอกของหนังเรื่องนี้จึงไม่มาไม่ได้
“หลินหว่าน คุณมาจนได้นะ” เผยอี้ตาเป็นประกายเมื่อเห็นหลินหว่านมาปรากฏตัวในที่สุด เขาพูดพลางชี้มือยังที่นั่งข้างตัวเอง “มา! หลินหว่าน เธอนั่งตรงนี้นะ”
หลินหว่านกวาดตามองรอบหนึ่ง รอบข้างเหลือเพียงที่นั่งตรงนั้นที่เดียว น่าจะตั้งใจเหลือที่ไว้ให้เธอโดยเฉพาะ
“ขอบคุณค่ะ” หลินหว่านเดินเข้าไปนั่งลง จากนั้นกวาดตามองทีมงานในกองถ่าย พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษค่ะ ที่ฉันมาช้า”
“ไม่เป็นไรหรอก หลินหว่าน” ซวี่กวงได้ฟังก็พูดกับหลินหว่านแล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาถือแก้วเหล้าตรงหน้าตัวเอง ชูขึ้นกล่าวกับทุกคนว่า “ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนดื่มร่วมกัน ขอให้หนังของเรายอดขายท่วมท้น!”
ทุกคนฟังแล้วก็พากันชูแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นชนกัน รวมทั้งหลินหว่านด้วย
จากนั้นผู้คนต่างพากันดื่มกินตามสบาย พูดคุยสรวลเสเฮฮากันอย่างครึกครื้น
หลังจากดื่มกันไปหลายรอบ หลินหว่านมึนเมาอยู่บ้าง ใจก็นึกถึงเรื่องของแม่เธอขึ้นมาอีก
หลินหว่านแอบลุกจากที่นั่ง หลบมุมที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ เดิมทีคิดจะรอให้สร่างเมาสักหน่อย แต่กลับเห็นว่าร้านอาหารแห่งนี้กำลังจัดกิจกรรมพอดี
“สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ กิจกรรมฟรีไทม์ของทางร้านเราได้เริ่มขึ้นแล้ว ขอเชิญสุภาพบุรุษสุภาพสตรีผู้มีความสามารถทุกท่านขึ้นแสดงบนเวที ขอเพียงการแสดงบนเวทีของคุณทำให้ผู้ชมที่ด้านล่างเวทีชื่นชอบยอมรับ ก็จะได้รับสิทธิพิเศษดื่มกินฟรีของร้านเรา มีท่านใดอยากจะลองขึ้นเวทีไหมคะ” พิธีกรสาวที่ถือไมค์บนเวทีพูดขึ้น
ด้านล่างเวทีมีคนสนใจอยู่ไม่น้อย แต่คนที่ตอบรับมีเพียงไม่กี่คน บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัดขัดเขินอยู่บ้าง พิธีกรสาวถามขึ้นอีกว่า “ทุกท่านคะ มีใครอยากขึ้นแสดงบนเวทีบ้างไหมคะ”
หลินหว่านเห็นแล้ว ไม่รู้ทำไมเกิดอาการเบลอขึ้นมา เธอยกมือขึ้น ส่งเสียงดังลั่นตอบพิธีกรไปว่า “ฉัน! ฉันเองค่ะ!”
พูดพลางหลินหว่านก็ก้าวยาวๆ ขึ้นเวทีไป มาถึงข้างพิธีกรสาว
พิธีกรสาวจำหลินหว่านได้ เธอถามหลินหว่านอย่างตื่นเต้น “คุณหลินคะ ยินดีต้อนรับค่ะ อยากทราบว่าคุณจะแสดงอะไรดีคะ”
ทันใดนั้นในหัวของหลินหว่านก็ปรากฏภาพตอนหนึ่งของหนังที่แม่เธอเคยแสดงเรื่องหนึ่ง เธอบอกกับพิธีกรหญิงด้วยอาการมึนเมาว่า “ฉ…ฉันอยากจะร้องเพลงจากหนังเรื่องหนึ่งค่ะ”
พิธีกรหญิงถึงแม้จะอยากรู้มาก แต่ยังส่งไมโครโฟนให้กับหลินหว่าน พร้อมกับสละเวทีให้กับเธอ
“เอ๋ หลินหว่านล่ะ” ตอนนั้นเอง คนในกองถ่ายพบว่าหลินหว่านหายตัวไป
“เธออยู่บนเวที กำลังเตรียมจะแสดงแน่ะ” เผยอี้เบนสายตาจากเวที หันมาพูดกับทีมงานคนนั้น
“เอ๋ งั้นเหรอ พี่หลินหว่านนี่มีความสามารถรอบด้านจริงๆ เลยนะ” คนคนนั้นมองตามสายตาเผยอี้ไปที่เวที เอ่ยปากขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นหลินหว่านบนเวที
เสียงพูดคุยของเผยอี้กับทีมงานคนนี้ ทำให้มีคนในกองถ่ายพากันสังเกตเห็นหลินหว่านที่อยู่บนเวที พวกเขาล้วนเข้าใจว่าหลินหว่านเกิดนึกสนุกอยากแสดงขึ้นมา จึงเริ่มหันมาสนใจหลินหว่านบนเวที
พิธีกรสาวพอลงจากเวที หลินหว่านหวนนึกถึงภาพที่แม่เธอเคยแสดงในหนังแล้ว เปล่งเสียงร้องออกมาเป็นเพลงเนิบช้า “วสันตฤดูกรายมา หน้าต่างเขียวอุดมชมอิ่มตา…”
เสียงของหลินหว่านตอนเมานุ่มละมุนราวอาบด้วยเหล้ารสดี เสียงนุ่มเนียนทั้งเย้ายวนใจ พอเธอส่งเสียงร้องออกมาก็ทำให้ผู้คนด้านล่างเวทีเคลิ้มกันไปหมด
“พี่หลินหว่านร้องเพลงอะไรน่ะ” ทีมงานคนหนึ่งในกองถ่ายซึ่งหลงเสน่ห์เสียงของหลินหว่านถามขึ้นอย่างสงสัย
“เป็น…เพลงจากหนังเก่าเรื่องหนึ่ง” เผยอี้ฟังแล้วตอบกลับเสียงเรียบ
ส่วนซวี่กวงที่ด้านข้าง ตั้งแต่หลินหว่านขึ้นเวที สายตาของเขาก็ไม่เคยละห่างไปจากหลินหว่านเลย ตอนนั้นเองซวี่กวงนึกขึ้นได้ว่าเป็นหนังของแม่เธอที่เขาให้หลินหว่านไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เขาแอบถอนใจออกมาเบาๆ
ผู้คนพากันชื่นชมการแสดงบนเวทีของหลินหว่าน แต่ว่าผ่านไปได้ชั่วครู่หนึ่งพวกเขาก็พบว่าหลินหว่านดูเหมือนจะไม่ปกตินัก
หลินหว่านร้องไปพลางหวนนึกถึงฉากนั้นที่แม่เธอแสดงในหนัง แต่แล้วเมื่อนึกถึงแม่ขึ้นมา หลินหว่านก็เหมือนใจสลายอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ สุดท้าย เธออยู่บนเวทีร้องเพลงไปพลาง ร้องไห้ไปพลาง
“เร็ว! รีบไปเอาตัวหลินหว่านลงมา!” ซวี่กวงเมื่อพบว่าหลินหว่านผิดปกติ ก็รีบบอกคนอื่นๆ ในกองถ่าย
เผยอี้กับคนอื่นๆ รีบพุ่งขึ้นเวทีไปดึงตัวหลินหว่านลงมา
“หลินหว่าน คุณไม่เป็นไรน่ะ คุณหยุดร้องไห้ได้แล้ว…” หลังจากดังหลินหว่านลงจากเวที ซวี่กวงกับเผยอี้ผลัดกันเข้าไปปลอบโยนหลินหว่าน
แต่หลินหว่านกับจมดิ่งอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง เธอน้ำตาไหลพรากตลอดเวลาเพราะนึกถึงแม่
ขณะที่ผู้คนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีนั้นเอง เซียวจิ่งสือก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
ที่แท้ผู้ชมที่ด้านล่างเวทีบันทึกภาพที่หลินหว่านร้องเพลงไปพลางร้องไห้ไปพลางอยู่บนเวที แล้วส่งคลิปขึ้นอินเทอร์เน็ต เพราะคลิปนี้หลินหว่านกลายเป็นคำค้นหายอดนิมยมในชั่วพริบตา
เซียวจิ่งสือพอเห็นคลิปนี้เข้าก็เป็นห่วงหลินหว่านมาก เขาโทรหาผู้ช่วยหลินหว่านพอทราบว่าเธออยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้ก็รีบบึ่งมาทันที
เซียวจิ่งสือเห็นอาการของหลินหว่านแล้ว พริบตานั้นความสงสารวูบขึ้นอัดแน่นจนเต็มหัวใจ เขาก้าวเข้าไปหาเธอพร้อมกับเรียกเบาๆ ว่า “หว่านหว่าน หว่านหว่าน”
หลินหว่านยังไม่ตอบสนองอะไรเลย เซียวจิ่งสือเห็นเช่นนั้นก็อุ้มหลินหว่านขึ้น บอกกับทุกคนว่า “ผมพาหลินหว่านไปก่อนนะครับ”
คนในกองถ่ายส่วนใหญ่ล้วนทราบว่าหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่แสดงท่าทีคัดค้านอะไรเมื่อเซียวจิ่งสือพาหลินหว่านจากไป
ตอนที่เซียวจิ่งสืออุ้มหลินหว่านมาถึงรถของเขา หลินหว่านก็หยุดร้องไห้แล้ว เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าพุ่งขึ้นมา ตอนนี้เธอจึงนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับปุ๋ยไปแล้ว
เซียวจิ่งสือเห็นสภาพของเธอแบบนี้ ก็ได้แต่ถอนใจอย่างหมดหนทาง จากนั้นขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านตัวเอง
แต่ที่เซียวจิ่งสือยังไม่รู้ก็คือ เนื่องจากคลิปในคืนนี้ของหลินหว่าน บนเน็ตเกิดเสียงเล่าลือสะพัดว่า
[หลินหว่านนี่เป็นอะไรน่ะ เธอดูไม่ค่อยปกตินะ เหมือนเป็นบ้าไปแล้ว…]
[หลินหว่านดูแล้วไม่ปกติจริงๆ ด้วย ฉันได้ยินมาว่านักแสดงบางคน บางครั้งตอนแสดงถลำลึกเข้าถึงบทบาทมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาทางจิตขึ้นได้ หลินหว่านคงไม่ได้เป็นเพราะเข้าถึงบทบาทมากเกินไปล่ะมั้ง…]