แก้ข่าว
ชั่วเวลาเพียงคืนเดียว คลิปที่หลินหว่านร้องเพลงบนเวทีถูกเผยแพร่ขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ข่าวลือก็แพร่สะพัดจนควบคุมไม่ได้
บางคนบอกว่าหลินหว่านดูเหมือนจะมีเรื่องสะเทือนใจจนทำให้อารมณ์แปรปรวนผิดปกติ บ้างก็บอกว่าหลินหว่านอาจถลำเข้าถึงบทในหนังลึกเกินไปจนสภาพจิตได้รับการกระทบกระเทือน
สรุปแล้ว บนอินเทอร์เน็ตมีการคาดเดาสารพัดทุกรูปแบบ แต่แฟนคลับของหลินหว่านกับขาจรส่วนใหญ่ดูจะยอมเชื่อเรื่องที่หลินหว่านถลำลึกกับบทหนังมากเกินไป ทำให้เกิดอาการผิดปกติในครั้งนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้ของหลินหว่าน สุดท้ายกลายเป็นว่า ซวี่กวงตกเป็น ‘ผู้ร้าย’ โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไป
เนื่องจากนิสัยการถ่ายหนังแบบชอบขี้จับผิดจนขื้นชื่อลือชาของซวี่กวงนี้ เมื่อก่อนมีนักแสดงคนหนึ่งที่เคยทำงานร่วมกับเขาได้เคยพูดเอาไว้ว่า ตอนเขาถ่ายหนังกับซวี่กวงถูกเคี่ยวเข็ญจนเกือบเป็นบ้าไป
ถึงแม้นักแสดงคนนั้นต่อมาได้อธิบายว่าที่เขาพูดแบบนั้นอันที่จริงเป็นการพูดเกินจริงไปเอง แต่แฟนคลับของหลินหว่านพอเห็นสภาพของเธอ ก็นึกขึ้นได้ว่าระหว่างนี้เธอถ่ายหนังอยู่กับซวี่กวง แล้วก็นึกไปถึงนิสัยขี้โมโหของเขากับยี่ห้อนิสัยชอบขี้จับผิดนั่น จึงกลายเป็นว่าสาเหตุของปัญหาทุกประการบ่งชี้ไปที่ซวี่กวง
ช่องคอมเมนต์ด้านล่างเวยปั๋วของซวี่กวงจึงมีแฟนคลับของหลินหว่านเข้ามาคาดคั้นและตำหนิต่อว่าเขา อีกทั้งบีบให้เขาไปขอโทษหลินหว่านเต็มไปหมด แต่ซวี่กวงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
วันรุ่งขึ้น พอหลินหว่านตื่นขึ้นก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านตัวเอง แล้วก็ไม่ได้อยู่ในห้องพักที่โรงแรม ขณะที่เธอกำลังนึกสงสัยอยู่นั้น ก็หันไปเห็นเซียวจิ่งสือที่เฝ้าเธออยู่ข้างเตียง
“หว่านหว่าน คุณตื่นแล้วเหรอ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” พอเห็นหลินหว่านได้สติ เซียวจิ่งสือก็รีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เซียวจิ่งสือ ที่นี่ที่ไหนคะ” หลินหว่านถาม เธอกำลังคิดจะลุกขึ้น แต่ปวดศีรษะหนึบขึ้นมาจากอาการเมาค้างเมื่อคืน
“ที่นี่เป็นบ้านผมเอง” เซียวจิ่งสือตอบ แล้วเห็นว่าหลินหว่านมีสีหน้าไม่ค่อยดี จึงถามอย่างเป็นกังวล “หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไป รู้สึกไม่สบายที่ไหนหรือเปล่า”
หลินหว่านขมวดคิ้วส่ายศีรษะ ถามว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ทำไมฉันอยู่นี่ได้คะ”
เซียวจิ่งสือได้ฟังก็พูดอย่างตกใจว่า “หว่านหว่าน คุณจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ”
“เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรคะ” หลินหว่านถามอย่างสงสัย
เซียวจิ่งสือได้แต่เล่าเรื่องที่เมื่อคืนหลินหว่านเมาเหล้าขึ้นเวทีไปร้องเพลงสลับกับร้องไห้ในงานเลี้ยงปิดกล้องของทางกองถ่าย จากนั้นถูกคนบันทึกวีดีโอเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตจนเขามาพบเข้า ที่มาที่ไปทั้งหมดให้หลินหว่านฟังรอบหนึ่ง
หลินหว่านฟังที่เซียวจิ่งสือเล่า พร้อมกันนั้นในสมองก็ปรากฏภาพความทรงจำเลือนรางของเรื่องเมื่อคืนผุดขึ้น ต่อเมื่อได้ยินเซียวจิ่งสือบอกว่าเขาเห็นคลิปวีดีโอบนอินเทอร์เน็ตแล้วเป็นห่วงเธอ ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ถามขึ้นว่า “เซียวจิ่งสือคะ คลิปนั่นอยู่ไหน ให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
เซียวจิ่งสือหยิบมือถือของหลินหว่านมายื่นส่งให้เธอ ถามย้ำว่า “หว่านหว่าน คุณบอกผมได้ไหมเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณกันแน่”
เซียวจิ่งสือไม่เชื่อว่าหลินหว่านเพียงแค่เมาเหล้าแล้วเกิดนึกอยากจะขึ้นเวทีร้องละครเพลงขึ้นมาเฉยๆ ในคลิปภาพตอนที่หลินหว่านร้องไห้ ความรู้สึกโศกเศร้าแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่า หลินหว่านต้องมีความในใจบางอย่างที่ไม่ยอมพูดออกมาอย่างแน่นอน
หลินหว่านหยิบเอามือถือมา เปิดดูเวยปั๋ว แล้วเห็นว่าชื่อของเธอแขวนติดชาร์คำค้นหายอดนิมยมอยู่บนนั้น เธอคลิกเข้าไปดู แล้วก็เห็นคลิปวีดีโอนั่น
หลินหว่านดูคลิปนั้นจบแล้ว ดูเหมือนจะเรียกความทรงจำเมื่อคืนกลับมาได้ทั้งหมดทันที เธอสะกดความรู้สึกในใจเอาไว้ พลิกอ่านคอมเมนต์บนเวยปั๋ว ตอนนั้นเองเธอได้เห็นข้อความที่ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าเธอถลำลึกกับบทบาทหนังจนสภาพจิตผิดปกติ แฟนคลับของเธอถึงกับส่งข้อความโจมตีซวี่กวงเพราะเหตุนี้อีกด้วย
หลินหว่านเห็นดังนั้นก็รีบส่งข้อความขึ้นเวยปั๋ว อธิบายเรื่องเมื่อคืนว่าเนื่องจากในงานเลี้ยงปิดกล้องเธอเมาเหล้าจึงทำเรื่องแบบนี้เอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผู้กำกับซวี่เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้เธอส่งคำขอโทษยังไปยังเวยปั๋วของซวี่กวงอีกด้วย
ชาวเน็ตพอเห็นเวยปั๋วของหลินหว่านก็เข้าใจว่าทั้งหมดเป็นแค่ความเข้าใจผิด ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเชื่อคำอธิบายว่าเธอเมาเหล้า
เคราะห์ยังดีที่เรื่องผ่านไปได้ในคืนเดียว เรื่องนี้ยังไม่ทันสร้างความเสียหายที่แก้ไขคืนกลับไม่ได้ หลังจากหลินหว่านส่งข้อความชี้แจงลงเวยปั๋วแล้ว ชาวเน็ตจึงเห็นเป็นเรื่องที่หลินหว่านเมาเหล้าจึงเสียกิริยาไปเท่านั้น ข้อความบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับสภาพจิตหลินหว่านไม่ปกติจึงค่อยๆ เลือนหายไป
หลินหว่านเห็นเช่นนั้นก็โล่งอก ลุกจากเตียงมาล้างหน้าล้างตา ส่วนเซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านเลี่ยงที่จะตอบคำถามเมื่อครู่ของเขา ก็แอบถอนใจแล้วไปเตรียมอาหารเช้า
เดิมทีเข้าใจว่าเรื่องนี้คงจะผ่านไปแล้ว แต่ไม่นึกว่าหลังจากหลินหว่านส่งข้อความอธิบายลงเวยปั๋วแล้ว มีชาวเน็ตคนหนึ่งส่งคลิปวีดีโอที่ตัดต่อแล้วขึ้นบนอินเทอร์เน็ตปลุกกระแสคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่กว่าขึ้นมา
คลิปภาพที่ว่านี้ ได้นำภาพหลินหว่านที่แสดงอยู่บนเวทีเมื่อคืนกับภาพแม่ของเธอที่อยู่ในหนังยุคนั้นตัดต่อเข้าด้วยกัน ภาพด้านซ้ายเป็นแม่ของหลินหว่านอันจี๋ถิงซึ่งกำลังแสดงฉากหนึ่งของหนังในยุคนั้น ด้านขวาเป็นภาพจากคลิปเมื่อคืนที่หลินหว่านเมาเหล้าแล้วขึ้นไปแสดงอยู่บนเวที
แต่ที่ทำให้ชาวเน็ตมากมายรู้สึกเหลือเชื่อคือ ในคลิปภาพนี้ การแสดงของหลินหว่านเมื่อคืนกับอันจี๋ถิงในฉากหนึ่งของหนังเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แทบจะเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว ทั้งลักษณะท่าทาง อารมณ์ความรู้สึก การเคลื่อนไหวจนถึงท่วงทำนองในการร้อง เหมือนกันจนอาจกล่าวได้ว่าหลินหว่านเป็นอันจี๋ถิง
ตอนสมัยเมื่อยังสาวเลยทีเดียว
คลิปนี้พอถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ก็ถูกส่งต่อออกไปนับหมื่นแชร์ทันที แต่ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือคอมเมนต์ที่ด้านล่างของชาวเน็ต
[อันจี๋ถิง? ราชินีจอเงินแห่งยุค โอ้ว…ฉันเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีคนแบบนี้อยู่ แต่ว่า…ทำไมหลินหว่านกับอันจี๋ถิงตอนสาวเหมือนกันเป๊ะเลย]
[น่าสนใจดีนี่ สมัยนั้นอันจี๋ถิงชื่อเสียงยับเยินเพราะกลายเป็นของเล่นของพวกผู้ชาย เธอจึงตัดสินใจถอนตัวจากวงการบันเทิงแล้วต่อมาก็ฆ่าตัวตาย แต่เรื่องตอนนั้นเป็นยังไงกันแน่ก็ไม่มีใครรู้ คงไม่ใช่ว่าหลินหว่านกับอันจี๋ถิงสองคนนี่มีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ หรอกมั้ง]
[ห้องข้างบนน่ะ ที่พูดมาจริงหรือเปล่า ถ้าหลินหว่านกับอันจี๋ถิงมีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉันคงรับไม่ได้ล่ะ!]
……
เห็นได้เลยว่าอันจี๋ถิงถึงแม้จะเป็นราชินีจอเงิน แต่เรื่องของเธอในตอนนั้น ทำให้เธอถอนตัวจากวงการด้วยชื่อเสียงไม่ดีนัก คลิปวีดีโอนี้เมื่อปรากฏสู่สายตาสาธารณชนแล้ว หลินหว่านจึงถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แล้วพลอยทำให้เหล่าชาวเน็ตมองเธอด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
คลิปภาพนี้พอปรากฏขึ้นบนเน็ต หลินหว่านก็ได้รับสายจากซวี่กวง
“หลินหว่าน วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงของซวี่กวงยังฟังดูราบเรียบไร้อารมณ์
“ฉันสบายดีค่ะ ผู้กำกับซวี่” หลินหว่านพูดจบก็รีบเสริมอย่างรู้สึกผิดว่า “ผู้กำกับซวี่ ขอโทษนะคะ เพราะฉัน เลยทำให้คุณถูกชาวเน็ตโจมตี เป็นความผิดฉันเองค่ะที่เมื่อคืนดื่มจนเมา…”
ซวี่กวงหัวเราะออกมาเบาๆ พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกข่าลือบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้น ผมไม่สนใจหรอก”
หลินหว่านพูดอีกว่า “แล้วงานเลี้ยงปิดกล้องเมื่อคืน…เพราะฉัน…เลยพลอยทำให้ทุกคนตกใจกันไปหมดล่ะมั้งคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ หลินหว่าน แค่เธอไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว”