บทที่ 617 ความจริง

บัลลังก์พญาหงส์

หวังฮูหยินและคนอื่นๆ ย้ายไปที่วังหลิวสยา ห่างจากวังตวนเปิ่นไม่ไกล วันที่ย้ายไปนั้นหยวนฉงหวากลับพาอาอู่มาเล่นกับซวนเอ๋อร์ เช่นนี้ย่อมทำให้คนที่คิดว่าลูกและภรรยาขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อกับพระชายาองค์รัชทายาทองค์ใหม่ต้องฉงนกับเป็นแถว

 

 

เช่นเดียวกันก็เป็นการทำลายบรรยากาศที่หวังฮูหยินตั้งใจสร้างขึ้นมาอย่างแอบแฝง บรรยากาศที่ทำให้คนอื่นคิดว่าพวกนางไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

 

ถาวจวินหลันย่อมยินดีต้อนรับหยวนฉงหวา แน่นอนว่าในใจเองก็รู้ดีว่าหยวนฉงหวากำลังแสดงจุดยืนของตน และยังคิดจะประจบเอาใจนางอีกด้วย

 

 

สำหรับคนที่รู้กาลเทศะ นางย่อมไม่มีเหตุผลต้องกีดกัน

 

 

ในขณะเดียวกันหยวนฉงหวาก็นำข่าวมาแจ้ง “ตอนนี้ฮองเฮากำลังเบนความสนใจไปสืบเรื่องขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ บอกว่าที่ตอนแรกองค์รัชทายาทได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนจงใจเปิดเผยตำแหน่งของเขา อีกทั้งยังเปิดเผยที่ซ่อนขององค์รัชทายาท เรื่องนี้ท่านรู้หรือไม่?”

 

 

ถาวจวินหลันย่อมรู้เรื่องนี้ ความจริงหลี่เย่บอกนางตั้งแต่คืนนั้นแล้ว และนางยังเคยสงสัยด้วยว่าคนคนนั้นคือหลี่เย่ แต่พอดูท่าทีสงบนิ่ง เรียบง่าย และไม่กังวลของหลี่เย่ นางก็เลิกสงสัยทันที ขอแค่ไม่ใช่การกระทำของหลี่เย่ก็พอแล้ว สุดท้ายจะเป็นใครนั้นถาวจวินหลันเองไม่สนใจ

 

 

“คิดว่าต้องเป็นคนสนิทขององค์รัชทายาทกระมัง?” พอเห็นท่าทีจริงจังของหยวนฉงหวา ถาวจวินหลันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนลองเดา

 

 

หยวนฉงหวาเม้มปาก จากนั้นก็พยักหน้า “เป็นคนสนิทขององค์รัชทายาทจริงเพคะ”

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้าเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็ฉุกคิดได้ว่าไม่ถูกต้อง จึงมองหยวนฉงหวาอย่างสงสัย น้ำเสียงเข้มขรึมเค้นถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

 

 

หยวนฉงหวามองถาวจวินหลัน ยิ้มบางๆ “พระชายาองค์รัชทายาทพอจะเดาได้หรือไม่เพคะ?

 

 

ถาวจวินหลันถลึงตาโต จากนั้นก็พูดว่าเสียงเบา “เจ้าช่างกล้านัก ไม่กลัวคนสืบพบหรืออย่างไร?” นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก!

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ” หยวนฉงหวาหัวเราะออกมา ท่าทีพออกพอใจ “วางใจเถิด สืบพบว่าข้าเป็นคนทำ ก็ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านจะกลัวอะไรเพคะ?”

 

 

“แต่อาอู่…” ถาวจวินหลันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

 

 

“สืบไม่พบหรอกเพคะ คนที่แจ้งข่าวตายไปแล้ว ข้าเป็นคนวางยาเขาเอง” หยวนฉงหวาตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางหัวเราะอีก “แต่ตัวเขาเองไม่เพียงแค่โดนข้าซื้อ ทางจวงอ๋องก็มีเส้นสายไม่น้อยเลยทีเดียว”

 

 

ถาวจวินหลันนิ่งไป “จวงอ๋องหรือ?” คราวนี้นางอดเชื่อมหลายเรื่องเข้าด้วยกันไม่ได้ ทำไมจวงอ๋องถึงได้ซื้อคนใกล้ตัวองค์รัชทายาท? เขาคิดจะทำอะไร? เช่นนั้นการตายขององค์รัชทายาทเกี่ยวข้องกับจวงอ๋องหรือไม่…

 

 

“ข้ามีหลักฐานในมือ” หยวนฉงหวาพูดพลางหัวเราะร่อ

 

 

ถาวจวินหลันเห็นหยวนฉงหวาเป็นเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายของหยวนฉงหวาทันที รีบถามออกไปว่า “เจ้าอยากได้อะไร?”

 

 

หยวนฉงหวาหัวเราะออกมา ตบมือเบาๆ เป็นการชื่นชม “พระชายาองค์รัชทายาทฉลาดยิ่งนัก เดาจุดประสงค์ของข้าได้ในทันใด”

 

 

หยุดไปครู่หนึ่งหยวนฉงหวาไม่รอให้ถาวจวินหลันไล่ถาม ก็พูดต่อไปว่า “ที่จริงแล้วครั้งนี้ข้าเพียงแค่มาสานสัมพันธ์กับพวกท่านเท่านั้นเพคะ ไม่ได้ถือว่าเป็นคำขอร้องอะไร แต่ข้าหวังว่าในอนาคตตอนที่ท่านลงมือกับหวังฮูหยิน ท่านจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อให้ข้าจัดการ”

 

 

ถาวจวินหลันเดาสาเหตุได้ทันที “เจ้าสืบรู้ว่าหวังซื่อมีส่วนเกี่ยวกับการตายของลูกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

 

 

รอยยิ้มของหยวนฉงหวากลายเป็นทีท่าจะร้องไห้ในฉับพลัน กัดฟันพูดอย่างเคียดแค้น “เป็นฝีมือของนางแน่นอน! ข้าเพิ่งจะสืบพบความจริงของเรื่องนั้น! นางวางแผนมานานแล้ว ให้ข้าสูญเสียความโปรดปราน รอจนคลอดลูกออกมาแล้ว ก็ค่อยอุ้มลูกออกไปอย่างชอบด้วยเหตุผล แล้วส่งข้าออกไป! แต่ใครจะรู้ว่าองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อจะไร้เยื่อใยเช่นนั้น ถึงกับ ถึงกับ…” หยวนฉงหวาพูดต่อไปไม่ไหว เห็นชัดว่าความโศกเศร้านั้นฝังลึกลงกระดูก

 

 

ถาวจวินหลันถอนหายใจ ในใจเกิดรู้สึกสงสารหยวนฉงหวา แต่ถ้าพูดว่ามาก ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น หยวนฉงหวาบ้าคลั่งเกินไป ในตอนนี้นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับหยวนฉงหวาแล้ว

 

 

หยวนฉงหวาใช้วิธีโหดเ**้ยม…น่าตกใจจนพูดไม่ออก

 

 

แม้นางจะรู้ว่าหยวนฉงหวาไม่อาจลงมือกับนาง แต่ในใจนั้นก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนข้างกายมีจิ้งจอกอยู่ตัวหนึ่ง แม้จะรู้ว่าจิ้งจอกไมมีทางกินตน แต่จะไม่กลัวหรืออย่างไร?

 

 

“พระชายาองค์รัชทายาทไม่ต้องระแวงข้าเพคะ ข้าไม่ได้เสียใจคลุ้มคลั่งถึงเพียงนั้น แม้ว่าตอนแรกข้าจะไม่ชอบท่าน แต่ท่านก็ไม่เคยทำร้ายข้ามาก่อน” หยวนฉงหวาสัมผัสได้ถึงความคิดของถาวจวินหลัน จึงรีบพูดดักไว้ก่อน สุดท้ายแล้วยังพูดอีกว่า “แม้ว่าสายตาของข้าจะตื้นเขิน แต่ก็ยังถือว่ารู้หน้าที่และเวลา ตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท อนาคตของพวกเราสองแม่ลูกตกอยู่ในมือของท่าน ข้าจะมาเอาใจท่านยังไม่ทันด้วยซ้ำไป”

 

 

หยวนฉงหวาไม่พูดเรื่องนี้ยังดีกว่า พอพูดออกมา ถาวจวินหลันก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น ไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อไป ถาวจวินหลันจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นหลักฐานเล่า?” ในเมื่อหยวนฉงหวาจะให้นาง นางย่อมไม่เกรงใจ ดังนั้นจึงถามออกไปตรงๆ

 

 

หยวนฉงหวาหัวเราะพูดว่า “เลือกโอกาสที่เหมาะสม ข้าจะส่งมาให้พระชายาองค์รัชทายาทเพคะ ตอนนี้เห็นชัดเกินไป ทำให้คนสังเกตเห็นง่ายนัก”

 

 

ตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น ซวนเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นเต้น “อาอู่ยิ้มแล้ว!”

 

 

ถาวจวินหลันและหยวนฉงหวาได้ยินก็หัวเราะ “อาอู่แต่เดิมก็ยิ้มได้อยู่แล้ว ทำไมถึงได้ตื่นเต้นเช่นนี้?”

 

 

“ก่อนหน้านี้ไม่เคยยิ้มมาก่อน” ซวนเอ๋อร์ดึงหน้าอธิบายอย่างจริงจัง “แต่วันนี้ยิ้มตลอดเลย งดงามมาก”

 

 

ถาวจวินหลันหัวเราะร่อ “เอาเถิด ไปเล่นกับอาอู่เถิด”

 

 

ซวนเอ๋อร์บิดไปมา แหงนหน้าพูดกระซิบข้างหูถาวจวินหลันเสียงเบา “ให้อาอู่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่? อยู่ด้วยกันทุกวัน เหมือนแต่ก่อน!”

 

 

คำพูดของซวนเอ๋อร์ไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ถาวจวินหลันไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะและพูดว่า “ได้ เจ้าถามท่านป้าคนนี้ นางยอมหรือไม่”

 

 

ซวนเอ๋อร์หันไปมองหยวนฉงหวาอย่างคาดหวัง

 

 

หยวนฉงหวานั้นอ่อนโยน และมีเมตตาต่อเด็กๆ ยิ้มและโอบซวนเอ๋อร์เข้ามา พูดว่า “หากซวนเอ๋อร์ชอบอาอู่ ข้าจะพาอาอู่มาเล่นด้วยบ่อยๆ ดีหรือไม่? หลังจากอาอู่กลับไปแล้ว ยังต้องไปทำความเคารพเสด็จย่าของเขาอีก ไม่อาจอยู่นานได้”

 

 

ซวนเอ๋อร์ก็ไม่ดื้อ ฟังเหตุผล ได้ยินหยวนฉงหวาพูดเช่นนี้ แม้ว่าจะมีสีหน้าผิดหวัง แต่ก็ยังพยักหน้าบ่งบอกว่าตนเข้าใจ และไม่คิดจะพูดรั้งให้อาอู่อยู่ต่อ

 

 

ให้ซวนเอ๋อร์ออกไปเล่นกับอาอู่ต่อ ถาวจวินหลันก็อดหัวเราะไม่ได้ “ไม่รู้ว่าทำไมซวนเอ๋อร์ถึงได้ชอบอาอู่ ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอครั้งแรกก็ถูกใจเช่นนี้แล้ว แม้แต่หมิงจูก็ยังเทียบไม่ได้”

 

 

หยวนฉงหวาเองก็หัวเราะชอบใจ “ชอบถึงจะดีเพคะ ต่อไปนี้จะเล่นด้วยกันได้ ตอนนี้อาอู่ต้องเหงาคนเดียว บรรดาพี่สาวของเขาแต่ละคนก็ร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบเล่นกับเขาเท่าไรเพคะ ข้าเห็นว่าซวนเอ๋อร์นิสัยดี คิดว่าโตขึ้นจะต้องเป็นพี่ชายที่ดีแน่นอนเพคะ”

 

 

แต่ในใจนางกลับคิดว่า ชอบถึงจะดี ในอนาคตซวนเอ๋อร์เป็นองค์รัชทายาท เป็นฮ่องเต้จะได้ดูแลอาอู่ให้มาก มีความผูกพันเช่นนี้ อนาคตของอาอู่คงจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน

 

 

และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต่อให้ฮองเฮาและหวังฮูหยินไม่ชอบ แต่นางก็ยังพาอาอู่มาหาซวนเอ๋อร์

 

 

ส่งหยวนฉงหวากลับไป ถาวจวินหลันจึงเรียกซวนเอ๋อร์เข้ามา ถามเขาเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าไปพูดเรื่องอาอู่เคยอยู่บ้านเรากับผู้อื่นอีกหรือไม่?”

 

 

ซวนเอ๋อร์อึ้งไป ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่มีขอรับ”

 

 

ถาวจวินหลันถอนหายใจเบาๆ กำชับด้วยท่าทีจริงจัง “ต่อจากนี้ห้ามพูดเรื่องนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”

 

 

ซวนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความมึนงง ตกใจเพราะท่าทีจริงจังของถาวจวินหลัน

 

 

ชิงกูกูก้าวขึ้นมาปลอบ “คำพูดของเด็กจะมีใครเชื่อเพคะ? พระชายาอย่าจริงจังนักเลย บ่าวเห็นว่าฮูหยินรองหวังมีท่าทีเหมือนจะมาบ่อยครั้ง พระชายาจะต้องระวังเสียหน่อย อย่างไรเสีย…”

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้า “กูกูวางใจ ข้ารู้ดี เรื่องซวนเอ๋อร์และอาอู่ก็ไม่ต้องกังวลมาก ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องนั้นดีนัก ถือเป็นเรื่องดี”

 

 

ไม่เพียงแค่แสดงท่าทีมีเมตตาของวังตวนเปิ่นได้ อีกทั้งยังทำให้ซวนเอ๋อร์เรียนรู้ว่าจะเข้ากับเด็กคนอื่นได้อย่างไร หมิงจูและกั่วเจี่ยเอ๋อร์ล้วนเป็นหญิงสาว ย่อมต้องไม่เหมือนเด็กผู้ชายแน่นอน แล้วแม้ว่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ นางเองก็ยังแอบหวังให้ซวนเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องและพ่อลูกอย่างจริงใจ ไม่เหมือนกับหลี่เย่เมื่อครั้งยังเด็ก…

 

 

ตกดึกนางเอาคำพูดของหยวนฉงหวาไปกระซิบบอกหลี่เย่ หลี่เย่กลับไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพียงแค่พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”

 

 

“ท่านไม่แปลกใจหรือเพคะ?” ถาวจวินหลันอดอึดอัดใจไม่ได้

 

 

หลี่เย่หัวเราะเสียงเบา “มีอะไรน่าแปลกใจกัน เจ้าลองคิดดูว่าข้างกายองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อมีคนสนิทอยู่เท่านั้น คนที่ซื้อได้มีไม่เยอะ มีคุณสมบัติที่จะซื้อก็ยิ่งไม่เยอะ ส่วนคนที่อยากให้องค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายก็ยิ่งน้อย ข้าเดาว่าไม่ใช่จวงอ๋องก็ต้องเป็นอู่อ๋อง แต่คิดไม่ถึงว่าหยวนฉงหวาจะเข้ามายุ่งเสียก่อน นี่ก็ไม่แปลก อย่างไรหยวนซื่อก็แค้นองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อมากอยู่แล้ว”

 

 

“ถ้าเช่นนั้นพระองค์คิดว่าฮ่องเต้รู้หรือไม่เพคะ?” ถาวจวินหลันครุ่นคิด พลางถามเสียงเบา

 

 

หลี่เย่แค่นหัวเราะ ถามถาวจวินหลันกลับ “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

 

 

ถาวจวินหลันครุ่นคิด หลังจากนั้นก็พยักหน้า “น่าจะพอรู้อยู่บ้างกระมัง ก่อนหน้านี้อาจจะไม่รู้ แต่หลังจากองค์ชายเจ็ดกลับมา หม่อมฉันคิดว่าน่าจะรู้เพคะ” แต่ฮ่องเต้ไม่ได้มีทีท่าจะสืบเรื่องนี้

 

 

“เรื่องเช่นนี้ บางทีหลับตาข้างหนึ่ง ลืมตาข้างหนึ่งไปก็พอ ขอแค่ไม่มีหลักฐานมัดตัว ไม่มีคนโวยหาความจริงของเรื่องนี้ คนคนนั้นย่อมไม่ก่อเรื่องขึ้นมาเอง ล้วนเป็นลูกชาย องค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายไปแล้ว หรือว่าจะต้องให้ลูกชายอีกคนชดใช้ด้วยอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของหลี่เย่แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน ”กล้าทำเรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะไม่มีทางเอาความได้จริงหรืออย่างไร?”

 

 

ฮ่องเต้มีลูกชายเพียงเท่านี้ ตัวเขาเองย่อมไม่อาจลงมือลงไม้เอาชีวิตลูกชาย ดังนั้นอย่างมากก็เพียงแค่ลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง

 

 

ถาวจวินหลันถอนหายใจ คิดว่าองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายไปอย่างไม่ยุติธรรมเสียจริง

 

 

“เรื่องนี้เจ้าอย่าเข้าไปยุ่งมากนักเลย หากหยวนซื่อส่งของมาให้ เจ้ามอบให้ข้าก็พอแล้ว มิเช่นนั้นหากลากเจ้าเข้าไปเกี่ยวก็จะยิ่งวุ่นวาย” หลี่เย่คิดถึงท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อถาวจวินหลัน จึงกำชับอย่างเคร่งครัด