เมื่อโม่เทียนเกอได้สติอีกครั้ง นางรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของนางติดอยู่ระหว่างก้อนเมฆ ไม่มีพละกำลังเหลืออยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางลืมไม่ขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเส้นลมปราณของนางก็ปวดไปหมด
ขณะที่นางกำลังพยายามขยับตัว นางได้ยินเสียงผู้หญิงพูดอย่างนุ่มนวลกับนาง “อาจารย์ลุงโม่ ที่นี่คือบ่อน้ำเวินหย่างของท่านปรมาจารย์ ตอนทางขากลับนั้นเราเจอเข้ากับศัตรูและท่านปรมาจารย์ทำให้ท่านบาดเจ็บโดยบังเอิญ ท่านปรมาจารย์ส่งท่านมาที่สถานที่แห่งนี้ทันทีหลังจากเรามาถึงและบอกให้เราดูแลท่านให้ดี อาจารย์ลุง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
โม่เทียนเกอพึมพำอยู่ในใจ ทั้งร่างของข้าไม่สบาย แม้แต่การพูดยังยากเลยตอนนี้
ในไม่ช้า โม่เทียนเกอได้ยินเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง “เมิ่งจู๋ ในเมื่ออาจารย์ลุงตื่นแล้ว เจ้าควรจะช่วยให้นางทานยาวิเศษที่ท่านปรมาจารย์ทิ้งไว้ให้สิ”
จากนั้นโม่เทียนเกอรู้สึกใครบางคนกำลังดันยาวิเศษมาเข้าปากนาง นางต้องออกแรงอย่างมากก่อนที่นางจะอ้าปากได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อยาวิเศษเข้าไปอยู่ในปากของนางแล้ว นางถึงได้รู้ตัวว่านางไม่มีแม้แต่แรงจะกลืนมันด้วยซ้ำ
หญิงคนแรกพูด “อาจารย์ลุง อภัยในความไร้มารยาทของข้าด้วย”
หลังจากนั้นใครบางคนจับกรามล่างของนางและดันมันขึ้น ดันให้ยาวิเศษในปากนางไหลลงคอไป
วินาทีที่ยาวิเศษเข้าสู่ร่างกายนาง พลังของยาวิเศษแพร่กระจายไปตามเส้นลมปราณของนาง ความเจ็บปวดที่นางรู้สึกก่อนหน้านี้ในเส้นลมปราณลดลงทันที ถึงอย่างนั้น ประสิทธิภาพของมันก็เทียบไม่ได้กับพืชสมุนไพรที่สัตว์วิเศษไฟนรกเก็บรวบรวมไว้ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน
โม่เทียนเกอนิ่วหน้า นางกำลังพยายามอย่างมากที่จะซึมซับพลังของยาวิเศษ แต่ขณะเดียวกัน นางก็กำลังเสียใจกับความโชคร้ายอันเด่นชัดของตัวเองอยู่
ในสงครามกับสัตว์ปีศาจ สิ่งเดียวที่นางต่อสู้ด้วยบังเอิญเป็นสัตว์ปีศาจระดับห้า ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่ฝึกด้วยห้าวิญญาณ และถ้าไม่ใช่เพราะโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนาง นางคงจากโลกนี้ไปนานแล้ว
หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากอาการบาดเจ็บของนางก็หายดี อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางเจอกับสหายศิษย์ของนาง นางก็บังเอิญพบกับพี่ใหญ่เยี่ยที่ถูกซุ่มโจมตี เพราะหลายปัจจัยที่เกิดจากเรื่องนี้ นางจึงถูกรับเข้ามาเป็นศิษย์ภายในชั้นสูงของท่านปรมาจารย์ระดับจิตวิญญาณใหม่ ใครจะไปคิดล่ะว่าก่อนที่สถานะศิษย์ภายในชั้นสูงนี้จะหมดความสดใหม่ นางจะถูกทำร้ายโดยท่านอาจารย์ของตัวเองถึงขนาดบาดเจ็บหนักได้?
คนอาจจะถามว่าในโลกใบนี้ ศิษย์ภายในชั้นสูงกี่คนกันที่ถูกทำร้ายจนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสโดยท่านอาจารย์ของตัวเองทันทีหลังจากที่พวกเขาบูชาท่านอาจารย์คนเดียวกันนั้น
ในฝั่งตะวันตกของคุนอู๋ทั้งหมด นางคนบ้าคนนี้ อาจจะเป็นคนเดียวที่ผ่านเรื่องเช่นนั้น นางไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอย่างไรดีเกี่ยวกับโชคชะตาของนาง
เมื่อนางคร่ำครวญในจิตใจเสร็จสิ้น ในที่สุดโม่เทียนเกอก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่กลับมา นางพยายามอย่างหนักที่จะอ้าปากและถามออกมาได้ “พี่ใหญ่เยี่ย… เขาเป็นอะไรไหม?”
“ถ้าจะตอบคำถามของอาจารย์ลุง ศิษย์พี่เยี่ยถูกพากลับไปที่ยอดเขาวสันต์กระจ่างโดยอาจารย์ลุงชิงหยวนและกำลังพักฟื้นอยู่เจ้าค่ะ ท่านปรมาจารย์ยังได้มอบยาวิเศษบางส่วนให้เขา คาดว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่น่าจะรุนแรงมากนัก”
มอบ… เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนที่ทำให้เราบาดเจ็บ แต่ท่านยัง “มอบ” …
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่วนเวียนอยู่ข้างนาง โม่เทียนเกอรู้สึกทำตัวไม่ถูก ถ้านางยังเป็นศิษย์ลงนาม พวกเขาคงปล่อยให้นางดูแลตัวเองแน่นอน ในกรณีนั้น นางคงจะสามารถตรงเข้าไปยังโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางและฟื้นตัวได้ ทั้งพืชสมุนไพรและพลังวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางดีกว่าที่ท่านอาจารย์ท่านนี้จัดหามาให้หลายเท่าตัวนัก
ด้วยความคิดเช่นนั้น จู่ๆ โม่เทียนเกอก็รู้สึกดีขึ้นมาก ในฝั่งตะวันตกของคุนอู๋ทั้งหมด นางคงเป็นคนเดียวที่กล้าจะไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางของตัวเองมอบให้
ถึงอย่างนั้น สถานการณ์ของพี่ใหญ่เยี่ยครั้งนี้ก็อาจจะเลวร้ายลง นอกเหนือจากเส้นลมปราณที่เสียหายหนัก ระดับการฝึกตนของเขาอาจจะจบที่การถดถอยลงก็ได้
นางสงสัยอย่างจริงจังว่านางทำอันตรายต่อเขาหรือเขาแพร่โชคร้ายของเขามาให้นางกันแน่
ทันใดนั้นโม่เทียนเกอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา “ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงไม่เป็นอะไรล่ะ”
จากความทรงจำของนาง ผู้ฝึกตนหญิงหลายคนนอกรถเมฆก็อยู่ในดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังเหมือนกับนาง นางและเยี่ยจิ่งเหวินบาดเจ็บสาหัส เพราะงั้นทำไมคนพวกนี้ถึงยังมีแรงมาดูแลนางได้
“เพื่อตอบคำถามของอาจารย์ลุง จุดที่เราศิษย์พี่น้องทั้งแปดคนยืนอยู่ถูกปกคลุมด้วยเกราะป้องกันจากม่านพลังบนรถเมฆ ด้วยเหตุนั้น ไม่ว่าการต่อสู้ของท่านปรมาจารย์จะสะเทือนโลกแค่ไหนก็ไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่างไรก็ตาม เพราะโดยปกติท่านปรมาจารย์เป็นคนเดียวที่อยู่ในรถและอาจารย์ลุงกับศิษย์พี่เยี่ยอยู่ไม่ไกลจากท่านปรมาจารย์ ท่านทั้งคู่จึงถูกทำให้บาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
ก่อนที่โม่เทียนเกอจะสามารถค้านได้ หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง “การนั่งอยู่ในรถคันเดียวกับท่านปรมาจารย์เป็นเกียรติที่ทำให้ศิษย์นับไม่ถ้วนต้องอิจฉาถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ อีกอย่าง ท่านปรมาจารย์ก็ไม่ได้ทำไปเพราะความตั้งใจ ข้าหวังว่าอาจารย์ลุงจะไม่ถือโทษนะเจ้าคะ”
โม่เทียนเกอบ่นพึมพำในใจ พวกสาวๆ อย่างเจ้านั่งรถคันเดียวกับเขาทุกวัน ทำไมข้าไม่เห็นมีใครรู้สึกอิจฉาเลย
จู่ๆ หญิงอีกคนก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “ศิษย์พี่เมิ่งจู๋ ข้าเกรงว่าไม่ว่าอาจารย์ลุงจะถือโทษหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านมีสิทธิ์จะไปกังวลนะ ใช่ไหม”
เอ๋? น้ำเสียงห้วนๆ แบบนั้นทำให้โม่เทียนเกอค่อนข้างประหลาดใจ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน
ขณะนั้นเอง ผู้ฝึกตนหญิงที่ชื่อเมิ่งจู๋เปลี่ยนน้ำเสียงนุ่มนวลของนางเป็นเสียงเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็น “ข้ากำลังพูดกับอาจารย์ลุงโม่ ทำไมเจ้าต้องสอดด้วย?”
พอได้ยินคำตอบเช่นนี้ ผู้ฝึกตนหญิงที่เหน็บแนมเมิ่งจู๋ก็โมโหยิ่งขึ้น นางหัวเราะหึอย่างเย็นชา “ท่านปรมาจารย์ให้เรารออาจารย์ลุงโม่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่คนเดียว ทำไมข้าจะพูดไม่ได้?”
“ศิษย์น้องรั่วหลาน!” น้ำเสียงเมิ่งจู๋เด็ดขาดขึ้นมาทันที “เจ้าหรือว่าข้ากันแน่ที่เป็นศิษย์พี่!?”
“ท่าน—” รั่วหลานหยุดครู่หนึ่งจากนั้นพูดอย่างอิจฉา “แน่นอนว่าท่านคือศิษย์พี่”
น้ำเสียงเมิ่งจู๋เปลี่ยนกลับไปเป็นจองหองเล็กน้อยเหมือนก่อนหน้านี้ “ในเมื่อข้าเป็นศิษย์พี่ เจ้าต้องทำตามสิ่งที่ข้าพูด”
หลังจากนางพูด ทั้งบริเวณกลับไปเงียบชั่วครู่ อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น หญิงที่ชื่อรั่วหลานพูดขึ้นมาอย่างโมโหอีกครั้ง “ตอนนี้ท่านเป็นศิษย์พี่แล้วมันจะทำไม คนที่ท่านปรมาจารย์ชอบไม่เคยตัดสินกันที่ความอาวุโส!”
ตอนที่โม่เทียนเกอได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดนางก็เข้าใจแจ่มแจ้ง หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่าการแก่งแย่งความรักที่พูดถึงกันในตำนาน?
โม่เทียนเกอคิดเกี่ยวกับปรมาจารย์จิ้งเหอที่ไร้การควบคุม อ้อ เขาเป็นอาจารย์ของนางแล้วตอนนี้ จากนั้นคิดเกี่ยวกับผู้ฝึกตนหญิงที่สดใส อ่อนวัย และสวยงามเหล่านี้ผู้ที่ดูเหมือนอายุน้อยกว่าร้อยปี จู่ๆ นางก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบและขนลุกซู่ โรงเรียนแห่งเต๋ามุ่งเน้นที่การมีใจบริสุทธิ์และความปรารถนาเพียงน้อยนิด ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับการฝึกตนร่วมสัมพันธ์ แต่ก็มีคนน้อยมากที่ชอบมีนางสนม ท่านอาจารย์คนใหม่ของนางที่เพิ่งบูชานี้คงไม่บังเอิญเป็นคนที่ถูกยกเว้นใช่ไหม
เมิ่งจู๋ [1] รั่วหลาน [2] ชื่อพวกนี้มันช่าง… สัปดน! ปรมาจารย์จิ้งเหอผู้ที่หยิ่งยโส สูงศักดิ์ สง่างามกลับชอบชื่อคล้องจองกันพวกนี้อย่างไม่น่าเชื่อ คงไม่มีอะไรเหมย [3] หรือจู๋ [4] หลังจากนี้ใช่ไหม?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในจิตใจ นางก็ได้ยินเมิ่งจู๋ตะโกน “ซวงจู๋! [5] สีหน้าของเจ้ามันหมายความว่าอย่างไร?!”
โม่เทียนเกอแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด! โชคร้ายที่นางไม่มีแรงเหลืออยู่ในร่างกายนางและทำได้เพียงเบ้หน้า ขณะที่นางพยายามอย่างหนักในการซึมซับฤทธิ์ยาเพื่อที่นางจะได้กลับมาควบคุมร่างกายของนางได้อย่างเร็วที่สุด นางก็ยังคงฟังผู้ฝึกตนหญิงเหล่านี้ต่างพูดเสียดสีกันไปอย่างต่อเนื่อง
“ศิษย์พี่เมิ่งจู๋ ข้าไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย!” ซวงจู๋ผู้นี้ฟังดูเย็นชา เหมือนกับว่านางไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกนาง
เมิ่งจู๋พูดเย้ย “เจ้าไม่ได้พูดอะไรแต่ทุกอย่างมันแสดงออกมาหมดบนหน้าเจ้า!”
แทนที่จะตอบ ซวงจู๋กลับนิ่งเงียบ
จากนั้นโม่เทียนเกอได้ยินรั่วหลานหัวเราะอย่างดูถูก “ศิษย์พี่เมิ่งจู๋ ถ้าเราจะพูดกันถึงเรื่องความอาวุโส ท่านเองก็ไม่ใช่คนที่อาวุโสที่สุดในหมู่พวกเรา ทำไมท่านต้องแกล้งซวงจู๋ด้วยเล่า?”
“ข้าไปแกล้งนางตอนไหน?” เมิ่งจู๋โต้กลับอย่างไม่พอใจ “ข้าแค่ถามดู แต่นางกลับทำเป็นเมินข้า! เพราะงั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“นาง…”
“พอแล้ว!” ครั้งนี้ขณะที่รั่วหลานกำลังเปิดปากจะพูด ผู้ฝึกตนหญิงคนที่ไม่ได้พูดอะไรจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาในท่าทางน่าเกรงขาม “แค่เพราะข้าไม่พูด เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่ไม้ประดับอย่างนั้นเรอะ ฮึ! จะเถียงกันเรื่องพวกนี้ไปเพื่อประโยชน์อะไร? ท่านปรมาจารย์บอกให้เราดูแลอาจารย์ลุงโม่ เจ้าไม่กลัวว่าอาจารย์ลุงโม่จะโกรธเพราะสิ่งที่พวกเจ้าพูดกันรึ!?”
เมื่อนางพูด ทุกคนจึงนิ่งเงียบ จากนั้นซวงจู๋พูดขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่โม่เหมย [6] อย่าโกรธไปเลย เราจะหยุดพูดแล้ว”
แต่ทันทีที่นางพูดจบ รั่วหลานก็พูดว่า “ศิษย์พี่โม่เหมย ท่านดูแลอาจารย์ลุงโม่อย่างตั้งใจ ท่านไม่ได้พยายามใช้อาจารย์ลุงโม่เพื่อเอาชนะใจท่านปรมาจารย์ใช่ไหม? ข้าแค่กลัวว่าการคาดคะเนของท่านจะผิดไป!”
เมื่อนางได้ยินดังนั้น โม่เทียนเกอยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก คนพวกนี้กำลังเถียงกันต่อหน้านางโดยไม่ยั้ง พวกนางอาจจะเรียกนางว่า “อาจารย์ลุง” แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่มีความเคารพต่อนางเลยสักนิด การทำตัวเยี่ยงนี้หมายความว่าพวกนางกำลังเอาเปรียบจากความจริงที่ว่านางเป็นแค่ผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังอยู่ไม่ใช่หรือ วิธีการของประมุขเต๋าจิ้งเหอในการจัดการบริวารของเขาช่างไม่ได้เรื่องจริงๆ!
——
[1] เมิ่ง: ความฝัน; จู๋: ไผ่
[2] รั่ว: ดูเหมือน, เหมือน, ราวกับ; หลาน: ดอกกล้วยไม้
[3] เหมย: ดอกเหมย
[4] จู๋: ดอกเก๊กฮวย
[5] ซวง: น้ำค้างแข็ง; จู๋: ดอกเก๊กฮวย
[6] โม่: หมึก; เหมย: ดอกเหมย; คร่าวๆ หมายถึงดอกเหมยที่วาดด้วยหมึก