TB:บทที่121 บดรถให้แหลก

“จะให้ผมไปคุยกับรถจริงๆหรอ?” ใบหน้าของเฉินหลงมีรอยยิ้ม

เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินหลงหญิงสาวก็พูดขึ้นมา “พี่เต๋า” และรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่เมื่อมองไปที่ท่าทีที่ดูขี้แพ้ของเฉินหลงอีกครั้ง ชายคนนั้นก็ยังไม่รู้สึกอะไร เขาพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ใช่”

เฉินหลงให้จี้โม่ซีถือร่ม จี้โม่ซีก็คว้ามาจากเฉินหลง เธอรู้อยู่แล้วว่าเฉินหลงคงไม่พูดอะไรกับรถเฉินหลงยิ้มให้กับจี้โม่ซี

“สาวสวย ผมว่าอย่าตามเขาไปเลย ลืมเขาไปเถอะ ผมสัญญาว่าจะให้คุณได้กินดีอยู่ดี ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ขับรถหรูๆและได้อยู่บ้านพักตากอากาศด้วย”ตอนนี้ เมื่อคนที่ถูกเรียกว่า พี่เต๋า เห็นจี้โม่ซี เขาก็หลงใหลในความสวยของเธอทันที

คนที่ถูกเรียกว่า พี่เต๋าหรือเต๋าเกอนั้นดูเหมือนว่าคำพูดเมื่อกี้จะทำให้ผู้หญิงของเขาไม่พอใจ เธอคนนั้นจึงคว้าไปที่แขนของเขาและพูดว่า “พี่เต๋า ถึงเธอจะสวยมาก แต่เธอเป็นของคนอื่นแล้วไม่ใช่หรอ? เธอจะทำให้พี่มีความสุขเท่าฉันได้หรอ? พี่คิดดีแล้วหรอคะ?”

“ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเธอตัดสินใจมากับพี่แล้ว ฉันก็ยังคงต้องการเธอและถ้าเธอสอนเด็กคนนั้นดีแล้ว ฉันก็จะให้เธอทั้งสองอยู่ด้วยกันกับพี่แล้วพี่ก็ได้มีความสุขเป็นสองเท่าเลยไงจ้ะ ” พี่เต๋าตบไปที่สะโพกของคู่ขาของเขาและจากนั้นก็มองไปที่จี้โม่ซีด้วยสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์

เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่ชื่อ พี่เต๋า สีหน้าของจี้โม่ก็แสดงออกอย่างไม่ชอบและคิดว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดมันแย่จริงๆ

เฉินหลงลูปไปที่แก้มจี้โม่ซีและพูดกับเธอว่า

“ไม่เป็นไรนะ ผมจะช่วยระบายความโกรธให้คุณเอง” พูดจบ เฉินหลงก็ตรงไปที่รถเฟอร์รารี่ของพี่เต๋า

เมื่อพี่เต๋าเห็นเฉินหลงเดินตรงไปที่รถ เขาจึงไม่ได้เข้าไปในร้านค้าทันที แต่เขากลับหันมาดูสิ่งที่เฉินหลงกำลังจะทำแทน

ตอนนี้ พนักงานผู้ช่วยในร้านค้าก็ยนมองความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ผ่านกระจกร้านด้วยเมื่อเฉินหลงเดินมาถึงประตูของรถเฟอร์รารี่ เขาก็เตะเข้าไปที่ประตู “ปัง”

เฉินหลงเตะประตูรถด้วยขาข้างเดียวจากนั้นเสียงร้องเตือนของรถของดังขึ้นมา

เมื่อเห็นเฉินหลงทำการกระทำที่ดูบ้าระห่ำ ทั้งจี้โม่ซี พี่เต๋า ผู้หญิงของพี่เต๋าและพนักงานในร้านก็ต่างพากันตะลึงกับการกระทำของเฉินหลง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พี่เต๋าก็ยังคงนิ่งและรู้สึกเจ็บใจ

“แก นี่แกทำอะไรของแกเนี่ย”  พี่เต๋าวิ่งตรงมาที่เฉินหลงด้วยใบหน้าที่เจ็บแค้น

รถคันนี้ถือเป็นอาวุธหลักที่เขาเอาไว้ใช้ไปรับสาวๆ ตอนนี้เฉินหลงกลับเตะไปที่ประตูรถของเขา มันจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกเจ็บใจ ซึ่งเฉินหลงก็ไม่สนใจอะไรเขาเลย เขาค่อยๆยกประตูขึ้นช้าๆและคิดจะถอดชิ้นส่วนประกอบรถออกมา

“หยุด หยุดนะ “พี่เต๋าวิ่งไปหาเฉินหลงและร้องห้าม

เฉินหลงมองพี่เต๋าด้วยสายตาที่เย็นชาและน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาไม่ต่างกัน

“นั้นไม่ใช่สิ่งที่แกขอให้มาเอาเรื่องกับรถหรอกหรอ? นี่แหละวิธีการเอาเรื่องจากรถของฉัน” เฉินหลงจ้องกลับไปที่พี่เต๋าและก็เหมือนมีความรู้สึกเยือกเย็นส่งผ่านออกมาทันทีราวกับว่าคนคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่พร้อมจะกินคน และนั้นก็ทำให้พี่เต๋าถอยหลังโดยอัตโนมัติ

เมื่อเฉินหลงได้ยกประตูรถขึ้น เขาก็เริ่มทุบไปที่ตัวรถ เขาทุบมันพร้อมกับพูดไปด้วยว่า

“ให้ฉันสาดน้ำใส่แกสิ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก” เมื่อเห็นท่าทีของเฉินหลงเป็นแบบนี้ พี่เต๋าก็รู้สึกเจ็บใจเข้าไปอีก และเมื่อคิดถึงการกระทำของเฉินหลง เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เฉินหลง เพราะเขากลัวว่าเฉินหลงจะเป็นบ้าเข้าไปอีกถ้าประตูรถล้มทับเขา เขาไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงแต่ยืนมองรถถูกแยกส่วน

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็คิดที่จะโทรเรียกตำรวจ ในฐานะที่เป็นเศรษฐีในปักกิ่ง เขาควรโทรแจ้งตำรวจ ถ้าเพื่อนเขารู้เรื่องนี้เขาคงต้องเสียหน้าแน่ แต่ยังไงเวลานี้ เขาคิดออกแค่ทางเดียวก็คือโทรแจ้งตำรวจ เพื่อรถของเขาแม้ต้องเสียหน้าก็ตาม

เมื่อเห็นว่าพี่เต๋ากำลังโทรศัพท์ เฉินหลงก็ได้หยิบโทรศัทพ์มือถือออกมาเหมือนกันและจากนั้นก็กดไปที่หมายเลขๆหนึ่ง

“พี่เกา ใบรับรองของผมยังอยู่ดีไหม?”หลังจากที่เกาเฟิ่งเซียว ได้รับโทรศัพท์ เฉินหลงก็ได้พูดถามพร้อมกับทุบไปที่รถ

“แน่นอน แต่เดี๋ยวนะ ทำไหมฝั่งนายดูวุ่นวายจัง?” เกาเฟิ่งเซียวตอบกลับ

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่ชนรถคนอื่น ผู้ชายคนนั้นเขาโทรแจ้งตำรวจ พี่มารับผมไปสถานีตำรวจได้ไหมครับ ผมลืมเอาบัตรประชาชนมา แล้วตอนนี้ผมก็กำลังยุ่งอยู่ด้วย งั้นผมวางสายก่อนนะครับ”พูดจบ เฉินหลงก็กดวางสาย

ประชาชนของเขานั้นใช้ประโยชน์ได้มาก แต่ใครจะพกติดตัวออกมาตอนทีเดินเล่นกันละ

ฝ่ายเกาเฟิ่งเซียวก็ไม่ได้มีเวลามาตั้งคำถามมากนัก เมื่อเฉินหลงวางสายไปมันก็ทำให้เขารู้สึกงงจนอดส่ายหน้าไม่ได้ ใครกันที่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยถึกล้ามามีเรื่องกับเฉินหลง

เมื่อเฉินหลงได้ปิดระบบภาพเสมือนจริงไป เขาดูกลายเป็นเหมือนคนสำคัญของท่านผู้นำ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใส่ใจถึงเรื่องนี้ และงานก็ได้ตกมาอยู่ในการดูแลของหัวหน้าเกาเฟิ่งเซียว และเฉินหลงกับเกาเฟิ่งเซียวก็คุ้นเคยกันดีในกลุ่มซีโร่ด้วย เพราะเกาเฟิ่งเซียวเป็นพี่เลี้ยงให้กับเฉินหลงนั้นเอง

อย่างแรก พวกเขาต้องรู้ก่อนว่าที่ที่เฉินหลงขับรถชนอยู่ที่ไหน ตอนเกาเฟิ่งเซียวโทรกลับมา เฉินหลงก็ทุบและบดรถจนเหมือนเศษเหล็กไปแล้ว ตอนนี้ ตำรวจที่พี่เต๋าฝากความหวังไว้ก็ได้มาถึงแล้ว

“คุณตำรวจครับ นั้นเขาครับ เขาที่บดรถผมจนเป็นแบบนี้” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาจากรถ พี่เต๋าก็เดินตรงไปกลางและชี้ไปที่เฉินหลงอย่างรวดเร็ว

“ผมเห็นแล้วครับ ตอนนี้กลับไปกับพวกเราก่อนนะครับพวกเราจะส่งคนมาจัดการเรื่องรถคุณ” เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยสามสิบปีมองไปที่รถยนต์ซึ่งถูกบดจนกลายเป็นเศษเหล็กโดยเฉินหลงและจากนั้นก็มองเฉินหลงและหันกลับไปมองลูกน้องของตัวเอง

“คุณตำรวจครับ ผมเป็นเหยื่อนะครับ มันเป็นคนบดรถของผม ทำไมผมต้องไปที่โรงพักกับพวกคุณด้วย?” พี่เต๋าพูดด้วยความอารมณ์เสีย

ถึงเขาจะเป็นเหยื่อ แต่เขาก็ต้องไปที่สถานีตำรวจเช่นเดียวกับเฉินหลงและปฏิเสธไม่ได้ด้วย

“พวกเราไม่สามารถสอบสวนได้จนกว่าพวกเราทุกคนจะกลับที่โรงพัก ” เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงพูดอย่างใจเย็น

“พวกคุณทุกคนก็เห็นแล้วว่ามันเป็นพังรถผม ยังจะต้องสอบสวนอะไรอีก? พวกคุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมชื่อฟ่างเต๋าหลิน พ่อของผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข” ฟ่างเต๋าหลินเริ่มโกรธและก็เริ่มตะโกนออกมา

“โปรดให้ความร่วมมือในการสอบสวนของพวกเราด้วยครับ” เมื่อได้ยินการแนะนำตัวของฟ่างเต๋าหลิน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงนิ่ง

“อีกอย่าง แม้ว่าพ่อของคุณจะชื่อหลีกัง เขาก็ต้องมาและให้ความร่วมมือกับพวกเราในการสอบสวนครั้งนี้ด้วย”

“โอเค ผมจะไปสถานีตำรวจกับพวกคุณ ” เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้กลัวกับคำขู่ของเขา ฟ่างเต๋าหลินก็ทำได้เพียงตอบตกลงไปสถานีตำรวจด้วย

“คุณแฟนกลับบ้านไปรอผมที่บ้านก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะรีบกลับไปหา “เฉินหลงได้เข้าไปนั่งในรถตำรวจและยิ้มให้กับจี้โม่ซี

ทางด้านจี้โม่ซีก็ดูกังวล แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากฟังเฉินหลงและกลับไปรอเขาที่บ้าน

“น้องชาย น้องชายดูจะอารมณ์ไม่ดีมากนะ รถเฟอร์รารี่ดีๆถึงได้พังเพราะน้องชายขนาดนี้ น้องชายนี่ใจร้ายจริงๆ ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เรื่องนี้ แต่ไม่คงไม่ง่ายที่น้องชายจะได้ออกไปจากโรงพักได้เร็วๆนี้ ” เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นรถมาและได้พูดกับเฉินหลง