TB:บทที่122 ขอโทษฉันซะ

“ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับ ผมคิดว่าภายในครึ่งชั่วโมงผมก็กลับได้แล้ว” เฉินหลงยิ้ม

ทัศนคติที่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อกี้ทำให้เฉินหลงมีท่าทีที่ดีกับเขา

“ใช่หรอ?”เจ้าหน้าที่ตำรวจหันหลังมามองเฉินหลงและหยุดพูด

จริงๆที่เฉินหลงบดรถของฟ่างเต๋าหลินไปมันดูทำให้เขารู้สึกดีมาก ส่วนฟ่างเต๋าหลินเจ้าหน้าที่นั้นดูไม่ออกแต่พอรู้จักชื่อของเขาว่าชายคนนี้เป็นพวกคนรวยที่มักจะทำผิดกฎจราจรในเรื่องการแข่งรถในทาง เนื่องด้วยความเกี่ยวพันธ์กับตระกูลเขา เขาจึงไม่เคยโดนจับ แต่ตอนนี้เฉินหลงได้พังรถเขาซึ่งมันทำให้รู้สึกน่าพอใจจริงๆ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถมาถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบว่าผู้กำกับได้อยู่คุยอยู่ชายที่ดูท่าทางฉลาดในห้องปฏิบัติการ

“หลิวจู นี่คือเสี่ยวหู หูเจิ้นกานตำรวจหนุ่มอนาคตไกล” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาที่ห้องปฏิบัติการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจก็ได้แนะนำชายที่ยืนคุยด้วยให้รู้จัก

“อรุณสวัสดิ์ครับ ผู้กำกับหลิว”หูเจิ้นกานได้ตะเบ๊ะทำความเคารพผู้กำกับ

ผู้กำกับหลิวเป็นตำรวจวัย 50 ปีที่ซึ่งมีใบหน้าแบบชาวจีนและเป็นชายที่สง่างามมาก

“ตามสบาย” หลิวจูยิ้มให้หูเจิ้นกาน

หูเจิ้นกานพยักหน้ารับและจากนั้นก็เดินไปกระซิบสถานะของเฟิ่งเต๋าหลินตอนนี้

เมื่อได้ยินสิ่งที่หูเจิ้นกานพูด เขาก็ปวดหัวไปด้วย จากนั้นเขาจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องราวให้หลิวจูฟังเท่านั้น

หลิวจูได้คุยกับเกาเฟิ่งเซียวอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ให้ผมได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยมาดูว่าฟ่างเต๋าหลินควรจะขอโทษหรือไม่” ไม่ว่าเฉินหลงจะผิดหรือถูก เกาเฟิ่งเซียวก็ยังยืนยันที่จะอยู่ข้างเฉินหลง

“เป็นแค่รัฐมนตรีไม่ใช่หรอ? ถ้าไม่อยากจะทำ ก็เปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่นก็ได้” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเกาเฟิ่งเซียว หูเจิ้นกานก็คิดขึ้นมาทันทีว่าตอนอยู่บนรถเฉินหลงได้พูดอะไรไปบ้าง แม้แต่รัฐมนตรีเขาก็ไม่กลัว ดูเหมือนว่าคนที่หนุนหลังเขาจะหาตัวจับได้ยากจริงๆ

“เสี่ยวหู พาพวกเขามาตรงที่นี่” ผู้กำกับหันไปสั่งหูเจิ้นกาน

หูเจิ้นกานออกมาจากห้องปฏิบัติการ ไม่นานทั้งเฉินหลงและฟ่างเต๋าหลินก็เข้ามาอยู่ในห้องปฏิบัติการ ตอนที่เฉินหลงเข้ามาในห้องแล้วเขาเห็นว่าเกาเฟิ่งเซียวได้อยู่ในห้องอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินไว้แล้วว่าถ้าเขาต้องเจอกับปัญหา เขาสัญญาว่ากับตัวเองว่าเขาจะไม่อยู่ในกลุ่มซีโร่อีกต่อไป

“ผมจะโทรหาแฟนของผม เธอจะได้สบายใจ ” เฉินหลงพูด

พูดจบ เฉินหลงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาจี้โม่ซี

“อย่าให้เขาโทรนะครับ เขาพังรถผม นายควรห้ามไม่ให้มันใช้โทรศัพท์สิ เร็วเข้า ห้ามเขาสิ!” เมื่อเห็นเฉินหลงจะโทรศัพท์ ฟ่างเต๋าหลิวก็เกิดอาการหัวร้อนจนถึงกับสั่งหูเจิ้นกาน

“ก็แค่โทรศัพท์ ถ้าอยากจะโทรก็โทรได้ตามที่ต้องการ” ทันทีที่ฟ่าวเต๋าหลินเปิดปากพูด เกาเฟิ่งเซียวก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับเขาขึ้นมาทันที พ่อหนุ่มเจ้าสำอางคนนี้ ถึงจะอยู่ที่นี่ก็ยังกล้าหาเรื่องกับเจ้าหน้าที่

ตอนที่เฉินหลงได้คุยโทรศัพท์ เขาก็ได้บอกกับแฟนเขาว่าตอนนี้ปลอดภัยดีและได้ถ่ายวีดิโอเกาเฟิ่งซียวเพื่อพิสูจน์ว่าสถานการณ์โอเคจริงๆ และยังพูดอีกว่าเขาจะกลับไปในไม่ช้า หลังจากนั้น เฉินหลงจึงได้วางสายไป จากนั้นเขาก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฟัง

“เขาบอกให้ผมไปคุยกับรถ ผมเลยไปคุยกับรถ แต่ยังไงรถมันก็พูดไม่ได้อยู่แล้ว ผมจึงทำได้แค่ให้รถเสียงดังนิดหน่อย สุดท้ายผมก็ได้ยินรถมันพูดว่า ‘บดฉันเลย’ ผมก็เลยทำตามที่มันขอ” หลังจากที่ได้ยินคำให้การของเฉินหลงแล้ว แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ได้สีหน้าที่ดูรู้สึกแย่เลย

ถ้าหากคุณเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแค่รถที่จะถึงบด แต่คนคงต้องถูกบดไปด้วยและผู้กำกับและหลิวจูก็ต่างหมดคำพูดแล้วหันไปมองที่เกาเฟิ่งเซียวแทน และคิดว่าคงไม่ต้องทำอะไรให้มันชัดเจนไปกว่านี้แล้ว

“โอ้ ผมรู้ว่าคุณก็อยู่ในกลุ่ม รอก่อนนะ เดี๋ยวผมจะโทรหาพ่อให้คุยกับคุณ”เมื่อฟ่างเต๋าหลินเห็นว่าเฉินหลงพูดจบแล้วเขาคงจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำได้ก็คือให้พ่อเขามาช่วย

เมื่อเห็นว่าฟ่างเต๋าหลินหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาเพื่อที่จะโทรไปหาพ่อของเขา หลิวจูก็พูดไม่ออก นี่นะหรือผลงานชิ้นเอกของพ่อของเขา สถานะของเกาเฟิ่งเซียวนั้นถือเป็นสมาชิกในกลุ่มซีโร่ ซึ่งกลุ่มซีโร่อยู่ภายใต้คำสั่งของผู้นำสูงสุด ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎจะคนอื่นจะไม่มีสิทธิ์ละลาบละล้วงกลุ่มซีโร่ได้

ไม่นาน โทรศัพท์ของหลิวจูก็ดังขึ้น นั้นก็คือสายจากหัวหน้าสูงสุดของเขาโทรมาถามเรื่องกระบวนการการดำเนินของเรื่องนี้

หากเกาเฟิ่งเซียวได้อยู่ที่นั้นด้วย ฟ่างเต๋าหลินก็คงไม่สามารถทำเรื่องในครั้งนี้ได้ แต่ตอนนี้ตราบใดที่เขายังเล่าเรื่องราวและกล่าวถึงสถานะของเกาเฟิ่งเซียว หัวหน้าสูงสุดของเขาก็จะไม่ถามคำถามอีก

หลังจากที่ได้ยินคำให้การของคนกลุ่มซีโร่ หัวหน้าของหลิวจูก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ แต่ยังไงในฐานะเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังต้องเรียกพ่อของฟ่างเต๋าหลินมาคุยว่าคนในนั้นมีคนของกลุ่มซีโร่อยู่ด้วยและเขาเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เกาเฟิ่งเซียวจึงรู้สึกมั่นใจมากพอ

เมื่อพ่อของฟ่างเต๋าหลินรู้ว่ามีคนที่มีเรื่องอยู่ในกลุ่มซีโร่อยู่ด้วยและเรื่องก็เหมือนจะเกิดจากลูกชายเขา เขาก็ทำได้เพียงทำสิ่งต่างๆให้สงบ และเขาก็ได้ยืนคุยมาเป็นเวลานานจนแถบไม่ได้นั่ง สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อยากจะเผยความลับเร็วขนาดนี้

ในไม่ช้า ฟ่างเต๋าหลินก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเขา เรื่องที่คุยก็คือการกจัดการกับปัญหาในครั้งนี้ และบอกว่าถ้าเขาสร้างปัญหาอีกครั้ง เขาจะไม่ช่วยแล้ว เมื่อได้ยินและเข้าใจในสิ่งที่พ่อกำลังหมายถึง เขาก็ยังคงรู้สึกทะนงตนอยู่ เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้? มันชัดอยู่แล้วว่ารถของเขาถูกบด แล้วตอนนี้พ่อของเขาก็บอกให้เขาหยุดสร้างปัญหา นี่มันเกิดอะไรขึ้น

หลังจากนั้นสักพัก ฟ่างเต๋าหลินก็พูดออกมาอย่างหมดแรงว่า

“ผมไม่ต้องการสอบสวนเรื่องพวกนี้แล้ว ดังนั้น ก็ปล่อยมันไปเถอะ “

แม้เฟิ่งเต๋าหลินจะเป็นคนจองหองแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อพ่อบอกให้เขาหยุดสร้างปัญหา นั้นก็หมายถึงแล้วว่าคนหนุนหลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งกว่ามากและเขาก็ไม่สามารถที่จะรับมือได้เลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝืนยอมรับว่าเรื่องรถของเขาเป็นเพียงความโชคร้ายของเขาเอง

“คุณไม่อยากเอาเรื่องแล้วหรอ? แต่ผมยังอยากสอบสวนอยู่นะ” ด้วยคำพูดที่ฟ่าวเต๋าหลินพูดไว้กับจี้โม่ซี เฉินหลงจึงไม่สามารถปล่อยเขาผ่านไปได้ง่ายๆ

“แกต้องการอะไร?” เมื่อได้ยินเฉินหลงพูด ในใจของฟ่างเต๋าหลินก็เริ่มรู้สึกไม่ดี เขาได้ยอมรับและทำตามที่ขอแล้ว เขาจะยังไม่ปล่อยไปอีกหรอ?

“ผมไม่ทำให้คุณอับอายหรอก แค่ขอโทษผมกับสิ่งที่คุณเคยพูดไป แต่ถ้าทำเป็นลืมไปหมดแล้วผมเกรงว่าถ้าคุณกลับมาขับรถอีกครั้ง ผมก็จะพังรถคุณอีก ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณจะมีรถมากแค่ไหนที่จะพอให้ผมพัง” เฉินหลงมองฟ่างเต๋าหลินพร้อมพูดไปด้วย

วันนี้เป็นวันที่เขาอารมณ์ดี แต่ฟ่างเต๋าหลินกลับมาทำลายบรรยากาศหมด ถ้าเขาไม่สามารถให้บทเรียนกับฟ่างเต๋าหลินได้ เขาก็จะไม่สามารถกำจัดไฟที่ลุกโชนในใจได้

“แก โอเค ฉันขอโทษ” เฉินหลงได้บดรถของเขา แต่เขากลับต้องมาขอโทษ นั้นจึงทำให้ฟ่างเต๋าหลินโมโหมากแต่ตอนนี้เขาไม่มีพ่อคอยช่วยแล้ว เขาจึงไม่กล้าที่จะโมโหออกมาและทำได้เพียงขอโทษตามที่เขาบอก

เวลานี้ สุดท้ายเขาก็เข้าใจถึงความสิ้นหวังและความรู้สึกโกรธแค้นของคนที่เขาไปดูถูกในตอนนั้นแล้ว จากนั้นฟ่างเต๋าหลินก็ได้ขอโทษเฉินหลงอย่างจริงใจ