TB:บทที่ 123 คนมีชื่อเสียง
หลังจากที่ฟ่างเต๋าหลินขอโทษแล้ว เฉินหลงก็ไม่ได้เอาเรื่องอีก เมื่อได้ให้บทเรียนเล็กน้อยกับเด็กบ้านรวยแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้กับไปนอนนพักกับแฟนเขาสักทีและจะไม่อยู่ที่นี่ให้เสียเวลาแล้ว แน่นอนว่าถ้าครั้งหน้าเขามายั่วโมโหเฉินหลงอีก เขาก็จะให้บทเรียนกับเด็กหนุ่มคนนั้นได้จำไม่มีวันลืม
เฉินหลงไม่ได้ถูกสอบสวนต่อ ส่วนฟ่างเต๋าหลินก็ได้กลับไปอย่างผิดหวัง
หลังจากที่ฟ่างเต๋าหลินกลับไปแล้ว เฉินหลงก็ได้กล่าวลากับคนที่เหลืออย่างสุภาพ จากนั้นก็ได้กลับพร้อมกับเกาเฟิ่งเซียว เมื่อเห็นว่าฟ่างเต๋าหลินและเฉินหลงต่างกลับกันไปหมดแล้ว หลิวจูก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างโล่งอก
เมื่อครู่ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้กระทำการใดที่หาเรื่องใส่ตัว พวกเขาคงจะคิดอย่างรอบคอยก่อนที่จะพูดอะไร ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้กลับไปแล้ว หลิวจูก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูสดชื้นและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“ท่านผู้กำกับครับ เมื่อครู่คนที่ชื่อเฉินหลงที่มีเรื่องกับฟ่างเต๋าหลินเด็กบ้านรวย เขาเป็นใครกันหรือครับ” หูเจิ้นกานถามผู้กำกับด้วยเสียงต่ำ
ผู้กำกับมองไปที่หูเจิ้นกานแล้วพูดออกมาเพียงสองคำว่า “หนุ่มใหญ่”
เมื่อหูเจิ้นกานได้ยินคำพูดของผู้กำกับ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา นี่มันคำตอบอะไรกัน? มันดูตอบแบบขอไปทีเกินไป แต่เมื่อดูท่าทางของผู้กำกับแล้วก็เหมือนกับเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เอาละ ได้เวลาที่ผมจะต้องไปแล้วบ้าง ไม่ต้องเอาเรื่องเล็กน้อยนี้ไปจดบันทึกละ” จากนั้นสักพัก หลิวจูก็ยืนขึ้นพูด
เมื่อพูดเสร็จ เขาก็ออกจากสถานีตำรวจไป
หลังจากที่เฉินหลงกลับมาถึงบ้านแล้ว จี้โม่ซีก็รีบเข้ามากอดเขาแน่นทันทีด้วยกลัวว่าเฉินหลงจะหายไปจากสายตาเธออีก
เมื่อครู่ เฉินหลงไม่ได้อยู่ข้างๆเธอ ทุกนาทีและวินาทีนั้นมันผ่านไปอย่างยากลำบากมาก และเธอก็รับรู้ได้ว่าเธอคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเฉินหลง
“ไม่ต้องกลัวไป ผมกลับแล้ว ผมอยู่แล้วไม่ใช่หรอ หื้อ?” เฉินหลงตบหลังปลอบจี้โม่ซี
“ที่รัก คุณห้ามห่างจากฉันอีกนะคะ ตกลงไหม?” จี้โม่ซีมองเฉินหลงด้วยสายตาที่แดงก่ำ
“ครับ ผมสัญญา” เฉินหลงพยักหน้า
แม้เฉินหลงจะรู้ว่าในอนาคตพวกเขาทั้งสองไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเฉินหลงก็ต้องไปจัดการกับบางอย่างด้วยตัวเองอยู่ดี แต่ตอนนี้จี้โม่ซียังสะเทือนใจอยู่มาก เขาคงต้องพูดดีๆกับเธอไปก่อน
ต่อมาทั้งคู่ได้บรรเลงเพลงรักและดูเหมือนว่าครั้งนี้จี้โม่ซีจะตามใจเฉินหลงเป็นพิเศษนั้นก็เพื่อให้เขาสบายใจ แน่นอนว่าเฉินหลงยังมีปัญหาเล็กน้อยอยู่บ้างและปัญหาก็คือร่างกายของเขาเอง เขาจึงไม่สามารถมีความสุขไปพร้อมจี้โม่ซีได้มากนัก
เฉินหลงมองไปที่จี้โม่ซีที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างสบายใจและพูดกับเธอว่า “ที่รัก ทำไมพวกเราไม่ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกันละ?”
ในสายตาของเฉินหลงฟ่างเต๋าหลินไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ดูยังไม่เป็นผู้ใหญ่ในเมืองนี้ เขาคงจะไม่เคยถูกคนอื่นเหยียบหยาบมาก่อน มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยถ้าเขาเลือกที่จะอยู่บ้าน
“ไม่ว่าคุณต้องการไปที่ไหน ฉันก็จะไปทุกๆที่ที่คุณพูด ฉันจะไปกับคุณค่ะ” ตอนนี้จี้โม่ซีได้อยู่ในความดูแลของเฉินหลงก็พยักหน้ารับ
“โอเค ทำไมพวกเราไม่ไปเซียงเจียงกันพรุ่งนี้ละ? “ไม่กี่วันโรงเรียนก็ใกล้เปิดแล้ว เฉินหลงเลยอยากกลับไปดู ดังนั้นเขาจึงเลือกที่ที่ใกล้หน่อย
“แล้วแต่คุณเลยค่ะ” ตราบใดที่เธอยังสามารถตามเฉินหลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน จี้โม่ซีก็ยินดี
วันรุ่งขึ้น เฉินหลงและจี้โม่ซีได้เดินทางไปเซียงเจียง ส่วนปัญหาเรื่องบัตรประชาชนที่ระบุตัวตนเฉินหลง แค่โทรไปจัดการเรื่องเพียงไม่กี่ครั้งก็เสร็จ
เครื่องบินได้มาถึงที่เซียงเจียงเวลา 10:30 ในช่วงเช้า และได้ลงจอดในเวลาช่วงบ่ายโมงเศษในช่วงบ่าย
เซียงเจียงเป็นมหานครที่เฟื่องฟูระดับนานาชาติรองลงมาจากลอนดอนและนิวยอร์กและยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 3 ของโลก เซียงเจียงเคยตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในปี ค.ศ.1842 และได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1997
แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่ภายใต้อาณานิคม ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทั้งเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตนั้นต่างจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ สุดท้ายประเทศจีนจึงได้สร้างแนวคิดในการปกครองขึ้นมาใหม่ที่เรียกว่า ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’
จริงๆแล้ว ในความคิดของเฉินหลงเซียงเจียงเป็นดินแดนที่ปกครองตนเอง ซึ่งเมื่อได้เอกราชกลับคืนมาแล้วก็ควรปล่อยให้ดูแลและปกครองตนเอง สิ่งที่เรียกว่า’หนึ่งประเทศ สองระบบ’ สำหรับเขาจึงดูเป็นเรื่องไร้สาระ
อย่างไรก็ตาม เฉินหลงก็รู้มานานแล้วว่าหลังจากที่เซียงเจียงได้ทำการฟื้นฟูแล้ว อิทธิพลของประเทศจีนมหาอำนาจก็ค่อยๆเข้าแทรกซึมเข้าไปในแม่น้ำเซียงเจียงทีละน้อย
ก่อนที่เซียงเจียงจะกลับคืนสู่ภายใต้การปกครองของจีน เซียงเจียงนั้นเคยเป็นผู้นำทางสังคมมากมาย แต่หลังจากที่เซียงเจียงได้รับเอกราชแล้ว รัฐบาลก็ยังคงไม่หายไปไหนและไม่มีทางที่โลกข้างใต้จะจัดการและทำลายจีนมหาอำนาจได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงฉาบภาพสีดำไว้ภายใต้ภาพลักษณ์สีขาวที่สวยงาม
เมื่อมาถึงเซียงเจียงแล้ว เฉินหลงและจี้โม่ซีได้เข้าพักห้องพักชั้นพิเศษของโรงแรมสี่ฤดูที่ได้จองมานานแล้ว เฉินหลงไม่ได้ต้องการที่จะมีเงินเยอะ เขาแค่อยากมีเงินพอที่จะดูแลตัวเองและดูแลจี้โม่ซีได้
เดิมทีเฉินหลงมาที่เซียงจียงเพียงเพื่อพักผ่อนกับจี้โม่ซี แต่ไม่คิดว่าเขาจะสามารถย้ายมาอยู่ได้ ในวันที่เขามาถึงเซียงเจียงเขาได้ลืมของกึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่แขวนไว้ในร้านที่เขามันถูกซื้อโดยชายที่ชื่อว่า’ไร้เงา'( 无影)เป็นเวลาเก้าวันแล้ว
‘ไร้เงา’ มาจากดาวเคราะห์ที่เรียกว่าซันไชน์ ซึ่งที่นั้นอาจมีแสงแดดทั่วทุกบริเวณของดาวเคราะห์ แต่เขาน่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบแสงอาทิตย์และไม่ชอบให้คนอื่นเห็นนัก ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนกับมนุษย์กึ่งเทพ ยิ่งไปกว่านั้น ‘ไร้เงา’ ยังทิ้งข้อความให้เฉินหลงไว้ที่ร้านของเขา
“มันเป็นของดี ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณมีของดีอยู่ที่นี่ หากคุณมีของที่มีเกรดเดียวกัน คุณก็แขวนเอาไว้ที่หน้าร้านของคุณได้เลย ผมจะมาซื้ออีก “หลังจากที่ได้เห็นข้อความจาก’ไร้เงา’ แล้ว เฉินหลงก็สงสัยว่าทำไม’ไร้เงา’ คนนี้ถึงได้มีคะแนนแลกเปลี่ยนมากมายนัก
‘เสื้อคลุมสีดำ’มีประสิทธิภาพต่ำกว่า ‘ปรมาจารย์แห่งดวงดาว’” ซึ่งมันก็พิสูจน์ได้ด้วยว่าพลังของชายที่ชื่อ ‘ไร้เงา’ ยังไปไม่ถึงระดับ’ปรมาจารย์แห่งดวงดาว’ และถ้ายังไปไม่ถึงระดับ’ปรมาจารย์แห่งดวงดาว’ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคะแนนแลกเปลี่ยนถึงขนาดนี้ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเขาต้องมีของใช้พิเศษแน่
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เฉินหลงจึงได้เปิดกลับไปที่ร้านค้าของ’ไร้เงา’ เพื่อให้มั่นใจว่ามีของแบบเดียวกับในร้านค้าของเขาที่เรียกว่า’หินแห่งแสง’ไหม ซึ่งแต่ละชิ้นแลกได้ถึง 10,000 คะแนนแลกเปลี่ยนและเพื่อดูว่ามีการนำ’หินแห่งแสง’ เหล่านี้มาใช้หรือไม่ แต่กระนั้นเฉินหลงก็คิดเห็นว่าหินแห่งแสงยังคงสามารถซื้อหาได้
เฉินหลงดูบนหน้าร้านค้าของ’ไร้เงา’ผ่านทางหน้าจอมือถือ และทันใดนั้นเขาก็พบกับ’ไร้เงา’ ที่กำลังทำงานอยู่ และงานที่เขาทำก็คือซื้อขายแร่ธาตุรวมไมโครคริสตัลไลน์ ไมโครคริสตัลไลน์เป็นแร่ธาตุคุณภาพสูงซึ่งเพียง 1 กรัมก็สามารถแลกได้ 100 คะแนนแลกเปลี่ยน
เดิมทีเฉินหลงไม่รู้ทราบว่าตัวผลึกของแร่ธาตุรวมไมโครคริสตัลไลน์คืออะไร แต่หลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างของรูปร่างแร่ธาตุรวมไมโครคริสตัลไลน์แล้ว เฉินหลงก็รู้แล้วว่าคืออะไร นั้นก็คือหยก ด้วยความช่วยเหลือจากระบบอัจฉริยะ ในไม่ช้าเฉินหลงก็ได้ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับแร่หยกเจไดต์ ตั้งแต่ผู้น้อยจนถึงผู้เชี่ยวชาญก็เห็นตรงว่าให้ออกแบบหยกให้อยู่ในรูปของหยดน้ำ
“มันเป็นทางที่ดีที่จะสร้างรายได้กับคะแนนแลกเปลี่ยน ตอนนี้ฉันได้เงินมาเยอะแล้วแต่ยังไม่สามารถใช้มันได้ ฉันควรจะเปลี่ยนพวกมันเป็นคะแนนแลกเปลี่ยนดีกว่า ” เมื่อเห็นงานที่’ไร้เงา’ ได้ปล่อยออกมา เฉินหลงก็มองเห็นหนทางที่จะได้รับคะแนนแลกเปลี่ยน
อาหารที่เปลี่ยนไปก่อนหน้านั้นไม่สามารถใช้ได้ตั้งแต่ที่บูชาเทียนซิงจื่อ ไม่มีทางที่อาหารจะสามารถกลายเป็นเพียงความกตัญญูที่มีต่อเทียนซิงจื่อได้