TB:บทที่124 ได้รับการดูถูกอีกครั้ง

หลังจากที่ได้พบหนทางเพิ่มคะแนนแลกเปลี่ยนได้แล้ว เฉินหลงก็ไม่มัวอยู่แต่ในห้องเฉยๆต่อไป เขากับจี้โม่ซีได้พากันออกไปข้างนอกด้วยกัน

เซียงเจียงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงของสวรรค์ของนักชิมและสวรรค์ของนักช็อป ซึ่งที่นี่มีหยกเจไดต์คุณภาพดีที่เฉินหลงต้องการแน่นอน และเขาก็สามารถซื้ออาหารอร่อยๆไปฝากอาจารย์เข้าได้ด้วย

อย่างแรก ทั้งเฉินหลงและจี้โม่ซีได้ใช้เวลาร่วมกันท่องเที่ยวตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเซียงเจียง จากนั้นเฉินหลงก็พาจี้โม่ซีไปที่ร้านจิวเวลรี่

ร้านที่เฉินหลงพาจี้โม่ซีไปนั้นเป็นร้านของโจวจิวเวลรี่ซึ่งเป็นร้านที่ขายเพชรในช่วงแรกๆ แต่อย่างไรที่นี่ก็ยังเป็นร้านที่พิเศษจากร้านอื่นทั่วๆไปด้วย ร้านที่นี่เป็นออฟฟิซสำนักงานใหญ่และยังเป็นร้านค้าอีกสาขาที่ตั้งอยู่อีกด้านของสตาร์ซิตี้อีกด้วย

การออกแบบของเปลือกอาคารของร้านโจวจิวเวลรี่นั้นโอ่อ่าหรูหรา และมีตัวอักษรสีทองอร่ามสีคำว่า ‘โจวจิวเวลรี่’ วางอยู่ตรงตำแหน่งของผนังกระจกซึ่งดูเหมือนกับเป็นสมบัติล้ำค่า ภายในตู้กระจกที่จัดแสดงสินค้านั้นมีสร้อยคอเพชรที่แขวนอยู่บนชั้นวางกำลังส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงไฟอยู่ เมื่อได้เห็นสร้อยเพชรที่ตั้งโชว์อยู่ ดวงตาของจี้โม่ซีก็ประกาย ไม่มีทางที่ของที่ดูล่อตาล่อใจแบบนี้จะทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนร้ายกาจได้ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชื่นชอบเครื่องประดับแวววาวพวกนี้

เมื่อเปิดประตูร้านค้าออก เฉินหลงก็จูงมือจี้โม่ซีเดินเขาไป

“ยินดีต้อนรับค่ะ” เมื่อเฉินหลงและจี้โม่ซีเดินเข้ามาในร้านแล้ว ได้มีผู้ช่วยสาวสวยที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มกล่าวต้อนรับลูกค้าเป็นภาษาจีนกวางตุ้งด้วยรอยยิ้ม

เฉินหลงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เป็นครั้งแรกของจี้โม่ซีที่เธออาจจะเข้ามาในร้านจิวเวลรี่แบบนี้ เธอจึงอยากจะดูของทุกสิ่งที่อยู่ในร้านเป็นอย่างมากจนสีหน้าของเธอแสดงออกมาอย่างตื่นเต้น

“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ ไม่ทราบว่าต้องการดูเครื่องเพชรแบบไหนคะ? ดิฉันสามารถแนะนำให้ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวสวยพูดแนะนำกับเฉินหลงต่อ

ในฐานะผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้า งานของเธอก็คือการช่วยแนะนำและดูแลลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้านค้า

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกเราขอดูกันเองดีกว่า” เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อพูดจบ เฉินหลงก็ดึงจี้โม่ซีไปยังเคาท์เตอร์ที่ตั้งโชว์หยก

“ที่รัก คุณเข้าใจภาษาจีนกวางตุ้งด้วยหรอคะ?” จี้โม่ซีมองเฉินหลงอย่างแปลกใจ เพราะเธอไม่คิดว่าเฉินหลงจะพูดภาษาจีนกวางตุ้งได้

เฉินหลงยิ้มให้จี้โม่ซีแล้วพูดกับเธอว่า

“ฟังออกแค่ครึ่งนึงเดาครึ่งนึงนะ ยังไงความหมายก็คงใกล้เคียงกัน “

ความจริง เฉินหลงไม่ได้เข้าใจภาษาจีนกว้างตุ้งหมด แต่ด้วยระบบอัจฉริยะ ภาษาจีนกวางตุ้งที่ผู้ช่วยสาวได้พูดออกมาถูกแปลเป็นภาษาจีน แต่เฉินหลงก็ไม่สามารถบอกกับจี้โม่ซีได้ว่าเขาใช้ระบบอัจฉริยะช่วยแปลภาษาให้กับเขา ดังนั้น เขาจึงบอกว่าเพียงว่าฟังออกเพียงครึ่งเดียวว่สนอีกครึ่งนึงคือเดา

จี้โม่ซีตามเฉินหลงมาที่เคาท์เตอร์ที่มีเครื่องหยกตั้งโชว์อยู่ เธอมองเครื่องหยกอันล้ำค่าที่อยู่ในตู้โชว์แล้วพูดออกมาอย่างตกตะลึงว่า

“ว้าว เครื่องหยกพวกนี้ต้องราคาแพงแน่ๆเลย”

ราคาของเครื่องหยกแต่ละชิ้นในเคาท์เตอร์นี้มีราคามากกว่า 50,000 หยวนซึ่งทำให้จี้โม่ซีถึงกับพูดไม่ออกแม้ว่าแฟนของเธอจะรวยก็ตาม

เมื่อได้ยินคำพูดของจี้โม่ซี หญิงสาวผู้ช่วยที่สูงพอๆกับจี้โม่ซียืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ เธอมีรูปร่างที่ผอมบางมาก และส่วนหน้าอกของเธอราบเรียบจนเหมือนไม่มีอะไร เธอย้อมผมสีบลอนด์และตอนนี้เธอได้แสดงสีหน้าที่กำลังเหยียดหยามออกมา

“จากแผ่นดินใหญ่.”

“คุณต้องการอะไรหรอคะ? แร่หยกเจไดต์ในร้านค้าของพวกเราต่างเป็นหยกเกรดสูงจากประเทศพม่าซึ่งเครื่องหยกพวกนี้ก็ได้ช่างฝีมือดังเป็นคนทำ ในเซียงเจียงมีดาราหลายท่านมาที่ร้านพวกเราเพื่อมาซื้อเครื่องหยกพวกนี้” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจี้โม่ซี พนักขายหญิงคนนี้ก็จงใจพูดเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง

เฉินหลงมองไปที่หยกเจไดต์ที่อยู่ในเคาท์เตอร์แต่คุณภาพดูค่อนข้างไม่ค่อยสูง เขาจึงพูดอย่างผิดหวังว่า

“มีแร่หยกที่คุณภาพดีกว่านี้ไหมครับ?”

“แน่นอนค่ะ เรามีหยกคุณณภาพที่ดีกว่านี้ในร้านค่ะ แต่ราคาของหยกเหล่านีจะค่อนข้างราคาสูงนะคะ ส่วนหยกที่ราคาถูกลงมาก็ประมาณหลายแสนหยวน และส่วนหยกที่มีราคาสูงราคาก็จะประมาณหมื่นล้านหยวน คุณลูกค้าอยากจะดูหยกพวกนี้ไหมละคะ?” เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงใช้ภาษาจีนแมนดารินพูด พนักงานขายสาวก็ไม่ได้พูดเป็นภาษาจีนกวางตุงกับเขา

ตามกฎข้อบังคับของร้านนี้คือต้องใช้ภาษาจีนแมนดารินตอนที่มีลูกค้า หากไม่กระทำตามกฏข้อบังคับหรือแม้แต่พูดเพียงคำเดียวก็จะถูกไล่ออกในทันที

อย่างไรก็ตาม พนักงานขายสาวก็ยังใช้ภาษาจีนแมนดารินในการสื่อสารกันอยู่แล้วแต่น้ำเสียงที่ใช้กับเฉินหลงมันออกเชิงดูถูกเล็กน้อย นี่อาจเป็นเพราะความจริงที่ว่าคนฮ่องคนบางกลุ่มมักจะชอบดูถูกคนที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ในใจ

แน่นอนว่าเมื่อเฉินหลงได้ยินคำพูดของพนักงานสาวพวกนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนในทันทีและน้ำเสียงของเขาที่ใช้พูดก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”คุณจะหมายถึงว่าผมไม่สามารถชื้อหยกพวกนั้นได้งั้นหรอ?”

เฉินหลงมาที่เซียงเจียงเพื่อเที่ยวพักสมอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ใครมาทำลายบรรยากาศ แต่เขาไม่คิดว่าการมาที่เซียงเจียงครั้งนี้ เขาจะโดนพนักงานขายพูดดูถูกใส่ มันจึงทำให้เฉินหลงเริ่มกลับมาโมโหอีก

“ดิฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะคะ ดิฉันแค่คิดว่าจิวเวลรี่ของที่นี่นั้นราคาคุ้มค่ามาก” เมื่อเห็นว่าเฉินหลงเริ่มโกรธ ใบหน้าของหญิงสาวก็แสดงออกอย่างหวาดกลัวในทันที

ในฐานะปรมาจารย์ระดับขอบเขตกำเนิด ทุกการเคลื่อนไหวจะนำพาร่องรอยของพลังลึกลับระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ ในเวลาปกติ เฉินหลงสามารถควบคุมตนเองและทำให้ตัวเองดูเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปได้ แต่เมื่อเฉินหลงสูญเสียการควบคุมของอารมณ์เมื่อไหร่ คลื่นพลังในระดับขอบเขตกำเนิดก็จะปรากฏขึ้นในตัวของเฉินหลง คนธรรมดาทั่วไปจะไม่กลัวกับสิ่งนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับขอบเขตกำเนิด

“คุณไม่ได้กลัวหรอว่าผมจะมีเงินไม่พอที่จะซื้อของพวกนี้? ผมจะซื้อพวกมันวันนี้จริงๆ ไม่ให้ผมได้แสดงให้คุณเห็นว่าผมมีเงินพอและสามารถซื้อพวกมันได้ละ?” เสียงของเฉินหลงดังขึ้น

ผู้คนมักจะดูถูกผู้อื่นเก่งและม้าก็เป็นสัตว์พาหนะที่ขี่ได้ดี หากคุณมีมือที่ไม่แข็งแรงพอ ผู้คนก็จะไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับคุณ

เสียงจากด้านข้างที่ดังมาจากพนักงานดึงดูดความสนใจเฉินหลงทันที ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบร้านก็ได้ออกมา เมื่อเห็นผู้ดูแลรับผิดชอบ เฉินหลงก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจกับโลกที่มันแคบก่อนไป แม้ว่าเขาจะมาถึงที่นี่แล้วก็ยังต้องมาเจอกับเขาอีก ผู้ดูแลคนนั้นก็คือจางกวงหนาน ผู้จัดการของโจวจิวเวลรี่สาขาสตาร์ซิตี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาที่เซียงเจียงด้วย

“ทำไมคุณจางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละครับ?” เมื่อเฉินหลงเห็นจางกวงหนานสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรเขาก็เป็นคนรู้จักเก่าและเคยทานมื้อค่ำด้วยกัน เขาจึงย่อมไม่ทำให้คนผู้นั้นต้องอับอาย

เมื่อได้พบเฉินหลง ความคิดจางกวงหนานก็เริ่มสับสน มันดูทั้งน่าปวดหัวและน่าประหลาดใจ น่าปวดหัวเพราะหลังจากที่เฉินหลงดื่มมาครั้งล่าสุดเขาถึงกับเปลื้องผ้าแล้วค่อยๆเดินขึ้นเตียง โชคดีที่ไม่มีใครเห็น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะดูน่าอนาถแน่ ส่วนที่น่าประหลาดใจนั้นเป็นเพราะเพชรสองเม็ดสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องถูกย้ายมาเป็นผู้จัดการร้านโดยสำนักงานใหญ่ ครั้งนี้เมื่อได้เจอกับเฉินหลงอีกครั้ง เขาก็หวังว่าเฉินหลงจะทำให้เขาได้ประหลาดใจอีกครั้ง

“ต้องขอบคุณคุณเฉินที่ทำให้ผมได้ย้ายมาเป็นผู้จัดการที่สำนักงานใหญ่ คุณมาเที่ยวเซียงเจียงหรอครับ คุณเฉิน?” จางกวงหนานพูดด้วยรอยยิ้ม

เฉินหลงมองไปที่พนักงานขายหญิงแล้วพูดว่า

“แน่นอน ผมมาเที่ยวที่นี่ครับ แต่ผมยังโกรธอยู่?”

เมื่อเห็นเฉินหลงดูไม่โอเค จางกวงหนานก็มองไปที่พนักงานขายหญิงและพูดว่า

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”

พนักงานขายหญิงคนนั้นเมื่อเห็นเฉินหลงและจางกวงหนานรู้จักกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ต้องกับสถานการณ์นี้ ดังนั้นสีหน้าของเธอก็ดูแย่ลงไปอีก อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้บอกกับจางกวงหนานไปจริงๆว่าเพิ่งทำอะไรลงไป แน่นอนว่าเธอเครียดเรื่องว่าต้องบริการเฉินหลงยังไง ไม่ได้เครียดเรื่องที่เธอดูถูกเขา