ตอนที่ 436 ให้เธอท้อใจไปเอง / ตอนที่ 437 ผู้ชายของเธอไม่เลวเลย

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 436 ให้เธอท้อใจไปเอง

 

 

“ปู่เฉวียนคะ คุณปู่ออกจากบ้านมาแล้ว?” ฟางจื่อชิวพูดทักทายอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางเหมือนหลานสะใภ้ที่กตัญญูต่อปู่ตนเอง

 

 

นายท่านผู้เฒ่าเฉวียนที่ลงจากรถมาผงะเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับฟางจื่อชิวที่นี่ เขาชะงักเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ใช่ มีธุระออกจากบ้าน จริงสิ แม่หนูจื่อชิว มาที่นี่ทำไมหรือ?”

 

 

มุมปากฟางจื่อชิวกระตุก เรื่องนี้ชัดอยู่แล้ว เธอมาหาเฉวียนหมิง ถึงได้มาที่นี่ ไม่งั้นเธอมีเหตุผลอะไรที่จะมาที่นี่?

 

 

“คืออย่างนี้ค่ะ คุณปู่ให้หนูมาเยี่ยมคารวะปู่เฉวียน หนูก็เลยมาที่นี่ อย่างไรวันหน้าเราสองครอบครัวจะไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น” คำพูดฟางจื่อชิวมีความหมายลึกซึ้ง

 

 

ข้อแรกไม่ใช่เป็นการอวดตัวเองเกินไป เพราะอย่างไรขณะนี้เฉวียนหมิงแต่งงานมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อให้ในใจเธอยังไม่ยอมแพ้ก็ทำได้เพียงก้าวไปทีละก้าว

 

 

ข้อสองเป็นการแสดงท่าทีให้นายท่านผู้เฒ่าเห็นว่าเธอมีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนายท่านผู้เฒ่าคงจะดีใจมาก แต่นึกถึงหลานชายตนกับอีลั่วเสวี่ยในระยะใกล้นี้ๆ ดูเหมือนความรักของทั้งคู่นั้นตนเองไม่สามารถขัดขวางได้เลย ทำให้รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

 

 

เชานึกเสียใจว่าตนเองไม่ควรแสดงท่าทีเช่นนี้ ตอนนี้ดูสิ อีกฝ่ายมาหาถึงบ้านแล้ว เขาเองยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

 

 

ขณะนี้เขาไม่สามารถบอกให้ฟางจื่อชิวกลับไปทันที อย่างไรเธอก็บอกว่ามาเยี่ยมพวกเขา ไม่ได้พูดว่ามาหาเฉวียนหมิงโดยตรง เพราะต้องรักษาหน้าเขาจึงยังคงยิ้มออกมา “งั้นแม่หนูก็อย่ามัวยืนอยู่  เข้าไปดื่มชาในบ้าน”

 

 

เหล่าเกาเห็นนายท่านผู้เฒ่าพูดแล้ว ก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรอีก เดินไปข้างหน้าเปิดประตูให้

 

 

ขณะที่ฟางจื่อชิวเดินผ่านเหล่าเกา เขาสังเกตเห็นเธอยิ้มหยัน ขณะนี้ในใจเธอคิดว่ารอให้เธอเป็นเจ้าของบ้านนี้ก่อน เหล่าเกาได้เจอดีแน่

 

 

“เหล่าเกา เจ้าหนูเฉวียนหมิงล่ะ คงไม่ใช่ออกไปนอกบ้านใช่ไหม?” ก่อนหน้านี้ในเวลานี้ดูเหมือนทั้งคู่จะนัดกันออกไปแล้ว แน่นอนว่านายท่านผู้เฒ่าตั้งใจพูดให้ฟางจื่อชิวได้ยิน

 

 

เวลานี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมายืนขวาง ต้องทำให้เธอท้อใจไปเอง ถ้าเป็นแบบนั้นทางเขาเองก็ง่ายขึ้น ไม่เป็นการตบหน้าตัวเอง

 

 

เหล่าเการินน้ำชาพลางพูด “เมื่อคืนนายน้อยงานยุ่งมาก วันนี้ลุกขึ้นมา พอกินอะไรเสร็จก็ทำงานต่อ ตอนนี้น่าจะนอนหลับอยู่ครับ”

 

 

นายท่านผู้เฒ่าไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนหน้านี้กำชับให้เฉวียนหมิงพักผ่อนมากๆ เขาทำตามที่บอก ย่อมพอใจมาก

 

 

“แม่หนูจื่อชิว รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปปลุกเขาให้ลงมา งานกับการพักผ่อนจะสำคัญกว่าแขกได้หรือ” พูดจบก็ส่งสัญญาณให้เหล่าเกาไปเรียกเฉวียนหมิง

 

 

ฟางจื่อชิวหรี่ตา “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูก็แค่แวะมาดูๆ เท่านั้น วันหลังอย่าถูกบอดี้การ์ดขวางไว้นอกบ้านก็พอแล้ว ในเมื่อเฉวียนหมิงพักผ่อนอยู่ หนูก็ไม่รบกวนแล้วค่ะ”

 

 

“จะรีบไปแล้วหรือ แม่หนูจื่อชิวอยู่ต่ออีกหน่อย อุตส่าห์แวะมาแล้ว” นายท่านผู้เฒ่าทำท่าชวนให้อยู่ต่อ แต่กลับลุกขึ้นยืนตามไปด้วย หันหน้าไปทางประตู ที่จริงทำท่าทางส่งแขกนั่นเอง

 

 

“คราวหน้าเถอะค่ะ แล้วพบกันไหมนะคะปู่เฉวียน” พูดจบฟางจื่อชิวก็วางของในมือลงแล้วเดินออกไป เหล่าเกาตามออกไปทันที ส่งเธอจนออกไปจากคฤหาสน์

 

 

ฟางจื่อชิวจ้องมองคฤหาสน์ของเฉวียนหมิงอย่างใช้ความคิด กัดฟันแน่น แล้วขับรถออกไป แต่ขณะที่เลี้ยวเกือบชนกับรถอีกฝั่งที่แล่นมาช้าๆ

 

 

“คุณผู้หญิง ไมเป็นอะไรใช่ไหมครับ?” คนขับรถเดินลงมาจากรถอีกฝ่าย ถามฟางจื่อชิวด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

ฟางจื่อชิวโบกมือ เธอกำลังอารมณ์เสีย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เธอสั่นหัว “ฉันไม่เป็นไร คุณช่วยขยับรถหลีกหน่อย” ที่จริงเธอเลี้ยวโดยไม่ได้บีบแตร เป็นฝ่ายผิดเอง แต่กลับไม่พูดอะไร

 

 

 

 

ตอนที่ 437 ผู้ชายของเธอไม่เลวเลย

 

 

ฟางจื่อชิวพูดจบก็ขับรถผละไป ไม่ได้สังเกตคนที่นั่งข้างคนขับของรถฝั่งตรงข้าม กลับเป็นอีกฝ่ายที่มองสำรวจเธอ จากนั้นก็หยิบไอแพดขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลในนั้น สุดท้ายมาอยู่ที่การแนะนำฟางจื่อชิว

 

 

บนนั้นเป็นประวัติอย่างละเอียดตั้งแต่เด็กจนถึงเร็วๆ นี้ ฝ่ายนั้นจงใจอ่านประวัติช่วงมัธยมปลายและระยะใกล้

 

 

คนขับกลับเข้ามานั่งในตำแหน่งเดิม “คุณหนู เราจะไปต่อข้างหน้าไหมครับ?”

 

 

“ไม่ต้องแล้ว ฉันรู้ตำแหน่งที่อยู่แล้ว ไป ขับตามรถคันเมื่อกี้ไป” ที่ที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่แปลกหน้าสำหรับเธอ แล้วค่อยมาดูทีหลัง

 

 

เห็นผู้หญิงคนนี้ไม่เป็นที่ต้อนรับของบ้านนี้ ดูท่าเฉวียนหมิงคงไม่ปรากฏตัวออกมา

 

 

คนขับรถสงสัย “แต่คุณหนูครับ เรายังไม่ได้พบคนที่เราต้องการพบเลย” บอกว่าจะมาพบเฉวียนหมิงซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจเฉวียนกรุ๊ปไม่ใช่หรือ ตอนนี้ฝ่ายนั้นอยู่คฤหาสน์หลังไหนกันแน่ก็ยังไม่รู้

 

 

ผู้หญิงคนนี้ยิ้มหยัน “มาถึงเมืองเอฟแล้ว ยังกลัวว่าจะไม่มีเวลาพบเขาหรือ ไป”

 

 

คนขับได้ยินคำสั่งจึงต้องหักพวงมาลัยกลับรถด้วยความชำนาญ ขับรถตามรถฟางจื่อชิวไปด้วยความเร็ว ขับตามเธอไปห่างๆ

 

 

ถึงตรงนี้ผู้หญิงคนนี้ปัดนิ้วไปทางซ้าย มีข้อมูลของอีกคนปรากฏขึ้น เป็นภาพเฉวียนหมิงที่รูปหล่อและดวงตาที่ลึกล้ำราวกับทางช้างเผือก

 

 

แม้จะเป็นภาพในจอแต่รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่

 

 

“ดูไม่ออกเลยว่าผู้ชายของเธอจะไม่เลวเลย นับว่ามีสายตา” น้ำเสียงเธอราบเรียบ มองดูแววตาของเฉวียนหมิงด้วยความแปลกใจ แน่นอนว่าแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น

 

 

เธอเองก็รู้สภาพของเฉวียนหมิง คนที่มีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้ว ต่อให้หล่อเหล่าอย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต่างจากสาวน้อยที่ชีวิตอาภัพเบ่งบานได้ไม่นาน จะทุ่มเทความรักให้เพื่ออะไร

 

 

ตามข่าวที่เธอได้รับนั้นอีลั่วเสวี่ยเหมือนจะรักผู้ชายคนนี้มาก เชอะ…รักมากงั้นหรือ แต่ในความเห็นเธอแล้วก็แค่คนโง่

 

 

แต่บังเอิญคนโง่คนนี้เอาชนะใจอวิ๋นเว่ย ได้รับความรักจากเขา เพราะอะไร! เพราะอะไรถึงมาแย่งชิงทุกอย่างที่เธอวางแผนไว้ตั้งแต่เล็ก น่าแค้นจริงๆ!

 

 

สองมือที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจับแทปเล็ตไว้ ใช้เล็บที่ค่อนข้างยาวกรีดไปบนหน้าจอจนเป็นรอยยาว

 

 

คนขับชำเลืองมองเล็กน้อย เห็นเหตุการณี่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร

 

 

ไม่นานนักฟางจื่อชิวก็มาถึงหน้าบาร์เหล้าระดับสูงแห่งหนึ่ง จอดรถแล้วทิ้งรถไว้กับเด็กรับรถ เธอเดินเข้าไปในบาร์

 

 

“คุณหนู เราจะเข้าไปไหมครับ?” คนขับรถหันมาถามผู้หญิงในรถ เธอก็คือฝานเจียวเจียว หลานสาวของฝานเหม่ยหลิง

 

 

ฝานเจียวเจียวกะพริบตา ยกมุมปากขึ้น “ไป ต้องไปแน่นอน” พูดจบก็ผลักประตูรถแล้วเดินออกมา ชุดกระโปรงยาวกระชับตัวทำให้ร่างเพรียวบางโดดเด่นออกมา

 

 

การปรากฏตัวขึ้นของเธอเป็นที่สนใจของพนักงานรับรถอีกคน “คุณผู้หญิง เชิญด้านในเลยครับ” พูดจบก็ผายมืออก เดินอยู่ข้างตัวฝานเจียวเจียวนำทางเข้าไป

 

 

ในบาร์มีเสียงเพลงรื่นหูดังแว่วมา แสงกะพริบวิบวับทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ไม่ง่ายเลยกว่าจะมองหาฟางจื่อชิวพบ ฝานเจียวเจียวยิ้มแล้วเดินไปทักทาย

 

 

ส่วนคนขับรถที่ทำหน้าที่บอดี้การ์ดด้วยเดินไปหาที่นั่งด้านข้างแล้วสั่งเครื่องดื่ม

 

 

“ไม่รังเกียจนะถ้าฉันจะนั่งที่นี่?” ฝานเจียวเจียวถามอย่างเป็นมิตร

 

 

ฟางจื่อชิวชำเลืองมองเธอแล้วพยักหน้า ไม่พูดอะไร ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ เธอไม่มีอำนาจที่ห้ามอีกฝ่ายไม่ให้นั่ง

 

 

“ขออนุญาตพูดอย่างเสียมารยาทหน่อย ถึงจะอกหักก็ไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้าหรอก ทำลายสุขภาพ การดื่มเหล้าดับทุกข์กลับจะยิ่งทุกข์มากขึ้น” ฝานเจียวเจียวพูดพลางเคาะคางตัวเองเบาๆ ท่าทางเหมือนน่าสนิทสนมด้วยได้ง่าย