ตอนที่ 438 คุณมีความแค้นกับเธอ / ตอนที่ 439 คุณไม่เข้าใจ

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 438 คุณมีความแค้นกับเธอ

 

 

อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าไปสองแก้วแล้ว ฟางจื่อชิวจึงไม่มีท่าทีต่อต้านคนแปลกหน้านัก เธอยิ้มเจื่อนๆ แล้วแกว่งแก้วเหล้าในมือ “พูดได้น่าฟังนะ คุณไม่เคยอกหัก จะเข้าใจได้อย่างไร”

 

 

สำหรับเฉวียนหมิงแล้ว เธอรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสภาพที่แอบรักและอกหักตลอดกาล เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอก็ตัดใจไม่ได้ ไม่คิดจะตัดใจแม้แต่น้อย

 

 

นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของตนเอง ในใจเธอมีเพียงเฉวียนหมิงเท่านั้น ยังคิดว่าวันเวลาข้างหน้าจะใช้ชีวิตร่วมกับเขา แต่ทำไมสวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย กลั่นแกล้งเธอ ไม่มอบโอกาสให้เธอเลย

 

 

ฝานเจียวเจียวกลอกตาอย่างใช้ความคิด จิบเหล้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจ แต่ฉันเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งที่ช่วงชิงได้ จนกว่าตัวเองคิดจะตัดใจ ฟางจื่อชิว ฉันคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่พิเศษ คิดไม่ถึงว่ากลับอมทุกข์แบบนี้”

 

 

การเคยใช้ชีวิตในต่างประเทศน่าจะฝึกฝนจนมีนิสัยเข้มแข็งจึงจะถูก นี่ต่างจากข้อมูลที่เธอได้รับมา

 

 

ฟางจื่อชิวรู้สึกแปลกใจทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เธอจ้องหน้าฝานเจียวเจียว “คุณเป็นใคร ทำไมรู้จักชื่อฉัน คุณมีจุดมุ่งหมายอะไร?” น่าแปลก เธอไม่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าคนนี้

 

 

ฟางจื่อชิวระวังตัวขึ้นทันทีเพราะไม่รู้เจตนาของผู้หญิงคนนี้ เธอยื่นมือเขาไปในกระเป๋าถือ ในนั้นมีมีดผ่าตัดเล่มหนึ่ง ถ้าฝ่ายนั้นคิดจะทำร้ายเธอ เธอย่อมไม่อยู่นิ่งแน่นอน!

 

 

ฝานเจียวเจียวสังเกตเห็นการกระทำของฟางจื่อชิวก็ยิ้ม “คุณไม่ต้องเครียดหรอก ฉันไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณ ฉันชื่อฝานเจียวเจียว อยากเป็นเพื่อนกับคุณ”

 

 

“ฝานเจียวเจียว? ทำไมฉันต้องเป็นเพื่อนกับคุณด้วย” ฟางจื่อชิวนึกถึงคนในสังคมชั้นสูงของเมืองเอฟ แต่ก็ไม่มีชื่อธุรกิจตระกูลฝาน หรือว่าเป็นบริษัทระดับรองที่อยากอาศัยฟางกรุ๊ปของครอบครัวเธอ

 

 

ฝานเจียวเจียวไม่คิดปกปิด เธอพูดอย่างเปิดอก “คุณเกลียดอีลั่วเสวี่ยไหม?”

 

 

“อีลั่วเสวี่ย คุณเป็นใครกันแน่?” หรือมาแก้แค้นเธอเพราะอีลั่วเสวี่ย ไม่สิ เกลียดหรือ?

 

 

ฟางจื่อชิวกลอกตา จ้องมองฝานเจียวเจียว “คุณมีความแค้นกับเธอหรือ?”

 

 

“เราต่างเหมือนกัน งั้นคุณคิดว่าจะไม่ทำความรู้จักกันหน่อยหรือ?” ฝานเจียวเจียวยิ้มอย่างสง่างาม ไม่เสียทีที่เธอมีชาติกำเนิดสูงกว่าฟางจื่อชิวบ้าง คำพูดและกิริยาท่าทางดูแล้วเหนือกว่าขั้นหนึ่ง

 

 

ฟางจื่อชิวครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วยกแก้วเหล้าขึ้น ลงจากเก้าอี้สูง ส่งสัญญาณให้ฝานเจียวเจียวตามไป จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งในที่นั่งพิเศษ คนขับรถซึ่งเป็นบอดี้การ์ดด้วยตามมานั่งลงข้างๆ

 

 

พอฟางจื่อชิวเห็นหน้าเขาก็นึกขึ้นได้ “เมื่อกี้ก็คือพวกคุณ? สะกดรอยตามฉันมา!” ที่เธอรังเกียจที่สุดก็คือการทำอะไรลับๆ ล่อๆ แบบนี้

 

 

ฝานเจียวเจียวไม่โกรธ “ไม่ใช่หรอก ก็แค่เจอโดยบังเอิญ ฉันคิดว่าเราควรรู้จักกันบ้าง จึงตามคุณมา”

 

 

ถึงตอนนี้ฟางจื่อชิวไม่อยากสอบถามปัญหาที่อีกฝ่ายตามเธอมาแล้ว ที่เธอสนใจคือข่าวเกี่ยวกับอีลั่วเสวี่ย

 

 

“งั้นฉันไม่ถือสาพวกคุณแล้ว คุณบอกว่าคุณเองก็เป็นศัตรูกับอีลั่วเสวี่ย งั้นคุณมาพบฉันทำไม?”

 

 

“แน่นอนว่าเพื่อช่วยให้คุณได้ครอบครองคนในหัวใจ ฉันจะดีใจที่สุดถ้าได้เห็นอีลั่วเสวี่ยพ่ายแพ้” เธอต้องการแย่งชิงทุกอย่างไปจากอีลั่วเสวี่ย งั้นก็เริ่มด้วยการทำลายความสุขของเธอ!

 

 

ในดวงตาฟางจื่อชิวฉายแววเ**้ยมโหดออกมา “ที่พูดหมายความว่ายังไง อีกย่างคุณจะใจดีช่วยฉันงั้นหรือ?” เดิมเธอกำลังตื่นเต้นยินดีแต่กลับสงบใจลง โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ เธอรู้เหตุผลเรื่องนี้ดี

 

 

ฝานเจียวเจียวยิ้ม “แน่นอน ขอเพียงทำให้อีลั่วเสวี่ยทุกข์ทรมาน ฉันไม่คำนึงหรอกว่าต้องช่วยคุณฟรีๆ ขอเพียงคุณยอมทำตามแผนการของฉัน

 

 

 

 

ตอนที่ 439 คุณไม่เข้าใจ

 

 

ขอเพียงเชื่อฟังเธอ ฝานเจียวเจียวมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องอยากเลยที่เฉวียนหมิงจะยอมสยบแทบเท้าฟางจื่อชิว

 

 

ฟางจื่อชิวฟังแล้วก็รู้สึกหวั่นไหว “งั้นคุณพูดมา” เวลานี้เธอไม่รู้ว่าจะใกล้ชิดกับเฉวียนหมิงได้อย่างไร เดิมทางนายท่านผู้เฒ่ายังเป็นจุดเปลี่ยนได้ แต่ท่าทีวันนี้ของแก ทำให้เธอสับสน

 

 

ไม่เจอกันเพียงสองสามวัน ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเอายากล่อมประสาทอะไรกรอกให้นายท่านผู้เฒ่ากิน ทำให้เวลานี้แกไม่ใส่ใจเธอแล้ว

 

 

ฝานเจียวเจียวยิ้มที่มุมปาก แล้วกระซิบข้างหูฟางจื่อชิว ส่วนเธอ ยิ่งฟังดวงตาก็ยิ่งเบิกกว้างขึ้น

 

 

“ไม่ได้ ไม่ได้ ปู่ไม่ยอมให้ฉันเสี่ยงหรอก ฉันเองก็เอาฟางกรุ๊ปมาเสี่ยงไม่ได้!” พอฟางจื่อชิวฟังแผนการจบก็ปฏิเสธทันที ถ้าเกิดทำพลาด ตระกูลฟางของเธอต้องล่มจมแน่!

 

 

“เว้นแต่ว่าฟางกรุ๊ปของคุณอยากให้เฉวียนกรุ๊ปก้าวหน้าต่อไป ส่วนพวกคุณไม่อยากกินเนื้อชิ้นโตนี้?”

 

 

ดวงตาฟางจื่อชิวเจิดจ้าขึ้น “ไม่ได้ อิทธิพลของเฉวียนกรุ๊ปลึกล้ำมาก ไม่ใช่จะเล่นงานได้ง่ายๆ” อีกอย่างถ้าไม่มีเฉวียนกรุ๊ปแล้ว ถึงตอนนั้นสกุลเฉวียนก็ไม่เหลืออะไร แล้วปู่จะยอมให้เธออยู่กับเฉวียนหมิงได้อย่างไร

 

 

ยังไม่พูดเรื่องนี้ก่อน ต่อให้ปู่เห็นด้วย แต่เฉวียนหมิงจะตกลงหรือ จะโค่นเขาได้ง่ายๆ นั้นหรือ

 

 

“ยังมีฉันด้วย ในเมื่อฉันเป็นคนวางแผน ฉันก็ต้องช่วยคุณให้ถึงที่สุด ถึงตอนนั้นอีลั่วเสวี่ยก็จะไม่มีเฉวียนกรุ๊ปคอยปกป้อง ส่วนเฉวียนกรุ๊ปตกอยู่ในอันตราย คุณคิดว่าเฉวียนหมิงจะเลือกการล้มละลายหรือเลือกที่จะช่วยบริษัท?”

 

 

คำถามเหล่านี้ทำให้ฟางจื่อชิวลังเล เธอกัดริมฝีปาก รู้สึกสับสน

 

 

ฝานเจียวเจียวไม่เร่งเร้า ปล่อยให้เธอสงบใจครุ่นคิด แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ฟางจื่อชิวยังคงลังเล ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่ฝานเจียวเจียวรู้ว่าการที่ยังลังเลแสดงว่าเธอครุ่นคิดเรื่องนี้

 

 

“ค่อยๆ คิด ยังมีเวลา นี่เป็นนามบัตรและที่อยู่ของฉัน คิดตกเมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้ตลอดเวลา จำกัดเวลาภายในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ถ้าพลาดไปแล้วฉันก็ช่วยไม่ได้อีกแล้ว”

 

 

ฝานเจียวเจียวพูดแล้วดื่มเหล้าแก้วสุดท้าย บอดี้การ์ดเดินไปที่เคาน?เตอน์บาร์ ควักเงินสดออกมาชำระค่าเหล้า รวมทั้งของฟางจื่อชิวด้วย

 

 

ฟางจื่อชิวชะงัก มองตามหลังฝานเจียวเจียวที่เดินจากไป หยิบนามบัตรขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่ สุดท้ายเธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัวก่อน

 

 

หลังออกจากบาร์ บอดี้การ์ดเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนู คุณจะเล่นงานผู้หญิงคนนั้น ทำไมต้องยุ่งยากอย่างนี้ด้วย ก็แค่ส่งคนไปกำจัดเธอไม่ง่ายกว่าหรือ?”

 

 

คนที่พูดอย่างนี้ย่อมเป็นคนที่ใจคอโหดเ**้ยม เจ้านายอย่างฝานเจียวเจียวที่มีบอดี้การ์ดแบบนี้อยู่ข้างตัวย่อมไม่ใช่คนดีสักเท่าไร

 

 

“นายไม่เข้าใจ การทรมานคนอย่างสูงสุดไม่ใช่ที่ร่างกาย ทรมานจิตวิญญาณต่างหากที่ยิ่งทุกข์ทรมาน” ขณะที่พูด ดวงตาฝานเจียวเจียวฉายแววอำมหิตออกมา

 

 

ไม่เสียทีที่เป็นคนในเขตทหาร ถึงจะเป็นหญิง แต่ด้านที่ร้ายกาจสามารถทำให้คนขวัญผวาได้

 

 

บอดี้การ์ดเหมือนเข้าใจบ้างแล้ว “แล้วคุณหนูมีแผนการอย่างไร ถ้าให้…รู้เข้า จะส่งผลต่อคุณหนูมาก ถึงตอนนั้น…” เขาพูดถึงตอนนี้ก็ไม่พูดต่ออีก

 

 

แววตาเธอเคร่งขรึม สีหน้าสงบนิ่ง “ฉันทำอะไรไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ จะมีคนแบกรับแทน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน?”

 

 

คนงี่เง่าอย่างฟางจื่อชิว ถูกเธอพูดกล่อมไม่กี่ประโยคก็สับสนไร้ทิศทาง บวกกับเส้นสายที่เธอมีอยู่ อยากหลบฉากออกมาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

 

 

เธอมีความมั่นใจขนาดนี้ บอดี้การ์ดจึงไม่พูดอะไรอีก มองข้ามลางสังหรณ์ทางร้ายในใจไป