หลังจากฉินซินหยิ่งออกไป ถังซีก็นั่งลงบนโซฟา ฉินเย่ว์มองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ซึ่งไม่กลัวเขาเลย เขาหรี่ตาลง ค่อยๆ เดินไปที่โซฟาโดยใช้ไม้เท้าค้ำยันแล้วนั่งลง จากนั้นก็มองถังซีด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เธออยากคุยอะไรกับฉัน”
ถังซีวางท่าสบายๆ ไร้กังวล และยิ้มออกมา “ฉันสงสัยมานานแล้วว่าทำไมคุณถึงไม่ชอบฉัน ปู่ฉิน”
ฉินเย่ว์ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ ฉันไม่ชอบปู่เธอ!”
“คุณไม่ชอบท่าน เพราะคุณย่าฉันเลือกท่าน” ถังซีมองหน้าฉินเย่ว์ด้วยรอยยิ้มหยัน “แต่ฉันว่าไม่ใช่หรอก คุณไม่ชอบฉัน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ปล่อยให้หลานสาวคุณทำเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นกับฉัน”
ฉินเย่ว์ขมวดคิ้ว ถังซีเม้มริมฝีปาก “คุณไม่คิดหรือว่า นี่เป็นการลงโทษที่พระเจ้ามอบให้คุณ”
ฉินเย่ว์ตะคอก “ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร! ถ้าเธอยังเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ต่อไป ฉันจะไม่คุยกับเธอแล้ว”
ถังซีหัวเราะ “เรื่องไร้สาระเหรอ ถ้าน้องสาวคุณไม่ได้ฆ่าคุณย่าซู่หวาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณปู่ฉันก็คงไม่ได้พบกับคุณย่าของฉัน ท่านทั้งสองคงไม่ได้ตกหลุมรักกัน นี่คือผลกรรมที่คุณก่อไว้แท้ๆ คุณไม่คิดแบบนี้บ้างเหรอ”
“อย่าพยายามปกป้องปู่เธอ! เขามันก็แค่ไอ้งั่งที่แย่งคู่หมั้นคนอื่น!” ฉินเย่ว์ผุดลุกขึ้นทันที และก้มลงมองถังซี ถามอย่างเย็นชา “น้องสาวฉันอยู่ที่ไหน”
“ในคุก” ถังซีกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ
ฉินเย่ว์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “นี่เธอแกล้งฉันเหรอ!”
ถังซีเอียงศีรษะเล็กน้อย มองหน้าฉินเย่ว์ด้วยรอยยิ้ม “มีคนบอกว่าคนเราอายุยิ่งมากขึ้น ก็จะยิ่งมีสติ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นข้อยกเว้น”
“หุบปาก!” ฉินเย่ว์กระแทกไม้เท้ากับพื้น “เธออย่าคิดนะ ว่าจะเอาชนะฉันได้ด้วยความช่วยเหลือจากพันธมิตรโง่ๆ ของเธอ”
ถังซียิ้ม “ฉันไม่ได้คิดว่าฉันจะเอาชนะคุณได้ คุณมีผู้ทรงอิทธิพลอย่างมิสเตอร์วิลเลียมหนุนหลังอยู่ พวกเราหรือจะกล้าผลีผลาม”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงวิลเลียม ฉินเย่ว์ก็ขมวดคิ้ว มองเธอด้วยท่าทางตกใจ พวกนี้รู้ได้อย่างไรกัน มิสเตอร์วิลเลียมคือไพ่ใบสุดท้ายของเขา หากคนพวกนี้ล่วงรู้ว่ามิสเตอร์วิลเลียมอยู่เบื้องหลังเขา… ฉินกรุปจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง
ถังซีพอใจมากที่เห็นฉินเย่ว์เสียอาการ เธอขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย มองหน้าฉินเย่ว์ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงฉันมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อจะบอกคุณว่า ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉินกรุปไม่มีทางได้แตะต้องเซียวกรุป และคุณไม่มีวันช่วยน้องสาวคุณและครอบครัวของเธอได้”
“อย่าเพิ่งมั่นใจ” ฉินเย่ว์ตะคอก “ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเธอจะทำอะไรได้”
ถังซียิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเราก็มารอดูกัน อ้อ อีกอย่างหนึ่ง คุณรู้หรือยังว่าคำสั่งซื้อเดือนหน้าของฉินกรุป อยู่ในมือเอ็มไพร์กรุปหมดแล้ว”
ฉินเย่ว์หัวเราะเยาะ “งั้นเหรอ”
“ถ้าอยากรู้ว่าจริงไหม ก็กลับไปตรวจสอบดูสิ” ถังซีกล่าวจบก็เดินไปที่ประตู แล้วจู่ๆ เธอก็หยุด หันกลับไปมองฉินเย่ว์และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อ้อ ช่วยบอกฉินซินหยิ่งด้วยนะ ว่าฉันจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำไว้กับฉันได้แม่น และฉันจะค่อยๆ ตอบแทนเธอช้าๆ”
เมื่อเห็นสีหน้าฉินเย่ว์เข้มขึ้น ถังซีก็เปิดประตู ฉินซินหยิ่งซึ่งกำลังแอบฟังไม่คาดคิดว่าถังซีจะเปิดประตูออกมาทันทีทันใดอย่างนั้น ถึงกับเสียหลักเกือบล้มลงกับพื้น ถังซีเหลือบมองเธอและเดินออกไป แล้วหันกลับไปมองฉินซินหยิ่ง กล่าวว่า “เธอนี่ชอบแอบทำอะไรลับหลังเสมอเลยนะ”
ฉินซินหยิ่งกำมือแน่น แล้วถังซีก็หันหลังเดินจากไป
ที่ประตูโรงแรม อาหกกำลังรอเธออยู่นอกรถ ถังซีเดินไปขึ้นรถ จากนั้นอาหกก็สตาร์รถ ถังซีถอดหน้ากากผิวหนังออกจากใบหน้า และกล่าวว่า “ไปเรือนจำเมือง C”
…
ระหว่างทางถังซีได้รับโทรศัพท์จากถังหย่า บอกเธอว่าถังเจิ้นหวาต้องการจัดงานแถลงข่าว และจัดการประชุมผู้ถือหุ้นเอ็มไพร์กรุปด้วย เพื่อแนะนำถังหย่าต่อสาธารณะ เธอโทรหาถังซีเพื่อขอความคิดเห็น เมื่อได้ยินรายละเอียดเช่นนี้ถังซีก็เม้มริมฝีปาก ก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอกค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตอนหนูกลับถึงบ้านนะคะ หนูจะกลับบ้านพรุ่งนี้ค่ะ”
ถังหย่ากล่าวว่า “ตกลงจ้ะ” แล้ววางสาย เพราะเหตุใดไม่รู้ ตอนนี้เธอต้องการขอความเห็นจากลูกสาวไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม
หลังจากเธอวางสาย ถังเจิ้นหวาก็ถามว่า “โหรวโหรวว่ายังไง”
ซีซีออกไปตั้งแต่เมื่อวาน ท่านอยากหารือกับเธอเรื่องงานแถลงข่าว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ ท่านไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงยุ่งมาก จนกระทั่งได้ดูข่าววันนี้
“โหรวโหรวบอกว่าเธอมีเรื่องต้องจัดการ จะกลับบ้านพรุ่งนี้ค่ะ เอาไว้ค่อยคุยกับเธอตอนที่เธอกลับมา” ถังหย่ามองหน้าถังเจิ้นหวาอย่างไม่ค่อยสบายใจ “โหรวโหรวเพิ่งกลับมาหาเรา และท่านก็สร้างความประหลาดใจให้เธอมากเช่นกัน เธอต้องการเวลาปรับตัวเข้ากับทุกๆ เรื่อง ได้โปรด… อย่าถือสาเธอเลยนะคะ”
ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้เธอเรียกท่านว่าพ่อ แต่ตอนนี้เธอพบว่าเป็นการยากที่จะเรียกท่านแบบนั้น
ถังเจิ้นหวารู้ดีว่าทุกวันนี้ถังซีงานยุ่งมาก ยุ่งกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ ท่านจึงพยักหน้า “เอาล่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกับเธอ”
“แล้วซีซีล่ะคะ ซีซีจะว่ายังไง” พูดตามตรงถังหย่ารู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นหลานสาว แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอมักจะดูข่าวซีซีทางโทรทัศน์ และได้แต่คิดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นบุคคลในสังคมที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง เข้ามาบริหารบริษัทขนาดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อยและทำงานได้ดี แต่ตอนนี้จู่ๆ หญิงสาวคนนั้นก็กลายเป็นหลานสาวของเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะยอมรับ
“ซีซีประกาศว่าจะสนับสนุนเซียวกรุป เธอคิดว่าหลานสาวคิดอย่างไรล่ะ” ถังเจิ้นหวาหัวเราะ “ไม่สำคัญหรอกว่าซีซีจะคิดยังไง สิ่งสำคัญคือเธอคิดยังไงมากกว่า เพียงแค่บอกมาว่าเธอตัดสินใจยังไง หลังจากปรึกษาโหรวโหรวแล้ว”
ถังหย่าหันไปมองเซียวหงอี้ด้วยสายตาวิตกกังวล เซียวหงอี้จับมือเธอไว้ เอ่ยปลอบโยนเธอเบาๆ “ใช่ คุณพ่อพูดถูกแล้ว อย่าสร้างความกลัวให้ตัวเอง ทุกคนคือครอบครัวของคุณ”
แน่นอนว่าไม่สำคัญว่าซีซีจะคิดอย่างไร เพราะซีซีก็คือโหรวโหรวนั่นเอง!
ถึงตอนนี้ถังจงก็เข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ เขากระซิบกับถังเจิ้นหวา “นายท่านครับ…”