SD:บทที่ 102 การพรากจากกัน
ในขณะที่ ซูฉิวไป่ กำลังคุยโทรศัพท์นั้นเขาเข้าใจทันทีว่า กู่เฉิงหยา หมายถึงอะไร เขารู้สึกเป็นกังวลมาก
“ไม่..เอ่อ..ผมไม่ได้วางแผนที่จะกลับเมืองชิงเหอในตอนนี้” ในตอนแรกเขาต้องการที่จะหลีกเลี่ยง กู่เฉิงหยา แต่ถ้าเธอติดตามเขากลับไปยังเมืองชิงเหอมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
“ คุณจะไม่กลับไปจริงๆหรือคุณแค่ต้องการพูดว่าจะไม่กลับไป”น้ำเสียงที่สงบของ กู่เฉิงหยา ทำให้ลมหายใจของ ซูฉิวไป่ ติดขัดอยู่ที่ลำคอ
“คุณเกลียดฉันหรือเปล่า” กู่เฉิงหยา ถามขึ้นทันทีดูเหมือนน้ำเสียงของเธอแสดงออกถึงความสูญเสียบางอย่าง
“ไม่ใช่แน่นอน” ซูฉิวไป่ ตอบกลับโดยทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา คุณจะกลับพรุ่งนี้เช้าใช่ไหมฉันจะรอคุณพร้อมกับอาจารย์อยู่ที่อาคารศูนย์ธุรกิจ”
เสียงของหญิงสาวแสดงออกถึงความสุขพร้อมกับเสียงการตัดสัญญาณโทรศัพท์ ซูฉิวไป่ แสดงออกด้วยใบหน้าอึมครึม
ซูฉิวไป่ ไม่มีทางเลือกอื่นดูเหมือนว่า กู่เฉิงหยา ตั้งใจที่จะตามเขากลับไป เขาถอนหายใจอย่างไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงหวังว่าหลังจากที่เขากลับไปยังเมืองชิงเหอ เขาจะมีวิธีส่งเธอกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
ในขณะที่เฉาตั้วเฟยและกลุ่มพี่น้องของเขามาถึงที่อยู่ของ ซูฉิวไป่ ทุกคนตกลงกันว่าจะทานอาหารเย็นด้วยกันในวันนี้มันเป็นการอำลาบรรดาลุงๆ สุดท้ายแล้วเมื่อเขากลับไปยังเมืองชิงเหอ ซูฉิวไป่ ก็จะส่งลุงทั้งหมดกลับไปในยุคของตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่
เพื่อแสดงความกตัญญูต่อเพื่อนร่วมห้อง ซูเซี่ยวเซี่ยว ขอร้อง ซูฉิวไป่ ให้เธอชวนจางเหวินและเสี่ยวหลี่มาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วย พวกเธอเป็นคนที่ดูแล ซูเซี่ยวเซี่ยว ในระหว่างที่รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องขอบคุณพวกเธอก่อนที่เธอจะออกไปจากเมืองนี้
พี่น้องจากแก๊งรถซิ่ง อยู่กับบรรดาลุงเหล่านั้นในขณะที่ ซูฉิวไป่ พาน้องสาวของเขาไปที่มหาลัยเพื่อรับเพื่อนสาวทั้งสองคน
ในที่สุดทุกคนก็พบกันที่หน้าโรงแรมขนาดใหญ่ใจกลางเมือง
บรรดาบรรพบุรุษไม่ได้อารมณ์ดีนักเพราะมันเป็นอาหารค่ำแห่งการร่ำลา แต่เพื่อนของ ซูเซี่ยวเซี่ยว มีความสุขมาก
จางเหวิน จับมือของ ซูเซี่ยวเซี่ยว และกระซิบเบาๆว่าเธอไม่เคยมาโรงแรมนี้มาก่อน
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากในเมืองตงไห่ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะจับจองห้องรับประทานอาหารส่วนตัว อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ถูกจัดการโดย เฉาตั้วเฟย แม้กระทั่ง ซูฉิวไป่ ยังไม่เคยรู้ว่าพวกเขาได้จองห้องเอาไว้
หลังจากที่ทุกคนนั่งลง ซูฉิวไป่ สังเกตได้ว่าบรรดาบรรพบุรุษไม่ได้อารมณ์ดีนักเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน ซูฉิวไป่ ยืนขึ้นเพื่อหยิบของว่างให้แก่คนเหล่านี้
จากนั้น ซูฉิวไป่ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าถึงแม้ว่า ซูฉิวไป่จะส่งพวกเขา กลับไปยังยุคของตัวเองแต่พวกเขาก็ยังสามารถที่จะพบเจอกันได้อีก ดังนั้นจึงทำให้บรรดาบรรพบุรุษเริ่มดื่มกินราวกับว่าพวกเขาจะไม่กลับไปถ้าพวกเขาไม่เมา ซูฉิวไป่ และ เฉาตั้วเฟย เองก็ดื่มมากมายในคืนนี้เช่นกันเพราะสุดท้ายแล้วคงเป็นโอกาสยากที่จัดร่วมดื่มกลับจักรพรรดิ์ เรียกโอกาสนี้ว่าปาฏิหาริย์คงไม่พูดเกินจริง!
อีกโต๊ะหนึ่ง ซูเซี่ยวเซี่ยว จางเหวิน และเสี่ยวหลี่กำลังโศกเศร้าพวกเธอกำลังแยกจากกันในไม่ช้า ซูเซี่ยวเซี่ยว จะไปที่เป่ยตูหลังจากปิดเทอมไปแล้วเธอจะไม่กลับมาที่นี่อีกจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา
ผู้หญิง 3 คนนั่งอยู่ที่มุมห้องและจับมือกันขณะพูดคุย
“ จางเหวิน เธอยังทำงานอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”จู่ๆ ซูเซี่ยวเซี่ยว ก็นึกถึงบางอย่างเธอจึงถามขึ้นอย่างอ่อนโยน
จางเหวิน ที่ดูค่อนข้างอารมณ์ดีก่อนหน้านี้รอยยิ้มจางหายไปทันที แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้า
ซูเซี่ยวเซี่ยว ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของเธอ
ครอบครัวของ จางเหวิน นั้นไม่ได้ร่ำรวยดังนั้นเธอจึงทำงานพาร์ทไทม์เกี่ยวกับเอกสารในบริษัทแห่งหนึ่ง เธอไปทำงานที่นั่นทุกครั้งเมื่อไม่มีเรียน จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แย่นัก บริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงพนักงานชั่วคราวแต่บริษัทก็จ่ายเงินเดือนให้เธอพอสมควร อย่างไรก็ตามเนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่งดงามของเธอทำให้ผู้จัดการแผนกมักจะลวนลาม และแต๊ะอั๋งเธอหลายครั้ง
ซูเซี่ยวเซี่ยว และ เสี่ยวหลี่ รู้เรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้วจึงแนะนำให้เธอลาออก แต่ด้วยความจริงที่ว่า จางเหวิน ต้องการมีเงินเดือนรวมทั้งมันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหางานใหม่ที่ได้เงินดีขนาดนี้ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะถูกคุกคามที่น่าขยะแขยงแต่เธอก็สามารถอดทนเอาไว้ได้
“ลืมไปซะเถอะ อย่าพูดเรื่องนี้อีกต่อไปเลย คุยกันเรื่องอื่นดีกว่า” จางเหวิน โบกมือค่อนข้างจะอึดอัดใจ อย่างไรก็ตามเธอไม่มีทางเลือกเพราะเธอเป็นแค่นักเรียนที่น่าสงสาร เธอไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
ซูเซี่ยวเซี่ยว และ เสี่ยวหลี่ ต่างเป็นห่วงเธอเช่นกันแต่พวกเธอไม่มีความคิดอื่น
หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่งทั้งสามสาวก็เดินไปห้องน้ำ
ซูฉิวไป่ ไม่ได้สนใจพวกเธอดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตว่าพวกเธอไปห้องน้ำเป็นเวลานานและยังไม่กลับมา หลังจากนั้นไม่นานพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมก็รีบเข้ามาในห้องอาหาร
“เอ่อ..ขอโทษนะคะ เด็กสาว 3 คนจากห้องอาหารของคุณกำลังเจอกับปัญหา พวกคุณมีใครที่จะตามฉันไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้บ้าง..”พนักงานเสิร์ฟไม่รู้ว่าจะถามใครดังนั้นเธอจึงพูดออกมาอย่างกระวนกระวาย
ทุกคนในห้องเงียบลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกที่ร่าเริงของเหล่าบรรพบุรุษเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ซูเซี่ยวเซี่ยว เป็นบุคคลที่มีค่าที่สุดสำหรับพวกเขาและตอนนี้มีคนพยายามทำให้เธอตกอยู่ในฐานะลำบาก
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาบรรพบุรุษลุกขึ้นยืนทันทีราวกับว่า ซูเซี่ยวเซี่ยว เป็นครอบครัวของพวกเขา
ซูฉิวไป่ เดินไปที่ประตูพร้อมกับบอกให้บรรดาบรรพบุรุษสงบใจลง ในไม่ช้ามีคนมากกว่า 30 คนรวมทั้งพี่น้องแก๊งรถซิ่งทุกคนออกจากห้องรับประทานอาหารไปพร้อมกัน
นอกห้องเด็กผู้หญิงทั้ง 3 คนกำลังประสบปัญหาตามคำอธิบายของพนักงานเสิร์ฟ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ซูเซี่ยวเซี่ยว แต่เป็น จางเหวิน และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อทั้ง 3 คนออกมาจากห้องน้ำพวกเขาชนกับผู้จัดการที่เคยลวนลาม จางเหวิน
ผู้จัดการเมานิดหน่อย ทันทีที่เขาเห็น จางเหวิน เขารีบพุ่งตรงมาหาเธอโดยไม่ลังเลและยืนกรานว่า จางเหวิน จะต้องไปนั่งบริการเขากับลูกค้าของบริษัท เขายังบอกเธออีกด้วยว่านี่เป็นความรับผิดชอบของพนักงาน!
เห็นได้ชัดว่า จางเหวิน ไม่เต็มใจที่จะติดตามเขาไปเธอพยายามหลีกเลี่ยงมือของเขาและติดตามซูเซี่ยวเซี่ยวกลับไปที่ห้องอาหาร แต่ผู้จัดการรู้สึกหงุดหงิดและได้กระชาก จางเหวิน ลงกับพื้น
“อีเวร ฉันจะบอกแกอีกครั้ง!ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่แกก็ต้องไปนั่งกับลูกค้า ฉันจะดูแลแกอย่างดี!ถ้าแกไม่เห็นด้วยและกล้าขัดขืนฉันจะไล่แกออก!”
ด้วยพละกำลังแขนของผู้จัดการทำให้ จางเหวิน ล้มลงกับพื้นพร้อมกับข่มขู่เธอ คนที่ผ่านไปมาต่างเห็นเหตุการณ์แม้ว่าทุกคนต้องการที่จะช่วยเหลือเธอแต่พวกเขารู้ว่าคนที่สามารถเข้ามาในโรงแรมแห่งนี้เพื่อรับประทานอาหารยอมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนดังนั้นจึงไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงตัวเอง
จางเหวิน ถูกกระชากลงกับพื้นโดยผู้จัดการของเธอเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ใบหน้าของเธอซีดเซียวและแขนของเธอมีรอยถลอก ซูเซี่ยวเซี่ยว เป็นกังวลทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของ จางเหวิน เธอรีบเข้าไปช่วยเหลือและ ขัดขวางผู้จัดการในขณะที่เห็นว่าผู้จัดการจะเตะ จางเหวิน
“ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!เธอแค่ทำงานให้กับบริษัทของคุณไม่ใช่ขายตัว!คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องขอโทษเธอเดี๋ยวนี้!”
ซูเซี่ยวเซี่ยว จ้องไปที่ชายอ้วนที่อยู่ตรงหน้าเธอร่างของเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ บอกให้ฉันขอโทษอย่างนั้นหรอ! ฮ่าฮ่าฮ่า..ฉันจะไม่ทำ!”
จากนั้นชายอ้วนพูดเยาะเย้ยพร้อมกับยกขาขึ้นเตะ ซูเซี่ยวเซี่ยว
ปัง!
ผู้คนในห้องโถงได้ยินเสียงดังจากนั้นพวกเขาก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ามืดมนพร้อมกับรังสีการฆ่าฟันยืนอยู่ถัด ซูเซี่ยวเซี่ยว ในขณะเดียวกันผู้จัดการเองได้ลอยกระเด็นไปเกือบ 10 เมตรและกระแทกเข้ากับเสาหลักของห้องโถง
“เจ้ากล้าที่จะแตะต้องเธออย่างนั้นหรอ…ข้าจะฆ่าล้างทั้งตระกูลของเจ้า!”
ไป๋ฉี ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูดพูดขึ้น ผู้ชมหลายคนอาจไม่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่คนที่รู้ตัวตนของไป๋ฉีจะเชื่อคำพูดของเขาอย่างแน่นอน ถ้าเขาต้องการฆ่าทุกคนในโรงแรมแห่งนี้จะไม่มีใครหนีรอดไปจากเขาได้!
ในตอนแรกแขกในห้องโถงค่อนข้างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กสาวทั้งสามคน แต่พวกเขาโล่งอกหลังจากเห็นไป๋ฉีมาช่วยเหลือ การมีลุงที่แข็งแกร่งแบบนี้เด็กสาวทั้งสามคนจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม ในขณะเดียวกันในห้องอาหารส่วนตัวก็มีคนทยอยออกมาจากห้อง ในไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาทั้งกลุ่มก็ออกมากันหมด ทุกคนได้เห็นฉากนี้ต่างรู้สึกตกตะลึง ผู้จัดการได้เตะแผ่นเหล็กอย่างจัง..ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าเตะโลงศพอย่างจัง!
—————————————————-