SD:บทที่ 103 กวนไทปิง

 

ไป๋ฉีไม่ได้เตะเขาด้วยพลังเต็มที่ไม่เช่นนั้นผู้จัดการคงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามสภาพของผู้จัดการตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก

หลังจากพยายามอยู่ระยะหนึ่งในที่สุดเขาก็สามารถลุกขึ้นได้ ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธเขาผ่านทุกอย่างมาตลอดชีวิต ดังนั้นเขาเคยแต่รังแกผู้อื่นแต่ไม่เคยประสบกับตัวเอง

เธอเป็นแค่นักเรียนมหาลัยที่ยากจน มันดีแค่ไหนแล้วที่ให้เธอมาบริการลูกค้าเพื่อเงิน!แต่เธอยังกล้าปฏิเสธ!

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันหน้าไปมอง จางเหวิน เขาพบกับกลุ่มคนทั้งหมดยืนอยู่นอกห้อง

เชี่ยแล้ว! คนพวกนี้มาจากไหน*?ที่นี่มีการถ่ายทำละครอยู่หรือเปล่า?*

บรรยากาศในห้องโถงเงียบสนิท  ซูฉิวไป่ รู้สึกโมโหในตอนนี้ด้วยประสบการณ์ในการขับขี่รถแท็กซี่หลายปีของเขาทำให้เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะเดียวกัน ซูเซี่ยวเซี่ยว พยายามเล่าเรื่องให้เขาฟังทั้งหมดอย่างเงียบๆ

“เอาล่ะแค่ขอโทษและออกไปจากที่นี่ซะ”

ซูฉิวไป่ พูดขึ้นเขาไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไปเขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้ทำลายอาหารค่ำของพวกเขา

ผู้จัดการรู้สึกลังเล มันน่าละอายเกินไปสำหรับฉันที่จะขอโทษต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก แต่พวกเขามีมากเกินไปฉันไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้!

ยังไงก็ตามในขณะที่เขาลังเล คนจากห้องรับประทานอาหารส่วนตัวก็ออกมาหลังจากได้ยินข่าว ลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้า VIP ของบริษัท เขามีหน้าที่พาลูกค้า vip มารับประทานอาหารค่ำในนามของบริษัท และดูเหมือนว่าลูกค้า VIP คนนี้จะเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลดังนั้นเขาจึงนำบอดี้การ์ดมามากมาย

เมื่อเห็นว่าคนในทีมของเขากำลังออกมาจากห้องส่วนตัวผู้จัดการเองก็เริ่มกล้าหาญทันที เขาลุกขึ้นพร้อมกับท้าวแขนบนสะโพกจ้องมอง จางเหวิน และมองไปที่ ซูฉิวไป่

“ ถ้าฉันไม่ขอโทษล่ะ?”

ในตอนแรก ซูฉิวไป่ ตั้งใจที่จะกลับไปยังห้องของตัวเองหลังจากที่ผู้จัดการขอโทษ เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับคนเหล่านี้เขารู้ดีว่าคนเหล่านี้รู้วิธีที่จะเอาตัวรอดที่ดีที่สุด เนื่องจาก ซูฉิวไป่ มีผู้คนจำนวนมากอยู่ข้างเขาดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าผู้จัดการจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน

ประโยคที่ผู้จัดการพูดออกมาทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาหันกลับไปมองผู้จัดการอีกครั้งเขาก็พบว่ามีคนนับสิบคนกำลังเดินมาที่นี่ คนขับรถแท็กซี่เข้าใจสถานการณ์ทันที

ดูเหมือนว่าคุณจะมีคนสนับสนุนอยู่ด้านหลัง!

ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงยังคงหลบหลีกอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเห็นกลุ่มคนของผู้จัดการเดินเข้ามา ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่เกิดการขัดแย้งใดๆแต่คิดว่าคงอีกไม่นาน

พนักงานเสิร์ฟของโรงแรมเริ่มเป็นกังวลมากขึ้น พวกเขาได้แจ้งผู้จัดการโรงแรมไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าผู้จัดการโรงแรมยังมาไม่ถึง เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะแทรกแซงมิฉะนั้นพวกเขาอาจสร้างปัญหาให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์กลุ่มคนที่เป็นเบื้องหลังของผู้จัดการได้เดินออกมา คนที่ยืนอยู่หน้าสุดเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำ แต่ทุกคนก็ต้องรู้สึกสับสนอีกครั้งเมื่อได้ยินชายคนนั้นพูด

“คุณซู จำผมได้ไหม ผมกวนไทปิง!”ชายคนนั้นยิ้มในขณะที่พูด

ในตอนแรก ซูฉิวไป่ คิดว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับชายคนนี้ในที่สุดเขาก็จำได้หลังจากที่ได้ยินเสียง

เขาพบชายคนนี้ในงานวันเกิดของ กู่เฉิงหยา ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเกลียดและมีเรื่องกับพวกเขาตั้งแต่ทางเข้า ต่อมาในห้องโถงผู้ชายคนนี้พยายามสร้างความลำบากแกะเขาโดยการพูดเรื่องของขวัญวันเกิด

ทำไมตอนนี้ดูเหมือนเขาเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์เมื่อได้พบกันในครั้งนี้*?*

อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเริ่มการต่อสู้กับผู้ชายที่ทักทายเขาอย่างมีมารยาทดังนั้นเขาจึงแค่พยักหน้า

ในความเป็นจริง กวนไทปิง รู้สึกประหม่าอย่างยิ่งหลังจากที่เขาทักทาย ซูฉิวไป่  วันนั้นเขากลับบ้านหลังจากฉลองวันเกิดของ กู่เฉิงหยา และพบว่าข่าวเกี่ยวกับที่เขาจงใจสร้างเรื่องลำบากให้กับ ซูฉิวไป่ ได้ล่วงรู้ถึงหูพ่อของเขา

แค่ได้ยินดังนั้นพ่อของเขาก็เกือบจะฆ่าเขาตาย!

ในตอนแรก กวนไทปิง ไม่มั่นใจว่าชายคนนี้คือใครจึงทำให้พ่อของเขาโกรธมากขนาดนี้!

อย่างไรก็ตามเมื่อพ่อของเขาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังเกี่ยวกับ ซูฉิวไป่ ซึ่งสร้างชื่อเสียงในเมืองตงไห่ เขาแทบจะเข่าอ่อนนั่งลงกับพื้นทันที!

ฉันไปกระตุ้นเทพวิบัติโดยประมาทได้ยังไง!

ในความเป็นจริงเนื่องจากทุกคนต่างรู้เบื้องหลังเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวเซี่ยว โดยทั่วไปแล้วคนในวงในต่างได้ยินชื่อเล่นของ “เทพวิบัติ”และ กวนไทปิง ก็ถูกเตือนเช่นกัน

ไม่แปลกใจเลยที่  ซูฉิวไป่ มีพลังมากขนาดนี้ เซี่ยวหยุนถูกบังคับให้กระโดดลงมาจากตึกและกลายเป็นคนพิการนอนเป็นผักในขณะที่ ถ้ำเสือแหล่งมังกรของถนนตงโข่วก็เกือบจะถูกทำลายล้างภายในคืนเดียว เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบจะทำลายตระกูลเซี่ยว

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เป็นเรื่องใหญ่ เซี่ยวซิ่วเหวินเป็นคนที่ไม่แม้แต่ขมวดคิ้วแม้จะถูกแทง เขายินดีที่จะตัดแขนตัวเองออกมาเพื่อไถ่คำขอโทษ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า  ถ้าไม่เรียก ซูฉิวไป่ ว่าเทพแห่งความวิบัติแล้วเขาควรจะเป็นอะไร!

อย่างไรก็ตามแม้ว่า กวนไทปิง จะได้ยินตำนานของ ซูฉิวไป่ แต่เขาก็ยังไม่เคยพบด้วยตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะต้องมีเรื่องกับเทพวิบัติในวันหลัง

หลังจากทราบตัวตนของ ซูฉิวไป่ กวนไทปิง รู้สึกว่าเขาได้กลับมาจากประตูนรก ในตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม กู่เฉิงหยา จึงเต้นรำกับคนบ้านนอกอยาก ซูฉิวไป่

แต่ตอนนี้…เขาได้แต่คิดว่าเธอเลือกถูกแล้ว!

เมื่อเห็นว่า ซูฉิวไป่ พยักหน้าให้  กวนไทปิงก็รู้ได้ว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจเหตุการณ์ในปาร์ตี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากจากนั้นเขามองไปรอบๆและเห็นว่า จางเหวิน นั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับผู้จัดการของเขากำลังตกตะลึง มันทำให้เขาเข้าใจเหตุการณ์ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

กวนไทปิง เดินไปพร้อมกับกระทืบที่ท้องของผู้จัดการโดยไม่ลังเล

“ไอ้โง่ แกกล้าที่จะยั่วโมโหคุณซูได้ยังไง ขอโทษเร็วเข้า!”

การพูดประโยคนี้ขึ้นทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างฉับพลันในหมู่ผู้คนในห้องโถง ทุกคนคิดว่า กวนไทปิง จะมาช่วยผู้จัดการและเรื่องนี้จะต้องมีการขัดแย้งกันอย่างแน่นอนแต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มคนนี้กับกระทืบผู้จัดการแทน

ผู้จัดการรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ฉันคิดว่าคุณจะอยู่ข้างฉันเสียอีกแต่คุณกลับเป็นศัตรูของฉัน!

เขารู้สึกอารมณ์เสียมากนั่นเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาถูกกระทืบในวันเดียวกัน

เมื่อรวมสายตาของผู้ชมหลายคนที่อยู่ในห้องโถงมันทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและอัปยศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองไปที่ จางเหวิน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนข่มขู่ จางเหวิน  แต่เขาถูกกระทืบมันทำให้เขาตำหนิความผิดทั้งหมดไปที่ จางเหวิน

ผู้จัดการรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากเขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเดินไปหา กวนไทปิง

ฉันหน้าที่นี่เพื่อคุยธุรกิจกับคุณ ฉันไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณแต่คุณกล้าที่จะแตะฉัน!

อย่างไรก็ตามคำพูดนั้นถูกซ่อนไว้อยู่ภายในใจเขาหันหลังกลับและเดินไปหา ซูฉิวไป่

“ ผมขอโทษ..”

ผู้จัดการพูดเบาๆแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยิน

ซูฉิวไป่ ยังคงสงบนิ่งและหันไปหา จางเหวิน จากนั้นพูดว่า “คุณควรขอโทษเธอไม่ใช่ผม”

จางเหวิน เห็น ซูฉิวไป่ ชี้ไปที่เธอ เธอจึงหันไปสังเกตเห็นดวงตาของผู้จัดการที่แสดงออกถึงความเกลียดชังเป็นอย่างมาก เธอโบกมืออย่างรวดเร็วและเป็นกังวลว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความขุ่นเคืองใหญ่หลวงแก่ผู้จัดการ เขาจะต้องคุกคามเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเธอกลับไปทำงานในวันถัดไป

จางเหวินรู้สึกเป็นกังวลมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ว่าเธออาจจะตกงาน

อย่างไรก็ตามผู้จัดการเข้าใจดีอยู่แล้วว่าถ้าเขาไม่ขอโทษ จางเหวิน ซูฉิวไป่ จะไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงเดินไปหา จางเหวิน

“ ผมขอโทษ.”

ผู้จัดการกัดฟันของเขาด้วยความเกลียดชังในขณะที่เขาพูดออกมา จากนั้นมองไปที่ จางเหวิน ด้วยสายตาคุกคาม แม้แต่ ซูเซี่ยวเซี่ยว ที่ยืนอยู่ใกล้ๆยังสังเกตเห็นแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

ตั้งแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจึงเป็นจุดสิ้นสุดของการเจรจา ผู้จัดการไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยธุรกิจอีกต่อไป เขาเดินออกจากโรงแรมโดยตรงแต่ในใจของเขากำลังเริ่มคิดหาวิธีจัดการกับ จางเหวิน ในวันถัดไป

ฉันจะให้เธอคุกเข่าขอร้องอย่างแน่นอน!

กวนไทปิง และกลุ่มของเขาเองก็จากไปเช่นกันหลังจากที่พวกเขาทักทาย ซูฉิวไป่  แรงกดดันของเทพวิบัติมีมากเกินไปมันจะดีซะกว่าถ้าพวกเขาออกห่างโดยเร็วที่สุด

ต่อจากนั้นกลุ่มคนก็กลับไปยังห้องรับประทานอาหารส่วนตัวทุกคนยังคงอารมณ์ดีได้ดื่มอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม ซูฉิวไป่ พบว่า  จางเหวิน กำลังร้องไห้ในขณะที่ ซูเซี่ยวเซี่ยว และ เสี่ยวหลี่ ปลอบโยนเธอ

เขารู้สึกแปลกๆจึงมุ่งหน้าไป  จางเหวิน

จางเหวิน ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเดินมาหาเธอแต่น้ำตาของเธอไม่สามารถที่จะกลั้นเอาไว้ได้

เธอเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน คนอย่างผู้จัดการจู้จะต้องแก้แค้นเธอในวันรุ่งขึ้น ถ้าเธอตกงานเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ครอบครัวของเธออาศัยจากการทำนาบนผืนแผ่นดินเล็กๆในชนบทส่วนน้องชายของเธอกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปีนี้ เธอไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเธอเป็นกังวลเกี่ยวกับการเรียนของเธอ

ซูเซี่ยวเซี่ยว ลังเลอยู่สักพักแล้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมด ในที่สุดเธอก็จ้องมองพี่ชายของเธอราวกับขอร้องให้เขาช่วยแก้ปัญหา

เรื่องจริงนั้นทุกอย่างเป็นตามที่ ซูฉิวไป่ คาดเอาไว้ เขาขมวดคิ้วไตร่ตรองสักครู่ว่าจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเพื่อหางานให้เธอได้หรือไม่ ในเวลาเดียวกันเขาก็ถามขึ้นว่า

“บริษัทนั้นเป็นบริษัทแบบไหน?”

“เป็นบริษัทโฆษณาที่ตระกูลเซี่ยเป็นเจ้าของ” ซูเซี่ยวเซี่ยว กล่าวอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซูฉิวไป่ ตกตะลึง และ เฉาตั้วเฟย ที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเป็นคนแรกที่ตะโกนขึ้นมาว่า

“ตระกูลเซี่ย เซี่ยกรุ๊บของเมืองชิงเหออย่างนั้นหรอ?”

—————————————————