” เอาละ … ข้าเพียงบังเอิญออกไปเดินเล่น และ ข้าบังเอิญเดินไกลไปหน่อย ”
จวินโม่เซี่ย ส่งสายตาไปยังลุงทั้งสี่ของเขา เดินออกไปในความมืด และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ข้าบอกท่านได้เพียงแค่ว่า เมื่อวานข้าออกไปเดินเล่นในป่า ล้อเล่นกระมั้ง ! ข้าได้พูดคุยอย่างเป็นมิตรกับเจ็ดราชันอสูรเชวียน และ ข้าได้ทำข้อตกลงร่วมกับพวกเขาแล้ว พวกเราได้ทำข้อตกในการร่วมมือกันอย่างเป็นเอกฉันฑ์ …
บุรุษทั้งสี่มองหน้ากัน
เจ้าออกไปเดินเล่นอย่างนั้นหรือ ? เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้ามาที่เมืองนี้ครั้งแรก ! เจ้าเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ ! แล้ว เจ้าไปเดินเล่นที่ใหนมา ? และ คนปกติจะเดินเล่นเป็นวันเป็นคืนเลยหรือ ?
เจ้าไม่ไปไกลเกินไปหน่อยหรือ ? ตอนนี้เจ้าสามารถเดินไปไกลเพียงพอที่จักถึงนครเทียนเชียงได้เลย ! เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าพวกเราสี่พี่น้องเป็นห่วงเจ้าเกือบตาย ?
แต่แล้ว จวินโม่เซี่ยก็ได้กลับมาไม่ต้องการที่จักตอบข้อสงสัยของพวกมเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย เช่นนั้น ผู้อาวุโสทั้งสี่ จึงไม่มีอารมณ์จักสอบถามอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้น จวินวูอี้รู้ว่า หลานชายของเขามีพลังที่พิเศษ และมิเป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาอยู่ในนครสวรรค์ใต้ แต่ เขาจักไม่กังวลเป็นกังวลมากนักหากหลานชายของเขาหายไปสามวันสองคืนในนครเทียนเชียง
แต่ ชายทั้งสี่ไม่รู้ว่าเลยว่าจวินโม่เซี่ยไม่ได้ไปใกลนัก เขาเพียงแค่เดินเล่นไปยังใจกลางของป่าเทียนฟา และได้เดินไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าจำนวนหนึ่ง และหยอกล้อกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเพียงเท่านั้น ….
สีหน้าของบุรุษทั้งสี่เปลี่ยนไป พวกเขาพยักหน้า ทั้งสี่เป็นกังวลอย่างมากในเวลาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ หัวใจของพวกเขาผ่อนคลายลงแล้ว การต่อสู้จักเริ่มในวันพรุ่งนี้ เช่นนั้น ควาดคิดของทุกคนจึงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจรีบพักผ่อน รุ่งขึ้นจักเป็นวันที่ตึงเครียดอีกหนึ่งวัน มันเป็นตอนนี้เองที่ทหารปรากฏตัวขึ้นพร้อมข้อความ ลี่เติ้งหยวนแห่ง มณฑลฉือฮั่นได้มาเยี่ยมเยือน
จวินวูอี้พึมพัมไม่ขัดขืน
” ให้เขาเข้ามา ! ”
คุณชายสามจวินกำลังคิดถึงการประชุมเหล่าผู้นำสกุล มันเกิดขึ้นในตอนเช้า และจวินวูอี้ถูกตั้งผู้บัญชาการสูงสุดเพื่อตัดสินใจในการต่อสู้ นั้นคือ .. เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกองทัพที่จักเอาชีวิตไปทิ้ง
แต่ มณฑลฉือฮั่นได้เสนอคุณชายน้อยสามของพวกเขาเพื่อเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแทนที่ของจวินวูอี้ … แต่สิ่งนี้ทำให้ทุกคนงุนงง เมื่อหัวหน้าสกุลต่างๆกำลังจะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้
สิ่งที่เรียกว่า ผู้ชัญชาการสูงสุดที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง เขาจักไร้ความหวังในการชนะศึกนี้ ความจริง ผู้บัญชาการนั้นเป็นเพียงแพะรับบาปในความพ่ายแพ้ และออกไปตายในศึกที่ไร้ควาหวังนี้ ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นต้องปกป้องฝ่ายตัวเองจากความเกลียดชังของฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น นี่จึงเป็นความยากลำบากและไม่น่าชื่นชม ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดเข้าใจสิ่งที่ ลีจื้อเทียนกำลังคิดอยู่ เหตุใดเขาจึงส่ง คุณชายสามในสกุลของเขา ผู้ที่เป็นเทพเชวียน เพื่อเป็นแพะรับบาปแทนที่ของยอดผู้บัญชาการ จวินวูอี้ ? มันมิใช่เป็นความน่าอับอายที่ยิ่งใหญ่หรอกหรือ … ?
แต่ ข้อเสนอนี้มาจากยอดฝีมืออันดับสูง เช่นนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล้าลบล้างแม้แต่น้อย ดังนั้น ตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดจึงถูกพักไว้ชั่วคราว แต่ การเลือกผู้บัญชาการสองสุดนั้นต้องเป็นหนึ่งในสองคนเท่านั้น คือคุณชายสามผู้โชคร้ายแห่งมณฑลฉือฮั่น และ จวินวูอี้
และ ลี่เติ้งหยวน ได้แสดงตัวเพื่อหารือเรื่องนี้
สกุลที่ทรงอำนาจได้ตัดสินใจส่งยอดฝีมือทรงพลังของเขาไปร่วมรบในการประชุมก่อนการเตรียมการต่อสู้ ผู้ที่ร่วมสร้างแผนการร้ายนี้ มณฑลฉือฮั่น และ นครพายุหิมะสีเงิน ไม่กล้าละเลยความคิดนี้ แผนการทั้งหมดของพวกเขาคือผลักจวินวูอี้เข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังตั้งแต่เริ่มต้น ท้ายที่สุด พวกเขาก็เป็นผู้ที่ต้องการผลักเขาเข้าสู่กับดักไฟนี้ เช่นนั้น ทั้งโลกจะไม่เยาะเย้ยพวกเขาหรือหากพวกเขาไม่ส่งคนเข้าร่วมเลย ?
ทุกคนรู้ว่า โอกาสในการชนะศึกนี้นั้นน้อยนิดมาก ความจริง พวกเขาเกือบไม่มีโอกาสเลย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงส่งคนเข้าไป .. แม้นมันจะเป็นการส่งคนเข้าไปตาย !
จวินวูอี้ และ สกุลตงฟางจักเข้าร่วม เช่นนั้น สกุลเดือนมู่ และ สกุลซี่กงจึงเข้าไกล่เกลี่ย นครพายุหิมะสีเงินจึงตัดสินใจส่งผู้อาวุโสทั้งสามของพวกเขา ผู้อาวุโสสาม หก และเก้า ไป สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียน มูซื้อทง และ เซี่ยวฮั่น จักติดตามพวกเขาไปพร้อมกับ กระบี่ทั้งเจ็ดแห่งเมืองสีเงิน ความแข็งแกร่งเจ็ดในสิบส่วนได้เดินทางมาที่นี่ ความจริง การมีส่วนร่วมของพวกเขานั้นไม่น้อยไปกว่าความใจกว้างบนใบหน้าของพวกเขา
ท้ายที่สุดการส่งผู้อาวุโสทั้งสามของพวกเขาก็ไม่เพียงพอ กระบี่ทั้งเจ็ดนั้นเป็นกองกำลังชั้นยอดของ นครพายุหิมะสีเงิน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นจักลดลงหากพวกเขามิได้อยู่ด้วยกัน เช่นนั้น พวกเขาจึงต้องไปทั้งหมด มูซื้อทง และ เซี่ยวฮั่น เป็นอีกสองผู้โชคร้ายเช่นกัน ยอดฝีมือระดับสูงมารวมตัวกันที่นี่ เช่นนั้น สองยอดฝีมือสวรรค์เชวียน นั้นไม่ต้องเอ่ยถึง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงหนึ่งในอุบายของ นครพายุหิมะสีเงิน การส่งกำลังคนชั้นยอดเข้าไปนั้น หมายความว่าพวกเขาจักปลอดภัยมาขึ้น เนื่องจากพวกเขาจักได้ดูแลกันและกัน ดังนั้น จึงไม่ต้องเผชิญความตาย … แม้นว่าพวกเขาจักพ่ายแพ้ และนครสีเงินก็มิได้รับผลกระทบมากหากผลเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม การออกไปด้วยกำลังคนที่น้อยนิดนั้นหมายถึงการเอาชีวิตขอคนเหล่านั้นไปทิ้งในสนามรบ…
สำหรับยอดฝีมืของ นครพายุหิมะสีเงินที่เหลือ ผู้อาวุโสสองห้าและแปดมิได้ไปด้วย มีควาบาดหมางระหว่าง เซี่ยวปู้หยู และ สกุลตงฟาง ดังนั้น พวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับคนอื่นๆ มันคงเป็นเรื่องโชคร้ายยิ่งหากเกิดการขัดแย้งภายในขึ้นในขณะที่เขาปรากฏตัว …
เซี่ยวปู้หยู นั้นเป็นผู้นำของ นครสีเงิน ในภารกิจนี้ และ มันค่อนข้างชัดเจนในการตัดสินใจเรื่องนี้ แน่นอนว่ามีความไม่พอใจมากมายระหว่าพวกเขาและสกุลตงฟาง อย่างไรก็ตาม ปัญหาร้ายแรงในตอนนี้หมายถึงจจุดจบของมนุษยชาติกำลังใกล้เข้ามา เช่นนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จำต้องถอยห่างจากทะเลาะวิวาทเก่าๆในตอนนี้
สกุลเดือนมู่ และ สกุลซี่กงนั้นมีสัมพันธ์ที่ดีกับสามพี่น้องตงฟาง เช่นนั้น จึงอยู่ข้างสกุลจวินอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเห็น ตงฟางเหวินชิงยืนอยู่ข้างพวกเขา
มณฑลฉือฮั่น ตัดสินใจส่งกองกำลังขนาดใหญ่ออกไปเช่นกัน ความจริง พวกเขาส่งกำลังครึ่งหนึ่งของพวกเขาไป รวมไปถึง ยอดมีอเชวียนหยกสามร้อย ยอดฝีมือ ปฐพีเชวียนหนึ่งร้อย ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสามสิบ และ ห้ายอดฝีมือเทพเชวียน ทัพของ มณฑลฉือฮั่นนั้นเข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางกองกำลังที่อยู่ที่นี่
ผู้ที่อ่อนแอที่สุดนั้นบังเอิญเป็น สกุลเปียลี่ พวกเขาตัดสินใจส่งสองยอดฝีมือสวรรค์เชวัยน ไปกับ ยอดฝีมือหยกเชวียน ไป๋ลี่หลัวหยุน การตัดสินใจนี้ทำให้สกุลอื่นๆลอบตัดสินใจ และ นี่ทำให้ทุกคนดูหมิ่นพวกเขา …
สกุลไป๋ลี่นั้นคิดน้อยไปนักที่ได้ปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มผู้หลักแหลมเช่นนี้ …
ไม่ว่ามีความเกลียดชังหรือเป็นปฏิปักษ์มากมายเช่นไรที่ทำให้สกุลนี้ต่อต้านเด็กหนุ่มผู้เป็นเลิศผู้นี้ …พวกเขาควรลงโทษ ไป๋ลี่หลัวหยุน ออกจากสกุลแทนที่จะทำเช่นนี้ !
ไป๋ลี่หลัวหยุนอาจ ออกห่างจากสังคมหากพวกเขาขับไล่เขาออกไป แต่ เขายังคงมีสกุลเป็น ไป๋ลี่ เขายังคงเป็น สมาชิกของสกุล ไป๋ลี่ ในสายตาของคนทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจจะกลายเป็นยอดฝีมือ เทพเชวัยน … หรือาจจะเป็นยอดปรมาจารย์หากพวกเขาให้เขาฝึกฝนไปนานปี !
เมื่อนั้น ไป๋ลี่หลัวหยุนอาจกลายเป็นผู้อุปถัมภ์สกุล ไป๋ลี่ ในตอนนั้นความขัดแย้งระห่าง ไป๋ลี่หลัวหยุน และ สกุลไป๋ลี่อาจจะยังคงมีอยู่ แต่ ผู้ใดก็ตามที่ต้องการยุ่มย่ามกับสกุลไป๋ลี่ จะต้องยั้งคิดถึงการตอบโต้ของ ไป๋ลี่หลัวหยุน อย่างน้อยเขาต้องไปภัยคุกคามอย่าแท้จริง ! และ สกุลไป๋ลี่ที่มืดบอก จะเปลี่ยนไปและรุ่งโรจน์ในสังคมเมื่อเวลามาถึง !
แต่ สกุลไป๋ลี่แทบรอไม่ไหวที่จักกำจัดคนผู้นี้ ความจริง พวกเขาร้อนใจที่จักนับผู้เป็นเลิศนี้สู่ความตายให้เร็วที่สุด นี่ทำให้คนอื่นๆมองการตัดสินใจของสกุล ไป๋ลี่ ด้วยความรังเกียจ
เจ้าเป็นสกุลทรงอำนาจ แล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่มองสถานการณ์ ? เหตุใดเจ้าคิดสั้นเช่นนี้ ? เจ้าจักได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้ ?
บางคนยืนยันว่าสกุล ไป๋ลี่ เริ่มเสื่อมถอย … และจะทำเช่นนั้น !
จวินวูอี้ ผู้บัญชาการสูงสุด ผู้ที่นำคนนับสองหมื่นไปยัง นครสวรรค์ใต้ จักนำคนของเขาเข้าสู่สมรภูมิเพียงสามร้อย และ สองร้อยนั้นเป็นเพียงยอดฝีมือสวรรค์เชวียน ที่เหลือนั้นอยู่เพียงขั้น ปฐพีเชวียน ความจริง กำลังพลที่มีอยู่ส่วนใหญ่นั้นเป็นคนของ สกุลผู้มิอำนาจแห่งนครเทียนเชียง ที่ส่งคนของพวกเขามาเพื่อปกป้องคุณชายน้อยของสกุลเท่านั้น
จวินวูอี้เจ้าใจถึงความปรารถนาของ องค์จักรพรรดิที่พระองค์แยกคนเหล่านี้ออกมาอย่างชัดเจน
เหล่าคุณชายน้อยแห่งสกุลสูงส่งจักได้รับการป้องกัน และจะไม่ต้องเผชิญกีบเคราะห์ร้าย แต่ ชีวิตของข้านั้นถูกกำหนดมาแล้อย่างชัดเจน !
สกุลในนครหลวงนั้นช่างไร้ระเบียบยิ่งนัก และ พระองค์ได้ใช้เวลานี้เพื่อจัดระเบียบพวกเขา ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมิได้สูงส่งนักเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆในโลก เช่นนั้น จึงถือว่าพกวเขานั้นทรงอำนาจแค่ภายในนคร สุดท้ายแล้ว แม้แต่ลิงก็สามารถกลายเป็นราชา เมื่อไร้ พยัคฆ์ในป่าเขา
แต่ อำนาจของสกุล จักเสื่อมถอยลงหากคนส่วนใหญ่ของพวกเขาตายที่นี่ และ คนเหล่านี้ได้ติดตามสมบัติล้ำค่าของสกุลมา เช่นนั้น ชัดเจนว่าพวกเขาจักรู้สึกขุ่นเคืองหากคนของพวกเขาจำนวนมากต้องตาย ยิ่งไปว่านั้น เมื่อคุณชายเหล่านี้จักต้องกลับบ้านไปหาพี่น้องของพวกเขา แล้วพวกเขาจักพบว่าทุกสิ่งอย่างจักสงบลง สิ่งนี้จักทำให้พวกเขาบ้าคลั่ง และ จากนั้นทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแย่งชิงอำนาจ หรือแผนการล้มล่างสกุล และ นี่จักทำให้ สกุลสูงส่งทุกสกุลอ่อนแอลง
แผนการในการทำลายที่ละเอียนชั้นเลิศเช่นนี้ต้องมาจากองค์จักรพรรดิ พระองค์จักถือครองสกุลทรงอำนาจทั้งหลายไว้ในมือ อาจเป็นช่วงเวลาที่ เหล่าหัวหน้าสกุลจักรวมตัวกันเพื่อแย่งชิงอำจจากพระองค์ แต่ แผนการนั้น จักเบาบางลงจะเหมือนอากาศจากผลของ อุบายนี้
นี่เป็นอุบายชั้นเลิศ ที่ทรงอำนาจนัก ความจริง มันเป็นแปนการที่ยอดเยี่ยม และงดงาม
แผนการที่กว้างไกลขององค์จักรพรรดิ ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้วในเวลานี้
คุณชายสามจวิน จมอยู่กับความคิดเหล่านี้ เมื่อ ลี่เติ้งหยวนเดินเข้ามาพร้อมด้วยชุดที่ระยิบระยับ เสื้อผ้าของเขาตกแต่งไปด้วยดอไม้ และ ส่งอประกายแวววาว ความจริง เขาดูเหมือน ประภาคารเดินได้ จวินวูอี้ และ สามพี่น้องตงฟาง ตกตะลึง
เจ้าเหลือขอผู้นี้ช่างกะลิ้มกะเหลี่ยยิ่งนัก
เขาจักเป็นเป้าหมายของเหล่ามือสังหาร มือสังหารสามารถสำเร็จงานได้ แม้ว่าเขาจักไม่แม่นยำ เขาเพียงแค่ต้องขว้างอาวุธของเขาไปยังแสงที่ส่องประกาย และเพียงแค่นั้นก็มากพอที่จักทำให้เป้าหมายของเขาเสียเลือดเนื้อ
ลี่เติ้งหยวน เข้ามาพร้อมกับสองยอดฝีมือ เขา ประสานมือ และ แสดงท่าที่หยิ่งผยองขณะเอ่ย
” ข้ามาเพื่อเยี่ยมเยือน ผู้บัญชาการจวิน ข้าขอท่านขุนพลอย่าได้ถือการการล่วงเกินนี้ ”
” คุณชายน้อยถ่อมตัวเกินไป ”
จวินวูอี้ยังคงเงียบขรึม และรักษามารยาท
” ตอนนี้ข้ายังไม่รู้เหตุใดเจ้ามาที่นี่ ข้าติดข้างเรื่องอันใดกันหรือ ?”
ลี่เติ้งหยวน หัวเราะเบานิ่มนวล จากนั้นเขามองไปรอบๆ เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยขึ้น … แต่เขาก็หยุดลง
สามพี่น้องตงฟางยิ้ม พวกเขารู้ว่าเขามีความหวาดกลัว เช่นนั้น พวกเขาจึงขอตัวและถอยออกมา แต่ จวินโม่เซี่ยได้เดินเข้ามาข้างหลังม่านในตอนที่ลุงทั้งสามของเขาจากไป แต่ มีอีกเงาสองเงาที่หลบอยู่หลังผ้าใบ สองคนผู้นี้คือ กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้
จวินโม่เซี่ย และ กวนเซียงฮั่น คลางใจในเหตุผลเบื้องหลังการมาเยี่ยมของ ลี่เติ้งหยวน และ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเดินมา ตู่กู้เซี่ยวอี้ ก็เดินตามพวกเขามา
” ทุกคนที่อยู่ที่นี่คือครอบครัว เช่นนั้น คุณชายน้อยลี่เติงหยวนสามารถเอ่ยได้อย่างสลายใจ ”
จวินวูอี้ยิ้มอ่อนๆ ความเยือกเย็บเบาบางเปล่งขึ้นในดวงตาของ ลี่เติ้งหยวน ส่อให้เห็นถึงเจตนาของเขา และ จวินวูอี้ก็มิได้โง่เขา และเขาได้คาดเดาถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการมาของ ลี่เติ้งหยวน
” หากเป็นเช่นนั้น คุณชายน้อยผู้นี้จะเอ่ยอย่างปิดเผย ”
ลี่เติ้งหยวนยิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อใจ จวินโม่เซี่ยที่เพิ่งมาถึงนั้นมิได้สำคัญในสายตาของเขา ความจริง เจาไม่สนใจหาก สกุลจวินทั้งหมดจะมาอยู่ที่นี่ ท้ายที่สุด สกุลจวินก็ไร้ค่าต่อหน้าของอสูรที่ มณฑลฉือฮั่นของเขาเป็น …
” คุณชายน้อยผู้นี้เคยไปสอดส่องที่ นครเทียนเชียง เมื่อไม่นานมานี้ จากนั้น โชคชะตาก็ได้ทำให้เขาได้พบกว่าแม่นาง กวนเซียงฮั่น และ พบกับความงามดั่งเทพธิดาของนาง ตั้งแต่นั้น ข้าปรารถนานางมาเสมอ ไม่มีวันใหนที่ข้ามิได้คิดถึงนาง ”
ลี่เติ้งหยวนยิ้มงดงามและเอ่ยต่อ
” อาจบอกได้ว่า แม่นางกวนเซี่ยงฮั้น อยู่อย่างเป็นหม้ายในสกุลจวินมาหลายปี ความจริง สถานะของนางยังคงเป็น สะใภ้ในสกุลจวิน ได้แต่งงานกับ คุณชายใหญ่สามสกุลจวิน … ฮี่ฮี่ .. แต่ทั้งหมดที่ข้ารู้ การแต่งงานนั้นยังไม่ถูกต้อง ความจริง เป็นการแต่งงานเพียงปากเปล่าเท่านั้น เช่นนั้น คุณชายน้อยผู้นี้จึงมาขอให้ คุณชายสามจวินให้อิสระแก่แม่นาง และเราจักได้มีงานแต่งงานที่ยอดเยี่ยมกัน มันจะไม่เป็นการดีของทั้งสองฝ่ายอย่างนั้นหรือ ? “
” มณฑลฉือฮั่นของข้าจักแต่บแทนหากท่านเห็นด้วย และส่งนางให้ข้า ”
ลี่เติ้งหยวนโบกมือเพพื่อมิให้ จวินวูอี้ ขัดขึ้นมา ขณะที่เขาเอ่ยต่อ
” คุณชายสามจวิน ตักต้องรู้ว่า มณฑลฉือฮั่นของข้าจักต้องอยู่ข้างข้าในการเลือกผู้นำทัพใน ศึกชีชะตาในวันพรุ่งนี้ ทุกคนรู้ว่า ศึกชีชะตาในวันพรุ่งนี้มิใช่ศึกสงครามธรรมดา เจ้าต้องเผชิญหน้ากับ อสูรเชวียนระดับสูง เพียงก้าวผิดก้าวเดียวอาจส่งผลให้เกิดชะตากรรมที่น่าสังเวชได้ แม้ทัพจวินนั้นเป็นยอดขุยพล ปราณเชวียนของท่านนั้น … ฮี่ฮี่ฮี่ … เห็นได้ชีดว่าเป็นเลิศ ลี่เติ้งหยวนผู้นี้ยอดมรับในเรื่องนั้น แต่ แม่ทัพจวิน พิการมาหลายปีนัก พวกเราอาจจะมีการเตรียมการต่อต้าน อสูรเชวียนระดับสูงในการศึกนี้ และ ท่านต้องรู้ว่าท่านอาจไม่โชคดีหากไปที่นั่น ….”
จวินวูอี้ก้มลง เขาไม่ต้องการแสดงความเดือดดาล จากนั้น เขาเอ่ยเสียงต่ำ
” จุดประสงค์ที่มาที่นี่ของคุณชายน้อยแห่งมณฑล มิได้เพียงแค่ความเห็นห่วงต่อ จวินผู้นี้ จงเอ่ยความต้องการที่แท้จริงมา ! ”
” เอาละ ข้าควรเอ่ยให้ชัดเจนเนื่องจาก ท่านแม่ทัพรีบเร่ง ท่านไม่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งหากท่านยอมรับข้อเสนอของข้า ! ”
ลี่เติ้งหยวนดูเหมือนเหน็ดเหนื่อย และเอ่ยออกมาตรง ๆ
” มณฑลฉือฮั่นของเราจักใช้ความแข็งแกร่ง และแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ความเสียหายใด เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของสกุลจวิน สกุลจวิน จักปลอดภัยจากการโจมตีของอสูรเชวียนภายใต้ร่มเงาของเรา ยิ่งไปว่านั้น พวกเราจะพยายามสุดคามสามารถเพื่อขัดขวาง นครสีเงินมิไห้แทงท่านจากข้างหลัง ”
ดวงตาของ ลี่เติ้งหยวน ได้หรี่ลงแล้วในตอนนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปขณะเอ่ย
” และ คุณชายน้อยผู้นี้รู้ถึงความหวาดหวั่นของสกุลจวิน แต่ พวกเราจักไม่สร้างปัญหาให้แก่ แม่ทัพจวิน และ สกุลจวิน ต้องปล่อยผู้หญิงเพียงผู้เดียวเพื่อแลกเปลี่ยนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเพียงแค่ต้อง อำลาและไม่ติดต่อกันอีก ”
” นั้นคือสิ่งที่คุณชายน้อยลี่ หมายถึง ? …. หญิงผู้นี้ไร้ค่า ? “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยขั้นขึ้นมาทันที
” หญิงหนึ่งคน … ฮี่ฮี่ … วาจาของคุณชายน้อยสามนั้นไม่เหมาะสมกับชื่อเสียงของสกุลเขาเลย และ นี่ทำให้ข้าประหลาดใจ ”
ลี่เติ้งหยวน มองไปเบือกเย็นขณะเอ่ย
” ผู้หญิงมีค่ามากเพียงใดในโลกนี้ ? ในที่สุดพวกนางก็ต้องพึ่งพาใบบุญของสามีแม่จักทำสิ่งใดสำเร็จ มันเหมือนการแลกอิสรตรีกับม้า หรือสุนัข หรือ … ฮี่ฮี่ …ผู้หญิงบางคน ปกติแล้วนั่นมิใช่เรื่องใหญ่หรอกหรือ ? พวกนางเป็นเพียงของเล่น เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเอะอะโวยวาย ”
” เป็นเพียงของเล่น ….? “
น้ำเสียงของจวินวูอี้เยือกเย็น ความจริง มันเยือกเย็นราวกับ สายลมที่พัดผ่านเทือกเขาน้ำแข็ง
” นี่คือความคิดของเจ้าหรือ คุณชายลี่ ? “
” ข้าได้ทำข้าเสนอที่ดีที่สุดอย่างจริงใจ และ ท่านแม่ทัพยังไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ? “
ลี่เติ้งหยวนรู้ถึงน้ำเสียงที่เยือกเย็นของ จวินวูอี้ เขาสังเกตุเห็นแววตาที่น่ากลัวในดวงตาของจวินวูอี้ และการขู่เข็ญในน้ำเสียง
” คิดให้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพ ท่านอาจจะตายในวันพรุ่งนี้หากท่านปฏิเสธความหวังดีของข้า ท่านจักต้องเผชิญหน้ากับ อสูรบ้าคลั่งที่ไม่มีศัตรูใดเทียบได้ ยิ่งกว่านั้น ท่านจักต้องต่อสู้กับสิ่งอื่นที่ไม่คาด่าจะต้านทานได้ หญิงเพียงคนเดียว แลกกับชีวิตของท่าน และความสงบสุขของสกุลจวิน ข้ามั่นใจว่าผู้ที่เข้าใจสถานการณ์นี้จะรู้ว่าต้องเลือกสิ่งใด ยิ่งไปหว่านั้น การแลกเปลี่ยนนี้จักทำให้หญิงผู้นั้นมีความสุขมากมาย ท่านกำลังเผชิญกับถนนสองเส้นที่นำไปสู้ความเป็นและตาย ท่านแม่ทัพ ท่านจะไม่เลือกอย่างดีอย่างนั้นหรือ ? “
” ไม่เกี่ยวข้องกัน ? กวนเซียงฮั่นเป็นส่วนหนึ่งในสกุลของข้า ! อย่างน้อยก็ในตอนนี้ … นางเป็นเช่นนั้น !”
จวินวูอี้มองเขาอย่างเยือกเย็น
” ห้ามบุคคลภายนอกมาทำให้ใครก็ตามเสื่อมเสียเมื่อพวกเป็นคนของสกุลจวิน คุณชายน้อยมิจำเป็นต้องกังวลถึงความเป็นตายของสมาชิกสกุลจวิน … เนื่องจากเจ้าเป็นเพียงผู้มาเยี่ยมเยือน ! ”
” อย่าได้ปฏิเสธ จวินวูอี้ คุณชายน้อยผู้นี้มาคุยกับท่านเรื่องนี้ แต่ เขาทำมันไปเพื่อประโยชน์ของชื่อเสียงท่าน ยิ่งกว่านั้น เขายังได้ให้เงื่อนไขที่ดีต่อท่าน ท่านคิดว่าท่านเป็นเลิศอย่างนั้นหรือ ? “
ลี่เติ้งหยวนยืนขึ้น และเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
” เหตุใดข้าต้องคุยกับท่าน หากท่านไม่รู้ผิดถูก และต้องการไปตาย ! อย่างไรท่านก็ต้องตาย เช่นนั้น จะเป็นเรื่องใหญ่อันใด ? อย่างไรก็ตาม ท่านก็ไม่สามารถหยุดข้าจากการแย่งชิงกวนเชียงฮั่นมาได้ แม้ว่าท่านจะไม่ยอม ! ”
จวินโม่เซี่ยเตาะลิ้น และเอ่ย
” คุณชายน้อยลี่ประหลาดยิ่งนัก เมื่อใหร่กันที่สกุลจวินร้องขอให้เจ้าเป็นห่วงเป็นใย ? และตัวเจ้ามีสถานะอันใด ? เจ้าเป็นเพียงลูกของ ยอดปรมาจารย์จื้อเทียน เท่านั้น คุณชายน้อยแห่ง มณฑลฉือฮั่นที่งดงาม แต่ คุณธรรมนั้นอยู่ที่ใดกัน ? สิ่งนี้ทำให้สายตาของข้ากว้างขึ้น ! ไม่ประหลาดใจเลยที่พี่สะใภ้ของข้าไม่ชอบเจ้า ความจริง ข้าเชื่อว่าไม่มีหญิงผู้ใดชอบเจ้าเลย และ นั้นเพราะเจ้าไม่มีสิ่งใดที่ดีเลย … ยอกเว้นความจริงที่ว่าเจ้าเป็นลูของ ยอดปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียง มณฑลฉือฮั่น นั้นไร้อนาคต ! “
” ดีมาก ! เจ้าจะต้องชดใช้กับวาจาของเจ้า จวินโม่เซี่ย พรุ่งนี้เจ้าจงรอรับศพลุงของเจ้าเถิด ! ”
ลี่เติ้งหยวนคำรามทางจมูก สะบัดปลอดแขน และเอ่ย
” คุณชายน้อยผู้นี้ รังเกียจการวิวาทที่เจ้าเริ่ม จวินโม่เซี่ย สกุลจวินนั้นไม่คู่ควรจะปะทะคารมกับข้า ! ”
จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูก
” ไม่เป็นการยากจะบอกว่าผู้ใดคู่ควรที่นี่ ข้าเห็นเพียงแค่คางคกที่พยายามจะกินเนื้อหงส์กำลังยืนอยู่ตรงหน้าข้า แล้วเจ้าหละ ?”
” เจ้า … ! ”
ลี่เติ้งหยวนเริ่มมีโทสะอย่างมาก จากนั้น เขาระงับโทสะของเขา และเอ่ยอย่างเยือกเย็น
” ข้า ลี่เติ้งหยวน ต้องการหญิงสาว และ ข้าจะไม่ได้นางได้อย่างไรกัน ?! จวินโม่เซี่ย เจ้าอยู่ในนคร สวรรค์ใต้ ข้าอยากเห็นเจ้าทำตัวเช่นนี้เมื่อเจ้าสูญเสียลุงสามและลุงทั้งสามฝ่ายแม่ที่ปกป้องเจ้า พรุ่งนี้ มันจะเป็นลุงสามของเจ้า บางที หลังจากนั้นอาจจะเป็นตาของเจ้า ! ลุงททั้งสามที่เป็นเทพเชวียนของเจ้านั้นเป็นเลิศ ใช่หรือไม่ ? จวินโม่เซี่ย อำนาจของเจ้า นั้นไร้ค่าในสายตาของข้า ! ข้าจะบอกเจ้า … การกำหมัดแน่นเป็นการโต้เถียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ! ”
ข้ารู้ว่าการกำหมัดเป็นการโต้เถียงที่ดี ! มณฑลฉือฮั่น จักพ่ายแต่ อสูรเชวียนอย่างง่ายดาย หากมิใช้เพราะพลังอำนาจของพวกเขาใช่หรือไม่ ? เช่นนั้น ข้าคิดว่าหมัดของเจ้าจะใหญ่พอ และ ยอดปรมาจารย์จื้อเทียน ก็ถูกบังคับให้ เรียกระดมพล มิใช่หรือ ? แต่เจ้ายัง โอหัง และไร้ยางอายเช่นนี้ ? “
จากนั้นจวินโม่เซี่ยก็พยักหน้าด้วยท่าที่ประหลาดใจ
” มณฑลฉือฮั่น นั้นเป็นเป็ดง่อยอย่างแท้จริง ข้าคิดว่าพรุ่งนี้เราจะได้เห็น พิธีศพของ มณทลฉือฉั่น ”
” เอาละ เรามารอดูกันว่าสกุลใดจักทำพิธีศพ จวินโม่เซี่ย เจ้าจะเป็นผู้ที่ต้องใส่ชุดไว้อาลัย เจ้าโง่ ”
จากนั้น ลี่เติ้งหยวน หันหลัง และเริ่มเดินออกไป เมื่อไปถึงทางออก จากนั้น เขาก็หยุด และ หันมา ถาม
” ท่านมันใจว่าท่านจะไม่เสียใจในเรื่องนี้หรือ จวินวูอี้ ? “
” ไสหัวไป ! ”
นั่นคือคำตอบของจวินวูอี้ คุณชายน้อยไร้ยางอายแห่งมณฑลผู้นั้นได้ก้าวข้ามความอดกลั่นของเขาไปแล้ว
แสงเปล่งประดายในดวงตาของ ลี่เติ้งหยวน ขณะที่เขาคำรามทางจมูกและหันไป
” รอก่อน คุณชายน้อยเติ้งหยวน ! ”
จวินโม่เซี่ยตะโกนเรียก ลี่เติ้งหยวน
ลี่เติ้งหยวน หันหน้ามาและคำรามทางจมูก
” แล้วตินนี้เจ้ากลัวแล้วหรือ ? คุณชายน้อยจวินรีบห้ามมิให้ ท่านนปู่ของเจ้าและลุงามของเจ้านำพาสกุลเข้าสู่ปัญหาเพราะหญิงเพียงคนเดียว คนฉลาดย่อมทำเช่นนี้ ….. ”
” เอ๋ ? คุณชายน้อยเติงหยวนเข้าใจที่คุณชายน้อยจวินเรียกให้หยุดผิดไป ข้าตั้งใจเตือนคุณชายน้อยเติงหยวนถึงสิ่งที่เป็นประโยนชน์สูงสุด ดวงตาของเจ้าเผยถึงเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น ดวงตาซ้ายของเจ้าเขียวด้วยความหนุ่มสาว แต่ดวงตาขวาของเจ้าเขียวด้วยความ ริษยา ใบหน้าของเจ้ายังบ่งบอกถึงหายนะที่กำลังเข้ามา การนองเลือดจะเกิดขึ้นเมื่อเวลามาถึง แต่ เจ้าจะมิอาจหนีมันพ้น ดังนั้น เจ้ามิต้องกังวลถึงความเป็นตายของผู้อื่น เจ้า ควรเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของเจ้าเอง ข้าเพียงพยายามบอกแค่นั้น … มันจะเป็นเรื่องแย่นักหากพ่อจะต้องเห็นลูกชายตายก่อนถึงวาระของเขา ! ”
จกนั้น คุณชายน้อยจวินเอ่ยช้าๆ
” ยอดปรมาจารย์จื้อเทียนนั้นอยู่มานับร้อยปีแล้ว ข้ากลัวความสามารถของเข้าจะไม่เพียงพออีกแล้ว เช่นนั้น … ดูแลตัวเองให้ดีคุณชายน้อย ”
” เจ้า … ”
จมูกของลี่เจือเทียนเกือบโค้งงอด้วยโทสะ เขาหันหน้าไปและไม่หันกลับมาอีกเลยขณะเดินออก
” กองกำลังของเราพร้อมในการต่อสู้ในวันพรุ่งแล้วหรือไม่ ลุงสาม ? “
จวินโม่เซี่ยถาม
” ยอดฝีมือจากทุกสกุล ได้รับการคัดเลือกและพร้อมแล้ว ยกเว้นข้า ความแข็งแกร่งของกองทัพแห่งเทียนเชียงของเรานั้นเป็นเลิศในทั่งทั้งดินแดน แต่ มันถือว่าอ่อนแอที่สุดหากเทียบกับความแข็งแกร่งของผู้ที่มารวมกันที่นี่ และ ทุกผู้รู้ความจริงนี้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังไม่ได้ใช่องครักษ์ สองร้อยห้าสิบคนของเจ้า หรือ ขุนพลอันดับสูง ”
จวินวูอี้ ยิ้มจางๆ
” จักต้องเสียสละสิ่งใดมากมายในการต่อสู้ที่ต้องแพ้ จริงไหม ? “
จวินโม่เซี่ยมิได้อธิบายถึงคำพูดเหล่านั้น แต่ จวินโม่เซี่ยเข้าใจมันอย่างชัดเจน องครักษ์สองร้อนห้าสิบจะต้องอยู่ต่อไป และจะกลายเป็นอนาคตของสกุลจวิน เนื่องจาก ขุนพลจวินจะต้องตายอย่างแน่นอน .ความตายของข้าเพียงคนเดียวนั้นเกินพอแล้ว เหตุใดคนเหล่านี้ต้องมาตายด้วย ?
เรื่องนี้ทำให้ หัวใจของจวินโม่เซี่ยตื้นตัน จวินวูอี้ไม่รู้ว่า สกุลจวินจะไม่ถูกแตะต้องในวันรุ่งขั้น เช่นนั้น เขาจึงมุ่งมั่นจะสละชีวิตของเขา เขามิได้คิดถึงตัวเอง … แต่คิดถึงสกุล … แม้นในช่วงเวลาสำคัญนี้
” ลุงสาม … ”
จวินโม่เซี่ยพึมพัมลังเล จากนั้น เขาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีแน่วแน่
” ไม่มีสิ่งใดยอดมให้เกิดขึ้นได้ การต่อสู่ในวันพรุ่งนี้ยังไม่แน่นอน แต่ ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับท่าน … แม้นว่าเราจะประสบกับความเสียหายใหญ่หลวง นี่ … ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน ! ”
จวินวูอี้มองเขาเขาสักพักและยิ้มก่อนเอ่ยขึ้น
” ข้าหวังเช่นนั้น ”
จากนั้นเขาร้องขั้น
” เจ้าจะออกมาได้แล้วยัง จิงฮั่น ? เจ้ายังลอบฟังไม่เพียงพออีกหรือ ? ออกมา ! ”
กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ออกมาด้วยสีหน้าอับอาย พวกเขามองไปยังจวินวูอี้ และสีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นกังวลในทันที โดยเฉพาะ กวนเซียงฮั่น นางเป็นกังวลใจอย่างมาก
จวินวูอี้ กระแอม และจากนั้นเงียบไป เขามีสีหน้าที่ขัดแย้ง และยังคงเงียบอยู่ ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบห้าว
” มีสามคนที่อยู่ตรงหน้าข้าในวันนี้ คนหนึ่งเป็นหลายชาย และ คนหนึ่งเป็นสะใภ้สกุลจวิน และจากนั้น อีกคนหนึ่ง … บุตรสาวล้ำค่าแห่งสกุลตู่กู้ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เจ้ามาแทนสกุลตู่กู้ เจ้าจะเป็นปัญหาเพราะข้า จวินวูอี้ จะทำให้เจ้าได้เห็นวันนี้ ! ”
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ไม่รู้ถึงสิ่งที่เขากำลังเอ่ย ชัดเจนว่า จวินวูอี้ กำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ เช่นนั้น นางจึงพยักหน้ารับ
กวนเซียงฮั่น คาดเดาสิ่งที่ จวินวูอี้ กำลังจะทำ เช่นนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยความโศกเศร้า
” ลุงสาม ไม่ ..อย่าทำเช่นนั้น ! “