จวินโม่เซี่ยเตาะลิ้น
” ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรเจ้าตัวน้อย มันรุนแรงมาก เส้นลมปราณของเจ้านั้นราวกับหมาอายุร้อยปี มันเปาะและเต็มไปด้วยรอยร้าว มันจักฉีกขาดได้ทุกเมื่อหากเจ้าเคลื่อนไหว …. แต่เจ้าโชคดีที่ได้พบข้า …มันคงเป็นพรหมลิขิต หากพวกเขาต้องการที่จักช่วยเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยละทิ้งโอกาสที่จักทำความดีเลย ”
เขาค่อยๆปล่อยลมปราณบริสุทธิเข้มข้นมาที่มือขณะที่เขากำลังพูด
กลิ่นไออันบริสุทธิและสดชื่นไหลเข้าสู่ร่างของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยราวกับสายน้ำเชี่ยว จากนั้น มันซึมเข้าสู่เส้นลมปราณ ลมปราณที่บริสุทธินั้นทำให้กำลังใจของมันเพิ่มขึ้น และ ความเจ็บปวดแสนสาหัสก็ลดลงอย่างมากขณะที่ลมปราณไหลเข้าสู่เส้นลมปราณอย่างต่อเนื่อง มันรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่อาจหาที่เปรียบ ความจริง เขาต้องการที่จักร้องครางออกมา ….
ลมปราณค่อยๆซ่อมเส้นลมปราณที่ใกล้ฉีกขาด ในเวลานั้นมันเป็นเหมือนกับยาวิเศษ การบาดเจ็บได้รับการรักษาอย่างช้าๆ และเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ไม่นาน เส้นลมปราณก็ได้รับการซ่อมแซมมากจนไม่มีรอยแตกร้าว
” แล้ว เจ้าไปโดนรอยเคี่ยวปิศาจมาได้อย่างไร ? มันเป็นรอยกัดที่รุนแรงนัก ความจริง รอยเคี้ยวปิศาจจะมีเฉพาะผู้ที่มีปราณสูงส่งเท่านั้น เพียงผู้ที่มีลมปราณจำนวนมากที่จักเกิดสิ่งเช่นนี้ได้ ตัวเล็กอย่างเจ้าจักเกิดสิ่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? ข้าคิดผิดไปหรือ ? เจ้าเป็นคนทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ? เจ้าคงมิได้เป็นคนใหญ่โตในเทียนฟาอย่างเช่น…. ราชันหรอกนะ ? “
จวินโม่เซี่ยหัวเราะ มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลกขณะที่เขาเอ่ย และจากนั้น เขาก็หัวเราะลั่นออกมา
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยหันไปมองเขา และความดูถูกเผยออกมาในสายตาของมัน
” เจ้าคงไม่เชื่อสิ่งนะเจ้าตัวน้อย ? ข้าจักไม่ได้เป็น ปรมาจารย์ชั้นเลิศ หรอกหรือ หากเจ้าเป็นราชันสูงสุดแห่งเทียนฟา ? ข้าสามารถสังหารเจ้าได้ขณะที่ข้าพูดอยู่นี่ เพราะเจ้าอยู่ในมือของข้า แต่ ชัดเจนว่าข้าไม่เคยทำร้ายสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่น่ารักเช่นเจ้าเลย ”
จวินโม่เซี่ยมองไปที่มัน และ สีหน้าของเข้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาอดยิ้มไม่ได้ขณะที่เขาขยับมือ และเกาะจมูกเล็กๆของเจ้าตัวน้อยนี้
เสียบเบาบางถูกส่งออกมาจากลำคอของสิ่งมีชีวิตนี้ และความอับอายปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
คุณชายน้อยยังคงหยอกล้ออสูรตัวน้อยต่อไปขณะที่เขารักษามัน ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด อาจจะเป็นเวลาเพียงสั้น … หรือเวลาที่ยาวนาน
” โอ้ว ? เจ้ากำลังรู้สึกอับอายหรือ เจ้าตัวน้อย ? “
จวินโม่เซี่ยใช้ปราณบริสุทธิจาก เจดีย์หงส์จวิน รักษาเส้นลมปราณที่เสียหานของเจ้าตัวน้อยสำเร็จในที่สุด เขาถอนใจผ่อนคลายขณะเอ่ยววาจาหยอกล้อเหล่านั้น และจากนั้น เขาตบเบาๆไปที่หลังของมัน
เจ้าตัวเล็กตัวสั่นหลังจากโดนตบ ราวกับมันโดนสายฟ้าฟาด มันพยายามต่อสู้ แต่จวินโม่เซี่ยจับมันไว้ค่อนข้างแรง
” เจ้าหายดีแล้วตอนนี้ แต่ จักดีหากเจ้าไม่ไปยุ่งกับมัน มิเช่นนั้น มันอาจจะกลับไปบาดเจ็บได้เหมือนเดิม ”
จวินโม่เซี่ยเอ่ยขณะที่เขานวดหลังของเจ้าตัวน้อย จากนั้นเขาตบลงไปเบาๆ …. และพบว่ามันอ่อนนุ่มอย่างมาก รู้สึกราวกับมันไม่มีกระดูก มันทำให้เขารู้สึกดี และหยุดไม่ได้ที่จักบีบนวดต่อไป
” แต่กระนั้น เจ้าก็มิได้เข้าใจที่ข้าพูด …. ”
ร้อยยิ้มไร้เดียงสาที่ไม่เคยมีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจวินโม่เซี่ย เขายิ้ม และเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่พบว่าดวงตาของเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กเต็มไปด้วยความอับอายจนกระทั่งพวกมันตกลงด้วยความอับอาย
“โอ้ว ? “
จวินโม่เซี่ยจดจ่อกับการถูหลังของมันมากจนเขารู้สึกสนุก ทันใดนนั้น ความคิดก็เกิดขึ้นในหัวของเขา
” อ่า ดูเหมือนว่าเจ้าอับอาย เจ้ามิใช่ผู้หญิงใช่หรือไม่ ? “
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยเริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นเจ้าตัวน้อย หน้าแดงฉาน ขนสั้นๆสีขาวของมันก็กลายเป็นสีแดงเช่นกัน จากนั้น ร่างของมันก็แข็งที่ และไม่ขยับอีก…
” ตัวเมีย …. เจ้าเป็นตัวเมีย และข้าเป็นบุรุษ แต่ข้าจักไม่ข่มขืนเจ้าหรอก เช่นนั้นเจ้ากลัวอันใด ? “
จวินโม่เซี่ยค่อนข้างจริงจัง เช่นนั้น เขาจึงยื่นมืออกไปและหยอกล้อมันอีกครั้ง
เจ้าตัวน้อยกรีดร้องแปลกประหลาด มันยังมิได้มีอำนาจสูงสุดเหมือนเช่นก่อนหน้านี้เนื่องจากมันต้องการเวลาเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ แต่ มนุษย์ผู้ชั่วร้ายและน่าสะอิดสะเอียดที่อยู่ตรงหน้าทำให้มันปวดหัว มันกระตุกและสั่นกลัว … ราวกับมันเป็นไข้สั่น จากนั้น มันยืดแขนและเบิกตากว้าง … ให้มากสุดเท่าที่ทำได้ จากนั้นมันก็เอียงหัวและเป็นลม …
” แม่เจ้า ! เจ้ามิอาจทนได้ขนาดนั้นหรือ ? ข้าแค่จับเจ้าเบาๆ และยังมีปฏิกริยาตอบโต้มากมายเช่นนี้ … นั่นคือจุดอ่อนของเจ้าหรือ ? “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยด้วยความงุนงง ขณะที่เขายกหัวเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเพื่อตรวจสอบด้วยสีหน้างุนงงอย่างมาก
และ ครั้งนี้ …
จวินโม่เซี่ยก็รู้สึกว่าเขาโดนปะทะด้วยบางสิ่งที่นุ่มนวล ทรงพลัง และ เฉียบคม เขาตัวสั่น และ ขนหัวลุกชูชัน เขามีปฏิกริยาเช่นนี้เนื่องจากมีกลิ่นไอที่ชั่วร้ายเข้ามาใกล้ตัวอย่างกระทันหัน และ กลิ่นไอที่ชั่วร้ายนั้นน่าเกรงกลัวอย่างมาก มันรุนแรงมากที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสมา เขาเรียกมันว่า ราชันปิศาจ ในชาติก่อนของเขา แต่ จิตสังหารของเขาถูกดูดกลืนไปด้วยกลิ่นไอที่เยือกเย็นและน่ากลัวนี้ เขานั้นเป็นยอดฝีมือที่ไร้ฝีมือต่อหน้าคนผู้นี้ ความจริง เขารู้สึกเหมือนเป็นใบหญ้าต่อหน้าไม้ใหญ่ สองกลิ่นไอนี้มิอาจเทียบชั้นกันได้
นี่เป็นจิตสังหารที่ร้ายแรงอย่างมกา
เขาไม่มีแม้เวลาที่จักระบุได้ว่ากลิ่นไอนั้นมาจากที่ใดในชั่วเวลาสั้นๆนั้น แต่ เขารู้สึกว่ากำลังถูกมันล้อมเอาไว้ ! ราวกับกำลังตกลงไปในเหวลึกเย็นยะเยือก …. !
เขารู้สึกว่ามิอาจหลบหนีออกมาได้ … ไม่ว่าเขาจักทำสิ่งใด
จวินโม่เซี่ยเหงื่อตกในเวลานั้น จิตนั้น เฉียบคม ยิ่งใหญ่ และน่าหวาดกลัว ที่สามารถทะลวงเข้าไปในร่างของคนได้ และสามารถทำให้ควาคิดของคนผู้นั้นหม่นหมองได้ ยิ่งไปกว่านั้น … แม้แต่จิตวิญญาณของเขาก็แข็งทื่อและหม่นหมอง
แววตาของคนผู้นั้นไร้ซึ่งความหวังจักหลุดรอดเงื้อมมือแห่งความตายของจิตสังหารที่เข้ามาสู่ร่างกายของเขาได้ ….
แววตาของพวกเขาจักคาดหวังให้ถึงจุดจบ !
มีพลังที่น่ากลัวและน่าเกรงขามอยู่ในส่วนลึกของป่าแห่งนี้
ครั้งนี้ข้าประมาทเกินไป
จวินโม่เซี่ยได้พบกับยอดฝีมือมากมายตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามาสู่โลกนี้ แต่กระนั้น แม้จิตสังหารของยอดฝีมือเทพเชวียนก็ไร้ค่าเมื่อเทียนกับสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ ลีจื้อเทียน ก็มิอาจเทียบสิ่งนี้ได้ …
จิตสังหารนี้แข็งแกร่ง และน่ากลัวเกินกว่าที่คุณชายน้อยจักจินตนาการได้ !
.บางทีนี่อาจมีเหตุผล สถานที่นี้อาจมี สมุนไพรสวรรค์มากมาย ! เช่นนั้น มันจักไม่สมเหตุผลที่จักปล่อยให้สมุนไพรสวรรค์เหล่านี้มีอยู่โดยไร้ผู้คุ้มกันปกป้องมัน ….
จิตใต้สำนึกของจวินโม่เซี่ยกรีดร้องเพื่อให้เขาหนีเข้าไปสู่เจดีย์หงส์จวิน และหลบหนีกลิ่นจิตอันชั่วร้ายนี้ เขารู้ว่าเขามิอาจต่อกรกับบางสิ่งที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวนี้ได้ เขามิอาจหลบหนีจิตสังหารนี้ไปได้แม้นว่าเขาจักอยู่ในระดับสูงสดของชาติภพที่แล้ว เช่นนั้น จึงไร้ประโยชน์ที่จักพูดถึงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ จวินโม่เซี่ยไม่อาจคิดหาวิธีจัดการกับจิตสังหารนี้ได้หากเจ้าของจงใจส่งมันมาที่เขา
ผู้ที่ปลดปล่อยจิตสังหารสะเทือนโลกานี้ออกมาเป็นคนเช่นไรกัน ??? ข้ามิอาจหลบหนี … หรือต่อกรกับมันได้ !
แต่กระนั้น จิตสังหารนั้นก็หายไปในตอนที่จวินโม่เซี่ยเริ่มคิดถึงการหลบหนี ความจริง จิตสังหารนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย … หรือไร้ซึ่งสัญญาณใดดั่งเช่นก่อนหน้านี้ มันหายไปอย่างลึกลับมิอาจอธิบาย …
มันหายไปย่างรวดเร็วดั่งเช่นตอนที่มันออกมา สวรรค์และโลกตอนนนี้กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม
“เกือบไปแล้ว ! ”
จวินโม่เซี่ยสูดหายใจ แต่ เขายงคงมีความกลัวหลงเหลืออยู่ เช่นนั้นเขาจึงเชื่อมจิตสัมผัสกับ เจดีย์หงส์จวิน เพื่อเชื่อต่อกับสิ่งต่างๆ จากนั้น เขาผสมกลิ่นไอจาก เจดีย์หงส์จวิน กับจิตสัมผัสของเขา และปลดปล่อยมันออกไปทั่วทิศทาง เขามองหาทุกสิ่ง แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
” นี่ประหลาดนัก ! ”
จวินโม่เซี่ยขมวดคิ้วขณะถือเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยไว้ มันบอกได้ว่า จิตสัมผัสของจวินโม่เซี่ยนั้นน่าเกรงขามยิ่งนักแม้นว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่เป็นเช่นนั้น ความจริง มันมิได้อ่อนด้อยไปกว่า จิตสัมผัสของยอดฝีมือเทพเชวียนเลย ยิ่งกว่านั้น ปราณจากเจดีย์หงส์จวิน และ จิตสัมผัสของเขานั้น ผสมรวมกันทำให้ยิ่งน่าเกรงขามขึ้นไปอีกขั้น และ นี่ทำให้มันทรงพลังมากยิ่งขึ้นหลายเท่า แต่ สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูง มันมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ความจริง มันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จวินโม่เซี่ยได้พบตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาสู่โลกนี้ และ มันคือเจ้าของจิตสังหารนั้น จิตสัมผัสของคุณชายน้อยจวินั้นทรงพลัง แต่มันก็ไม่สามารถตรวจจับกลิ่นไอของฝ่ายตรงข้ามได้ หากพวกเขาจงใจปิดบังมันไว้ จวินโม่เซี่ยลองเสี่ยง และเริ่มคนหาตัวตนของยอดปรมาจารย์ลึกลับผู้นั้น แต่น่าเสียหายที่จิตสัมผัสของเขาไม่พบสิ่งใด เขาส่งจิตสัมผัสของเขาออกไปอีกครั้ง แต่ เขาก็พบเพียงแต่สถานที่รกร้าง ซึ่งไร้ผู้คนอยู่โดยรอบ
เขาไม่สังเกตเลยว่าเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นตื่นขึ้น ดวงตากลมโตและงดงามของมันเบิกกว้าง แต่ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แววตานี้ไม่อาจอธิบายได้ แต่มันเผยถึงประกายแห่งความชั่วร้ายอย่างเจือจาง
แววตาของมันพร่ามัว มันเหมือนกับการขุ่นเคือง และคล้าดั่งอับอาย ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นเป็นบางครั้ง และบางครั้งก็ดูสับส …. เจ้าตัวน้อยเผยถึงแววตาที่ซับซ้อน ทุกคนสามารถเห็นถึงสิ่งที่แปลกประหลาดนี้ได้ แต่จวินโม่เซี่ยมิได้สนใจสิ่งนี้ เนื่องจากการเกิดขึ้นและหายไปของจิตสังหารที่ไม่อาจอธิบายได้นั้น
คุณชายน้อยจวินมองหาไปทั่วทุกแห่ง … ยกเว้นตรงแขนของเขา เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไร้พิษสง แต่ แสงสีดำที่ลุกโชยในแววตาของมันนั้นคือคนที่จวินโม่เซี่ยควรกลัวมากที่สุด …
ยอปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน !
” ฮ่า ฮ่า ! เจ้าตื่นแล้วเจ้าตัวเล็ก ! เจ้าตื่นแต่เจ้าไม่ขยับตัวให้ข้ารู้เลย ! ไม่อย่างนั้นเจ้าจักโดนตี ! เจ้าหิวหรือไม่ ? “
จวินโม่เซี่ยคาดว่า จิตสังหารและปรมาจารย์ผู้นั้นได้หายไปแล้ว และมิได้คุกคามเขาแล้ว เช่นนั้น เขาจึงผ่อนคลาย จากนั้น เขาเริ่มประปี้กระเป่า และ ก้มหัวเพื่อมองไปยังเจ้าตัวเล็กนั้น จากนั้น เขาก็พบว่าเจ้าตัวเล็กนั้นลืมตา และมองไปที่เขา คุณชายน้อยจวินอดที่จักหัวเราะมิได้ และตำหนิเบ่าๆขณะที่เขามองมัน
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กหลับตาปี๋อีกครั้ง
” เจ้ายังอารมณ์ไม่ดีหรือ ? เจ้าทำตัวเช่นนี้ทั้งๆที่ข้ายังไม่ได้จับก้นเจ้า ? “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยประโยคนั้นด้วยพร้อมเบะปากด้วยความเหยียดหยาม จากนั้น
” ฉึบ ! ฉึบ ! ”
เขาตบหลังของเจ้าตัวน้อยด้วยมือของเขา จากนั้น เขาเริ่มปีบมัน และ ความสนุกสนานก็ปรากฏขึ้นบนใบหนาของเขา
” ความรู้สึกนี้ … ข้ามิอาจปล่อยมันไปได้ ! ! เจ้าจักมากับข้า … หรือไม่เจ้าตัวน้อย ? ข้าจักให้อาหารอร่อยๆกับเจ้าทุกวัน คนอื่นๆไม่อาจทำเช่นเดียวกันนี้ได้ ข้าจักไม่ถามสิ่งใด ข้าจักลูบก้นน้อยๆของเจ้าทุกวัน ”
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อย มองเขาด้วยความอับอายและไม่พอใจ คนผู้นี้ช่วยมันรักษาเส้นลมปราณในตอนที่มันอ่อนแอนที่สุด มันจักกินยบุรุษผู้ไร้ยางอายนี้ไปทั้งตัวหากเขาไม่ทำเช่นนั้น
กิน เล่นกับเจ้ามีประโยชน์อันใด ? จักพิเศษอะไรหากได้อยู่กับเจ้า การที่เจ้านวดก้นของข้าทุกวันจักมีเรื่องดีอันใด ? วาจาของเจ้านั้นไร้สาระยิ่งนัก ! เป็นเรื่องจริงที่วันนี้เจ้าช่วยข้า แต่ เจ้าสัมผัสตัวข้า และ ทำให้ข้าอับอายเช่นกัน เจ้าชั่ว ! หากข้าไม่กลับมาหาเจ้าสักร้อยครั้ง …. ข้าก็คงไม่ถูกเรียก ….
เจ้าจักรออะไร ! ฮึ่ม .. !
” เจ้าไม่ต้องการหรือ ? เจ้ากล้านัก ! ฮึ่ม ! ข้าใจดีกับเจ้าอย่างมาก และ เจ้ายังไม่อยากมากับข้า ? “
จวินโม่เซี่ยยังคงบีบนวดต่อไป จากนั้น เขาก็นึกถึงบาสิ่งได้ และเอ่ยขึ้น
” เจ้าเป็นผู้หญิงใช่หรือไม่ ? นั่นหมายความว่าเจ้าจักต้องมีเต้านมเมื่อเจ้ามีลูก ? แต่ข้ามิเห็นมัน นั้นเพราะว่ามันยังเล็กมา ? เจ้าคิดว่าสายตาของข้านั้นไม่แหลมคมเพียงพอหรือ ? เหตุใดข้าจึงไม่เห็นสิ่งใด ? “
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กเข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว มันเบิกตากว้างอย่างรวดเร็วเพื่อส่งสายตาความเกลียดชังไปยังเจ้าเลวทรามนั้น ขณะที่มันม้วนร่างเพรียวงามของมันไป จากนั้น มันนอนหงายขึ้น…เพื่อแสดงบางสิ่ง …
“หึ สิ่งที่เจ้ามีนั้นเล็กนัก มันเล็กดั่งถั่วเขียว ลูกๆของเจ้าคงต้องหิวโหยอย่างทรมาณ ”
จวินโม่เซี่ยยิ้มอย่างชั่วช้าขณะที่เขากำหนดเป้าหมายของเขา จากนั้นเขาชูนิ้วออกไปและบีบมัน จากนั้นเขานวด และบีบอีกคครั้ง
ขาเล็กของเจ้าตัวนั้น ปักและถีบในทันที จากนั้น หน้าแดงและเริ่มถลึงตา ท้ายที่สุด มันก็คำรามเสียงที่แปลกประหลาดออกมา แล้วเงยหน้า และ เป็นลมไปอีกครั้ง …
มันสลบไปด้วยโทสะและความอับอาย … สองครั้งแล้วในตอนนี้ อีกฝ่ายนั้นกลั่นแกล้งมันอย่างรุนแรงนัก …
เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยกำลังอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษในตอนที่มันตื่นขึ้น ความจริง มันไกวไปมาช้าๆกลางอากาศ …
จวินโม่เซี่ยกำลังเร่งรีบในตอนนี้เนื่องจากเขารู้สึกปวดฉี แต่กระนั้น เขาก้ไม่ต้องการวาเจ้าตัวน้อยลงเนื่องจากการอุ้มมันไว้แล้วรู้สึกสบายและยอดเยี่ยมมาก ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวเล็กอาจจะหลุดมือไปหาเขาวางมันลง เช่นนั้นเขาจึงอุ้มเจ้าตัวน้อยนี้ และ ออกไปข้างนอกเพื่อมองหามุมฉี่ …
เด็กหนุ่มเลิกผ้าคลุมกขึ้น ปลดกางเกง และ ปล่อยมันลงเล็กน้อย เขาถอดกางเกงใน และ เผยสองสิ่งที่ปลุกคลุมไปด้วยขน หลังจากนั้น ของลับก็เผยออกมา …. ต่อหน้าเจ้าตัวน้อยโดยบังเอิญ เขามิได้ทำสิ่งผิดศีลธรรมตาหน้าเจ้าตัวน้อย ผู้คนไม่ได้ฉี่ต่อหน้าสัตวเลี้ยงของเขาหรือ ? ดังนั้น จวินโม่เซี่ยก็มิได้คิดมา จากนั้น สายน้ำที่เปล่งประกายสุกใสก็ส่งเสียงออกมา มันพุ่งออกมาอย่างเพลินตา และมันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย …
เจ้าตัวน้อยที่อยู่อในมือของเด็กนุ่ม ไม่เคยคิดว่าบุรุษผู้นี้จักถอดกางเกงออกอย่างไร้ยากอาย มันคร่ำครวญอย่างอับอาย และใช้อุ้มเท้าปิดตาอันสวยงาม
จวินโม่เซี่ยเห็นปฏิกริยานั้น และ หัวเราะด้วยท่าทางชั่วร้าย เขาเสร็จกิจ สบัดของลับ แต่ แต่เขายังมิได้รัดเข็มขัด เขาเริ่มแสดงท่าทางชั่วร้ายและดึงอุ้งเท้าของเจ้าตัวน้อยออกจากกัน ดวงตาของเจ้าตัวน้อยถูกบังคับให้ลืมขึ้นมา และมีสิ่งใหญ่ๆปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน ความจริง สิ่งนั้นใกล้อย่างมากจนสามารถเอื้อมไปสัมผัสได้ เจ้าตัวน้อยร้องขึ้นราวกับนกขณะที่ทั้งร่างของมันเปลี่ยนเป็นสีแดง และหลับตาลง สองขาของมันชูออกไปข้างหน้า และ พวกมันเคลื่อนไหวด้วยด้วยเจตนาที่จักฉีกสิ่งนั้นของจวินโม่เซี่ยออกเป็นชิ้นๆ …
จวินโม่เซี่ยตะโกน และ ยกเจ้าตัวน้อยขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น เข้าเอาของลับของเขาเข้าใกล้เจ้าตัวน้อยเพื่อหยอกล้อเมื่อมันลืมตาอีกครั้ง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
” เห็นไหม ? รู้สึกต่ำต้อยหรือไม่ ? ฮี่ฮี่ฮี่ …. ”
เจ้าตัวน้อยมีความโศกเศร้าและขุ่นเคืองอยู่ในสีหน้า มันมองจวินโม่เซี่ยด้วยความอับอายในแววตา และ น้ำตาของมันเริ่มหลั่งไหล มันเจ็บปวดจนไม่อากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว มันรู้สึกสยดสยอง และรู้สึกราวกับสมองของมันว่างเปล่า
น่าอับอายยิ่งนัก … ฮือออ ฮืออออ .. ปล่อยให้ข้าตายเถิด … ข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว….
การกระทำของคุณชายน้อยนั้นโหดร้ายยิ่งนัก เขาฮึมฮัม และดึงกางเกงขึ้น แต่ เจ้าตัวน้อยยังคงดิ้นรนอยู่ในแขนของเขา เช่นนั้น เขาจึงขู่
” หยุด หรือจักให้ข้าเอาเจ้าใส่ไว้ในกางเกง ! ”
เอาข้าใส่ไว้ในกางเกง ?
เจ้าตัวเล็กตัวแข็งไปในทันทีเมื่อได้ยิ่งสิ่งนั้น มันไม่กล้าแม้แต่จักขยับตัว
ข้าอาจฆ่าตัวตายเนื่องด้วยความอับอายหากเขาจับข้ายัดใส่ในกางเกง … แต่ข้าก็จักต้องกลายเป็นเรื่องตลกต่อไปอีกนับหมื่นปี !
ดูเจ้าเด็กนี้สิ การกระทำของเขานั้นไร้ยางอายยิ่งนัก ! ตอนนี้เข้าจักทำอันใดอีก ?
นี่เป็นวันที่ข้าถูกหยามเกียรติที่สุดในชีวิต ! เจ้าชั่วช้าผู้นี้เลวทรามจนมิอาจเอ่ย เขานั้นเลวทรามและไร้ยายอายยิ่งนัก …
จวินโม่เซี่ยวางเจ้าตัวน้อยลงบนหินในโถงหิน และตำหนิเหยื่อของเขา
“เจ้าอยู่ตรงนี้เข้าใจไหม ? ข้าจักออกไปเก็บสมุนไพร แต่ข้าจักกลับมารับเจ้า จากนั้นพวกเราจักออกไป ”
เขาหันหลังไปหลังจากพูดสิ่งนี้ และเดินตรงไปยังปากถ้ำ แต่จากนั้น ไม่นานเขากลับมาพร้อมเสียงผิวปาก และคว้าเจ้าตัวน้อย จากนั้นเขาตับ และถูก้นของมันสองสามครั้งขณะกำลังหัวเราะ
” เป็นเลิศยิ่งนัก ! ข้าชอบมันมาก ! ตอนนี้อย่าหนีละ ! ”
จากนั้นเขาหันหลังและออกไป
อย่าหนี ? เจ้าจักทำลายข้าหากเจ้ากลับมา !
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยเหลือบมองหลังของจวินโม่เซี่ยด้วยความเกลียดชังขณะที่เขาเดินออกไป
เจ้าชั่วไร้ยางอาย ! ข้ามั่นใจว่าเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ขโมยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนฟาของข้า และ ตอนนี้ เจ้ามาหยามเกียรติข้าที่นี่ ! ฮึ่ม ! การช่วยเหลือของเจ้าชั่วนี่เป็นสิ่งดีต่อข้า แต่ข้า … อย่างไรก็ตามข้าจักไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน !
ข้าจักทำให้เจ้าต้องร้อยให้จนไร้น้ำตาในวันหนึ่ง .. เช่นเดียวกับที่ข้าถูกทำในวันนี้ ! และจากนั้นเจ้าจักไม่อยากมีชีวิตอยู่ อีกต่อไป ! เจ้าจักตองร้องขอความตาย แต่ข้าจักไม่มอบมันให้เจ้า ! อย่างแรกข้าจักทองสิ่งนั้นของเจ้าา และจากนั้น ข้าจักหันมันเป็นชิ้นๆเพราะมั้นทำให้ข้ากลัว !
เจ้าตัวน้อยเสียน้ำตามากมาย จากนั้นมันหันหลังและกลับไปยังโถงหิน จากนั้นเปิดเครื่องกลปริษนาที่อยู่ในห้อง และหายไป
ข้าเกิดมานับร้อยปี .. และข้าลืมไปแล้วว่ารู้สึกอย่างไรกับการร้องไห้ แต่ข้าร้องไห้มากมายวันนี้ … ข้าเพียงไม่ต้องการทนอีกต่อไป !
ข้าใช้เวลาไม่เกินหนึ่งวันในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ความเร็วในการฟื้นตัวเช่นนี้เกิดขึ้นได้เพราะการช่วยเหลือของเจ้าชั่วผู้นี้ … แต่ ..แต่.. ข้าจำต้องล้างแค้น !
ข้าจักจำกลิ่นของเจ้า ! ข้าจักจำใบหน้าของเจ้า ! ไม่ต้องห่วง ข้าจักตามหาเจ้า ! ข้าจักไล่ล่าเจ้าไม่ว่าเจ้าจักหนีไปที่ใดในดินแดนนี้ ! ผู้ที่สามารถหลบหนีจากโทสะของข้าไปได้ไม่เคยปรากฏมากก่อนในร้อยปีนี้ ! ฮึ่ม .. !
เจ้าเหลือของน่างรังเกียจ ! เจ้าชั่วไร้ยางอาย ! จำข้าไว้ เจ้าชั่ว !
ในที่สุดจวินโม่เซี่ยก็เก็บเกี่ยวสวนผสมเสร็จ ความจริง เขาเกือบทำให้พื้นที่ตรงนั้นโล่ง เขาอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขและพึงพอใจใน … ราวกับกลับจากการเดินทางที่คุ้มค่า ตัวของเขาเต็มไปด้วยความสำเร็จและความรู้สึกผ่อนคลาย แต่เขาต้องชะงักไปในทันทีเมื่อเขากลับไปยังโถงหิน
เสื้อคลุมยาวสีดำยังคงอยู่ข้างในนั้น แต่ เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้แสนน่ารักได้หายไปแล้ว มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
” แม่เจ้า ! เจ้าตัวน้อยหนีไปที่ใด ? มันหนีไปได้อย่างไรในเมื่อข้าห้ามเอาไว้ ? “
จวินโม่เซี่ยรู้สึกโกรธเคือง
” ข้าช่วยรักษาการบาดเจ็บของเจ้า และมอบความสุขให้เจ้าอย่างมาก ! ตอนนี้เจ้ายังลืมสิ่งที่ติดค้างข้า และหนีไป ! เจ้ามันไม่รู้จักบุญคุณ ! “
คุณชายน้อยจวินยังไม่ยอมแพ้ เขาค้นหาในพื้นที่ั้อย่างละเอียดเพื่อหาว่าเจ้าสิ่งไม่รู้จักบุญคุณนั้นหนีไปที่ใด …
” เมื่อข้าพบเจ้าข้าจักไม่นวดก้นน้อยๆของเจ้าอีกแล้ว ! ”
จวินโม่เซี่ยให้สัญญาอย่างเกลียดชัง เขารู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก เขาต้องการพาเจ้าตัวน้อยไปกับเขาด้วย …. แล้วเขาจักได้หยอกล้อมันทุกวัน ยิ่งกว่านั้น เขาต้องการพาสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่น่าอัศจรรย์และน่ารักกลับไปที่บ้านของเขา และมันอาจทำให้ กวนเซียงฮั่น มีความสุข
อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านั้นเป็นของเขาในช่วงเวลาก่อนน้านี้ นี่กลายเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์
อย่าโอหังเกินไปเลย ! ตอนนี้เจ้ารอไปก่อนเถอะ ! เมื่อเจ้าพบข้าอีกครั้ง ข้าจักสังสอนเจ้า ! ฮึ่ม .. !
จวินโม่เซี่ยสถบในใจ แต่ เขาก็นึกถึง เจดีย์หงส์จวิน เขานึกถึง สมบัติล้ำค่าที่เขาเก็บไว้จนเต็ม นี่ทำให้เขามีความสุข การเดินทางมาที่เทียนฟาของเขานั้น เป็นความพยายามที่มีคุณค่า ความจริง เขาได้ประโยชน์เกินกว่าที่เขาจินตนาการไปมาก มันเป็นการเก็บเกี่ยว !
จวินโม่เซี่ยพึงพอใจ เขาถอนใจ และจากนั้นร่างของเขาลอยขึ้นในอากาศก่อนจักหายไป เขาได้กระตุ้น เคล็ดอิสระหยินหยาง และล่องหนผ่านป่าตรงไปยังเป้าหมายของเขา นครสวรรค์ใต้
มีเพียงหนึ่งส่วนผสมสำคัญหนึ่งอย่างที่ยังไม่ได้มา … รากเชวียนเก้า
วรยุทธของปู่จวินจักก้าวหน้าไปถึงขั้นเทพเชวียน เมื่อได้รากเชวียนเก้ามา ความจริง มันอาจก้าวหน้าเกินกว่าขั้นเทพเชวียน ! เขาอาจจะเป็นเทพเชวียนสูงสุดขั้นสองภายในการก้าวหน้าครั้งเดียว !
วรยุทธของท่านปู่นั้นมิได้สู.ส่งในโลกกว้าง แต่มันจักกลายเป็นหนึ่งในนครเทียนเชียง … หรืออาจจะเป็นที่หนึ่งในดินแดนนี้ องค์จักรพรรดิแห่งเทียนเชียงอาจคิดจักจัดการกับ สกุลจวินแม้มีความสามารถทางทหาร แต่ พระองค์ไม่ควรคิดจักมีเรื่องกับ ยอดฝีมือเทพเชวียนโดยไม่กลัวผลที่ตามมา !
ไม่มีผู้ใดสามารถแบกรับผลที่ตามมานี้ได้อย่างสบายใจ ไม่เว้นแม้แต่ จักพรรดิแห่งอาณาจักร ! มียอดฝีมือเทพเชวียนเป็นศัตรูนั้นอาจนำพามหาสมุทรแห่งเลือดและซากศพ !
เมื่อ จวินโม่เซี่ยตัดสินใจ และตั้งใจจักจัดการกับสถานการณ์ของลุงสาม
นครพายุหิมะสีเงิน … เขาไม่อาจดึงคนของสกุลเซี่ยวทั้งหมดออกมาได้ในตอนนี้ แต่ เขายังต้องทำให้ลุงของเขาและ ฮั่นหยานโย่ว ได้พบกันให้ได้ นี่เป็นความกังวลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งก่อกวนหัวใจของลุงของเขา อีกทั้งยังเป็นความหวังอันใหญ่ยิ่งของ ฮั่นหยานโย่ว และ จวินโม่เซี่ยจักต้องช่วยทั้งสอง
จวินโม่เซี่ยกลับไปยังนครสวรรค์ใต้ในวันต่อมา แต่ มันก็ยังเป็นเวลาช่วงค่ำคืน หรืออาจบอกได้ว่า เขาได้ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในป่า
” เจ้าไปใหนมาเจ้าเด็กเหลือขอ ? อะไรที่ทำให้เจ้าหายไปนานนัก? “
จวินโม่เซี่ยปะทะกับคำถามของ จวินวูอี้ในตอนที่เขากลับมา ลุงเทพเชวียนฝ่ายแม่ทั้งสามกำลังเพ่งมองเขา และ บอกได้จากสายตาของพวกเขาว่า พวเขากำลังเฆี่ยนตีเขาอยู่
ผมของทั้งสามกลายเป็นสีขาวด้วยความเป็นห่วงหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเนื่องจากเด็กหนุ่มได้หายไปนานเป็นวันคืน ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นอาณาเขตของ มณฑลฉือฮั่น ดังนั้น จวินวูอี้ และ สามพี่น้องตงฟางจักมุ่งหน้าไปยัง มณฑลฉือฮั่น..หรือ นครพายุหิมะสีเงินเพื่อมองหาจวินโม่เซี่ยหากเขายังไม่กลับมา ….
” เอาละ … ข้าเพียงบังเอิญออกไปเดินเล่น และ ข้าบังเอิญเดินไกลไปหน่อย ”
จวินโม่เซี่ย ส่งสายตาไปยังลุงทั้งสี่ของเขา เดินออกไปในความมืด และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ข้าบอกท่านได้เพียงแค่ว่า เมื่อวานข้าออกไปเดินเล่นในป่า ล้อเล่นกระมั้ง ! ข้าได้พูดคุยอย่างเป็นมิตรกับเจ็ดราชันอสูรเชวียน และ ข้าได้ทำข้อตกลงร่วมกับพวกเขาแล้ว พวกเราได้ทำข้อตกในการร่วมมือกันอย่างเป็นเอกฉันทฑ์ …
บุรุษทั้งสี่มองหน้ากัน
เจ้าออกไปเดินเล่นอย่างนั้นหรือ ? เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้ามาที่เมืองนี้ครั้งแรก ! เจ้าเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ ! แล้ว เจ้าไปเดินเล่นที่ใหนมา ? และ คนปกติจะเดินเล่นเป็นวันเป็นคืนเลยหรือ ?
เจ้าไม่ไปไกลเกินไปหน่อยหรือ ? ตอนนี้เจ้าสามารถเดินไปไกลเพียงพอที่จักถึงนครเทียนเชียงได้เลย ! เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าพวกเราสี่พี่น้องเป็นห่วงเจ้าเกือบตาย ?
แต่แล้ว จวินโม่เซี่ยก็ได้กลับมาไม่ต้องการที่จักตอบข้อสงสัยของพวกมเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย เช่นนั้น ผู้อาวุโสทั้งสี่ จึงไม่มีอารมณ์จักสอบถามอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้น จวินวูอี้รู้ว่า หลานชายของเขามีพลังที่พิเศษ และมิเป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาอยู่ในนครสวรรค์ใต้ แต่ เขาจักไม่กังวลเป็นกังวลมากนักหากหลานชายของเขาหายไปสามวันสองคืนในนครเทียนเชียง