จวินโม่เซี่ยถอนใจผ่อนคลาย  แต่ปากของเขาบิดไปมาขณะที่เขาร้อง

ข้าสามารถก้าวฝ่านชั้นที่หกและเจ็ดในสามปี  แต่ข้าแสดงสีหน้าที่กล้าหาญและอ้างวาจักทำงานให้เสร็จภายในเวลาสามปี …

 

” โอ้ใช่ มีอีกหนึ่งสิ่งที่ข้าเกือบลืมไป ”

จวินโม่เซี่ยเอามือไพล่หลังอย่างมีวาทะ

” ข้าได้ยินว่าจักมีศึกชี้ชะตาระหว่างเจ้าและ นครสวรรค์ใต้ เป็นอย่างนั้นหรือ ? “

 

” ใช่ มันคือการต่อสู้  และ มันจักอุบัติขึ้นในสองวันข้างหน้านี้ ”

กระเรียนคอยาวตอบด้วยน้ำเสียงเคารพนับถือ

 

” อืม !  สกุลจวินแห่งนครเทียนเชียง และ สกุลตู่กู้ มีความสัมพันธ์พิษบางอย่างกับข้า  ข้าหวังว่าคนของพวกเขาจักไม่ได้รับบาดเจ็บ  มันถือเป็นเรื่องน่ายกย่องสำหรับข้า ”

จวินโม่เซี่ยเอ่ยคำขอนี้เป็นการพิเศษ ดูเหมือนเป็นการขอที่ไม่จริงจังหากไม่ได้ตั้งใจฟัง  แต่ก็สามารถรู้ได้ว่านั้นคือคำสั่งโดยตรงหากตั้งใจฟังให้ดี

 

” นั่นมิใช่ปัญหา ”

กระเรียนคอยาวหัวเราะเบาๆ

” เราไม่ได้สนใจจักมีปัญหากับพวกเขาอยู่แล้ว ”

เขาครุ่นคิดชั่วขณะ และเอาขวดสีเขียวออกมาก่อนที่จะเอ่ยต่อ

” โปรยแป้งจากขวดนี้ใส่คนของสกุลเหล่านั้น ก่อนที่พวกเขาจักเข้าสู่การต่อสู้  พวกเราจักจำพวกเขาได้ หากปะทะกันในระหว่างการต่อสุ้หากแป้งนี้ติดอยู่บนร่างของพวกเขา  และ พวกเขาจักไม่ตอบโต้แม้นว่าพวกเขาจักโจมตีพวกเรา ”

 

” ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มาก ”

จวินโม่เซี่ยยิ้มเล็กน้อย  เขาไม่ได้แสดงถึงความสุขหรือผ่อนคลาย  คุณชายน้อยยังคงรักษาท่าทีที่สามัญ และอ่อนโยน

 

ทันใดนนั้นเหล่าราชันอสูรเชวียนได้เห็นภาพที่น่าตื่นตา  บุรุษลึกลับหายไปไม่อาจเห็นได้แม้แต่เงา จกานั้น เขากลับไปอยู่ที่ตำแหน่งเดิมในเวลาต่อมา ขวดสีเขียวในมือของกระเรียนคอยาวหายไปในช่วงเวลานั้น

 

.เป็นการเคลื่อนไหวที่อัศจรรย์ยิ่ง … !

 

เหล่าราชันอสูรเชวียนเริ่มนับถือเขายิ่งขึ้น

 

เมื่อนั้นเขาคิดว่าสองสิ่งที่เขาต้องการได้สำเร็จลุล่วงแล้ว และตัดสินใจกลับ  แต่ จวินโม่เซี่ยได้ดเอ่ยวาจาเล็กน้อยก่อนเขาจากไป เพราะเขากลัววว่าอสูรเชวียนอาจคิดว่าเขาจักกลับคำหากเขาหายไปอย่างกระทันหัน ….

 

แต่เขาก็ยังไปไม่ไกลนักเมื่อเขาคิดกับตัวเอง

ศึกชี้ชะตาจักเกิดขึ้นมะรืนนี้ มันยังอีกนานนัก แต่ข้าได้ประสบกับ ผลไม้พันภูตหมื่นพิษที่นี่  น่าประหลาดใจยิ่งนัก ! สิ่งของวิเศษมากมายเพียงใดที่ข้าอาจได้พบเจอในสถานที่นี้เพื่อเป็นส่วนผสมของยา ?  คุณชายน้อยผู้นี้จักลืมเหตุผลหลักที่เขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ?

 

อาการคันจนเหลือทนเกิดขึ้นที่หัวใจของเขาเมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น

 

เขาเริ่มกระตุ้น เคล็ดอิสระหยินหยาง ร่างของเขาสว่างวาบและพุ่งเข้าไปในป่าลึก

 

ภายในป่าดงพงไพร….

 

“พี่สาม พี่สี่ รีบบอกข้าบุรุษลึกลับผู้นั้นคือใคร  และ ท่านทั้งสองคุ้นเคยกับเขามากเช่นนี้ได้อย่างไร ?  ท่านรับรองเทียนฟาของเรากับเขาโดยไม่ต้องกระพริบตาเลย  และ ท่านยังมอบสมบัติของเราให้ด้วย … ? “

 

ราชันงูเขียว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสับสน

” ข้าเขาใจว่าพลังของคนผู้นี้ไม่อาจรู้ได้ และ เขานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าพวกเรานัก แต่ ข้าต้องการรู้ว่าเหตุใดที่ท่านตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของเขานัก ?  หรือว่าท่านศรัทธาในตัวเขามากมายเช่นนั้น ?  ผลไม้นั้นคืออัญมณีของป่าเรา … พวกเราพวกเราพยายามมาสามร้อยปีเพื่อให้มันเกิดขึ้น ! “

 

ทุกคนมองไปยังกระเรียนคอยาวและหมีใหญ่หลังจากได้ยินสิ่งนี้  หูของพวกเขากางออกด้วยความอยากรู้  ตัวแทนของคุณชายน้อยจวินได้แสดงถึงความแข็งแกร่งที่มหาศาล อาจบอกได้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดในโลก  แต่ เขามิได้เป็นภัยต่อเทียนฟา  กระเรียนคอยาวและหมีใหญ่เคยพูดถึงเขาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เหล่าราชันอสูรเชวียนก็มิอาจหลบเลี่ยงได้…แม้นว่าจวินโม่เซี่ยนั้นเป็นคนที่ยากจักรับมือและสามารถสังหารเหล่าราชันอสูรได้อย่างง่ายดาย…

 

กระเรียนคอยาวและหมีใหญ่มีสีหน้าที่ภูมิใจ  ในที่สุด ความสัมพันธ์ของพวกเขากับยอดปรมาจารย์ไร้เทียมทานผู้นี้ก็ทำให้เหล่าพี่น้องของเขาสามารถก้าวต่อไปได้โดยไม่มีอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรับใช้เทียนฟาได้อย่างเต็มสามารถ

 

พวกเขาทั้งหมดสามารถก้าวหน้าได้ โดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลอันใด !  ดังนั้นพวกเขาจึงมองเห็นโอกาสในอนาคตอย่างไร้สิ้นสุด…

 

สิ่งที่ดีได้ขเกิดขึ้นในป่าเทียนฟา!

 

เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดประวัติศาสตร์!

 

พวกเขาทั้งสองเอ่ยปากอย่างเป็นสุขเพื่อที่จักอวดถึงผู้เป็นสุดยอดที่พวกเขารู้จัก

การไม่เป็นผู้กว้างขวางนั้นหมายถึงการได้มีเพื่อผู้เป็นสุดยอดอย่างนั้นหรือ ?

แต่ พวกเขาต้องหุบปากเมื่อพวกเขาได้รู้ถึงบางอย่าง

 

เอ๋! ผู้ใดจักรู้ว่าบุรุษลึกลับผู้นี้เป็นใคร ?

พี่น้องราชันอสูรเชวียนทั้งสองรู้เพียงว่าเขาคือ เฟิงจิ้นหยาง แต่ พวกเรารู้ว่าชื่อนี้มิใช่ชื่อจริง  สำหรับเรื่องที่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร ..หรือเขาอยู่ที่ใหน หรือเขาเป็นอย่างไรนั้น …. ?  พวกเขาทั้งสองไม่รู้เรื่องเหล่านั้นเลย  ความจริง สองราชันอสูรเชวียนไม่รู้ถึงปัญหาใหญ่นี้จนกระทั่งตอนนี้ ….

 

พระเจ้า !

 

พวกเราทั้งสองเชื่อใจคนผู้ที่พวกเราไม่ได้รู้เรื่องของเขามากมายเลย !

 

พวกเราตื่นเต้นมาก….และทำตามคำสั่ง !

 

แต่ พวกเราทั้งสองจักหาเขาเพื่อเอายาที่ช่วยให้พี่น้องของเราพัฒนาได้อย่างไร หากเราไม่ได้รับการติดต่อจากเขาหลังจากสามปีนั้น … ?

 

การกิน ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความเสี่ยงอย่างมาก คนผู้นั้นอาจตัวระเบิดได้ แต่ มันเป็นวิธีที่แน่นอนในการเพิ่มความแข็งแกร่งได้ !  วิธีที่ไร้ความเสี่ยงและปลอดภัยอย่างแท้จริงนั้นดูเหมือนจักน่าสนใจ แต่ในตอนนี้มันเป็นเหมือนดั่งขนมปังที่วางอยู่บนกระดาษ มันจักไร้ความหมายหากเรามิได้กินเข้าไป เราไม่รู้ว่าจักพบเขาได้อย่างไรหากข้อตกลงนี้ล้มเหลว !

 

พวกเขาไม่รู้จักทำอย่างไรหลังจากที่คิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว  สองอสูรเชวียนมองหน้ากัน พวกมันงุนงงยิ่งนัก …

 

ทั้งสองมิทันได้เตรียมตัว

 

ราชัญอสูรเชวียนที่เหลือมองพวกเขาเพื่อรอคำตอบ  แต่ ทั้งสองยังมิได้กระทำสิ่งใดอย่างชัดเจน  ความจริง หากมองดูดีๆ พวกเขานั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เช่นนั้น พวกเขาถึงถามด้วยความกังวลใจ

” มีอะไรหรือพี่สาม พี่สี่ ?  เหตุใดท่านไม่เอ่ยปาก ?  เหตุใดพวกท่านถึงปิดบังเรื่องนี้กับพี่น้อง

 

เหตุใด ?  เจ้าคิดว่าเราเป็นคนใช้ให้ลุงของเขาหรือ …. ?  เจ้ากำลังถามพวกเราอยู่ แต่พวกเราจักถามผู้ใดได้ ?

 

แม่เจ้า !  เขามิได้หักหลังพี่น้องเราใช่ไหม ?

ความคิดของสองพี่น้องสับสนยิ่งขึ้นในเวลานี้

 

กระเรียนคอยาวหดหู่อย่างมาก  เขาอดที่จักกระพริบตาขณะที่เอ่ยขึ้นไม่ได้

” ความกังวลของเจ้านั้นไร้ค่า !  บุรุษผู้นั้นเป็นยอดฝีมืออันดับสูงที่มีวรยุทธสูงส่ง  เขานั้นถือได้ว่าเป็นยอดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มีมา !  เหตุใดเขาจึงจักลดเกียรติตัวเองมาขโมยผลไม้ศักดิสิทธิ์ของเรา ?  อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าเราจักต่อต้านได้หรือหากเขาใช้กำลังกับพวกเรา ?  เจ้าต้องอดทนหากต้องการได้กำไรส่วนที่เหลือ  เหตุใดเจ้าจึงใจร้อนนัก ?  ปรมาจารย์ผู้นั้นเอ่ยว่าเขาจักทำสำเร็จภายในเวลาสามปีมิใช่หรือ ?  สามปีสำหรับพวกเราราชันอสูรหนะหรือ ?  พวกเราสามารถหลับจำศีลเป็นเวลาเนิ่นนานกว่านั้นได้มากนัก !  ตอนนี้ เหตุใดพวกเจ้าไม่กลับมาทำตัวให้เหมือราชันอสูรเชวียนอีกครั้ง ?  ไปทำภารกิจของเจ้า !  พวกเราต้องทำสงรามในอีกสองวัน ! ”

 

หมีใหญ่ตัดบทอย่างลังเล

“ถูกต้อง !  แค่เห็นเจ้าใช้แต่อารมณ์ข้าก็มวนท้องแล้ว !  ไปซะ อย่าเสียเวลา !  พวกเจ้ากำลังรอสิ่งใดอยู่ ?  ไปสิ !  ตื่นตัวเสีย !  จักไม่มีศัตรูที่สามารถเทียบเจ้าได้ในอนาคต ! “

 

เหล่าราชันอสูรเชวียนที่เหลือไม่พอใจ และเศร้าใจ  พวกเขาสถบในใจ

เจ้าหนะสิที่ เจ้าอารมณ์ !  เจ้าคิดว่ามีแต่พวกเจ้าหรือที่รู้สึกเช่นนั้นได้ ?  พวกเราจักไม่รู้สึกแย่ได้อย่างไร ?

พวกเขามิอาจทำสิ่งใดได้ หลังจากที่เห็นสีหน้าจริงจังของพี่ทั้งสอง  จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไป  แต่ ความคาดหวังถึงสิ่งที่งดงามนั้นยังคงอยู่ในใจของพวกเขา

อ่าห์ เราจักก้าวหน้าอย่างปลอดภัยและราบรื่นภายในสามปี !

 

กระเรียนคอยาวพูดความจริง  สามปีนั้นน้อยนิดสำหรับราชันอสูรเชวียน มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นนักในสายตาพวกเขา  พวกเขานั้นมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างยิ่ง  พวกเขามิได้เป็นอมตะ  แต่ พวกเขานั้นมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าคนสามัญเป็นสิบเท่า  บางที อาจจะมากกว่าสิบเท่า …. !

 

รอสามปีเพื่อความก้าวหน้าและชีวิตที่ยืนยาว …. !  สิ่งนี้เป็นประโยชน์ยิ่งนัก  เป็นดั่งเนื้อสวรรค์ที่ร่วงลงจากสวรรค์  แน่นอน ยังมีความแคลงใจอยู่ แต่ ยอดฝีมือผู้นี้ควรได้รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่  ยิ่งกว่านั้น เขายังได้แสดงถึงวรยุทธที่น่าอัศจรรย์ของเขา  มากกว่านั้น ทุกคนได้พัฒนาก้าวหน้าไปนับสิบปาจากการกินยาของเขา  ลืมการที่จักได้กินหรือได้เห็นสิ่งอัศจรรย์เช่นนั้นไปเสีย … ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินถึงสิ่งนี้มาก่อน !

 

ยานั้นเพิ่มวรยุทธของพวกเรานับสิบปี  นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ปกติ !  จักมีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับบุรุษลึกลับผู้นี้หรือ ?

 

ดังนั้น จึงเป็นปกติที่ กระเรียนคอยาว และหมีใหญ่จักไม่กังวลในตัวของบุรุษลึกลับผู้นี้  ยิ่งกว่านั้น  จวินโม่เซี่ยไม่เคยตั้งใจเจรจาในข้อตกลงนี้เช่นกัน

 

นี่เป็นโอกาสที่เกดขึ้นและจักดีกับเขาเช่นกัน  พววกเขาจักไม่เป็นหนี้บุญคุณเขาหรือหากพวกเขาทั้งหมดสามารถข้ามขีดจำกัดไปได้อย่างปลอดภัย ?

นั้นมิได้หมายความว่า ข้าจักมี นักเลงมากฝีมือมาฟรีๆหรือ ?

 

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาแต่ละคนนั้นเป็นนักรบระดับสูง !  อ่าห์….

 

คุณชายน้อยจวินรู้สึกสบายใจ …. และพอใจกับสมบัติที่อยู่ในมือของเขา  ตลอดเส้นทางของเขานั้นมีแต่สิ่งที่น่าเพลินใจและเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจตั้งแต่เขาแยกจากราชันอสูรเชวียนมา ….

 

ป่าเทียนฟามีได้มีชื่อเป็นสมบัติล้ำค่าเท่านั้น !  นี่ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นมาก !  ข้ามิอาจหาก ส่วนผลมเหล่านี้ได้ใน นครเทียนเชียง ความพยายามของข้านั้นล้มเหลวแม่นว่าข้าจักค้นหาไปทั่วพื้นเหล่านั้นที่อย่างอุสาหะ และพยายามอย่างเต็มที่  แต่ ข้าสามารถหาทุกอย่างได้อย่างง่ายดายที่นี่ !  ไม่มีส่วนผสมที่หายากที่นี่  ข้าสามารถหาสิ่งที่ข้าต้องการได้ … ตราบใดที่ข้าค้นหาอย่างจริงจัง  และ พวกมันก็มีอยู่ในจำนวนที่มากมายมหาศาล ! ..

 

และ ดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดเก็บมันไปเลย !

 

เป็นเลิศยิ่งนัก !  นี่เป็นเลิศยิ่งนัก !

 

ที่นี่มีส่วนผสมสำหรับยาเชวียนระดับเก้าขั้นสูงมากมาย !  อย่างเช่น เห็ดวิญญาณสามสี หญ้าดาราสวรรค์ รากเชวียนเก้า ข้าได้พบสมุนไพรสามชนิดนี้แล้ว  พวกมันเป็นยาสมุนไพรที่หาได้ยากยิ่ง  ความจริง ขาได้พบ หญ้าดาราสวรรค์แล้ว !  ผลไม้พันภูตหมื่นพิษ นี่เป็นเพียงอย่างที่สอง !  และยาระดับตำนานเหล่านี้มีอยู่ที่นี่มากมายอย่างแท้จริง !

 

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก !  เขาดูเหมือนจะมีการเลือกที่รักมักที่ชัง

 

จวินโม่เซี่ยรู้สึกสบายใจ  เขากระตุ้น เคล็ดอิสระหยินหยางต่อไปขณะเดินทางลึกเข้าไปในป่า  เขาได้เห็น วัตถุดิบหายากมากมาย และ เก็บของเหล่านั้นเข้ามาไว้ใน เจดีย์หงส์จวิน แต่ แต่ เขายังไม่ได้ไปไกลนักเมื่อเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ …. !

 

เนื่องจากไม่มี วี่แววของ อสูรเชวียนในพื้นที่ที่เขาอยู่เลย  ไม่มีนกบนท้องฟ้า และ พื้นดินก็ไม่มีแม้แต่มดให้เห็น  เป็นอะไรที่ไร้เหตุผลอย่างมากที่เขาไม่อาจรู้สึกได้ถึงแม้แต่ไส้เดือนที่อยู่ใต้ดิน

 

สถานที่นี้ เงียบและโดดเดี่ยวยิ่งนัก !

 

อย่าบอกนะว่าจะมี ผลไม้พันภูตหมื่นพิษ อยู่ที่นี่อีก ?!

 

จวินโม่เซี่ยมองไปยังต้นไม้ใบหน้ารอบๆ  พวกมันเขียวชอุ่ม  เขากระตุ้น เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ และสูดอากาศเข้าไป  มันบริสุทธิ และ ไม่มีวี่แววของพิษเลย  ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังมีความสงบทางจิตวิญาณโลดแล่นอยู่  และ มันมีอยู่มากมายจนน่าตกใจ

 

พื้นที่นี้มีชีวิตชีวายิ่งนัก  แต่ เหตุใดถึงไร้วีแววของอสูรที่นี่ …. ?

 

แปลกประหลาดยิ่งนัก !

 

จวินโม่เซี่ยค่อยๆก้าวไปข้างหน้า และเดินเข้าไปด้านใน  ต้นไม้และดอกไม้เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์  แต่ ไม่มีแม้แต่เสียงของการเคลื่อนไหว …เหมือนที่อื่น  อากาศบริสุทธิและสดชื่นยิ่งนัก

 

ในที่สุด จวินโม่เซี่ย ก็หยุดกระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง และแสดงตัวออกมากลางป่า  เขามองไรอบๆขณะเดินตรงไป และ สูดอากาสอันบริสุทธิเข้าเต็มปอด  มีสีแดงและม่วงเจิดจ้าอยู่รอบๆตัวเขา  มันเป็นช่วงปลายสาทรฤดู แต่ ทุกสิ่งยังคงดูเขียวชอุ่มอย่างมากในบริเวณนี้  สถานที่นี้ดูเหมือนกับไร้ฤดูกาล  พืชยังคงอดมสมบูรณ์นัก …

 

ที่นี่เงียบสงบยิ่ง …  จากนั้นจวินโม่เซี่ยรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างแผ่วเบา  ดูเหมือนว่าความคิดของเขาที่แปรปรวน และร้อนรนในโลกนี้  ทุกสิ่งเงียบสงบลงในพริบตา

 

เงียบจนทำให้เห็นถึงความสุขในอดีต  ทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย และทำให้จิตวิญญาณรู้สึกใสสะอาด

 

พื้นที่จวินโม่เซี่ยเหยียบย่ำลงไปนุ่มนวลราวเส้นไหม … เหมือนหญ้าในทุ่ง  ก่อให้เกิดเสียงก๊อบแก๊กขณะที่เขาเคลื่อนผ่าน  เขารู้สึกเหมือนกลังเดินอยู่ในความฝัน  ปัญหามากมายที่อยู่ในสมองของเขาหายไป และ รู้สึกราวกับมันว่างเปล่า … เหมือนกับเขากำลังเดินละเมอ

 

จวินโม่เซี่ยเดินไปเหมือนคนไร้สติ  จากนั้นเขาเดินอย่างไม่ตั้งใจไปยังต้นไม้ที่โดดเดี่ยว และนั่งลงข้างใต้  เขาเคลื่อนไหวด้วยความนุ่มนวลยิ่งนัก ราวกับเขากลัวว่าจักก่อให้เกิดเสียงที่ทำลายความสงบในสมองของเขา

 

เด็กหนุ่มยังคงนั่งอยุ่อย่างเงียบสงบ  มีความสับสนในแววตาขณะที่เขาเอามือมาที่คางขณะมองออกไปข้างหน้า  เขาไม่สามารถมองมันได้อย่างชัดเจน  ราวกับพื้นที่นี้ปกคลุมไปด้วยหมอก … หรือเขากำลังเมา …

 

ศึกสงครามได้เติมเต็มจิตวิญญาณของเขามาเป็นเวลานาน  แต่ดูเหมือนมีบางส่วนที่หลุดออกไปจากร่างของเขาด้วยหยดน้ำ  จากนั้นเขารู้สึกพิศวง  และรู้สึกท้อแท้ …. ราวกับคนขายเนื้อที่ทิ้งมีดของเขาไป  จากนั้นคุณชายน้อยรู้สึกโดดเดี่ยว … ราวกับได้กลายร่างเป็นอวตาลของพระพุทธเจ้า …

 

ดอกไม้เล็กๆหมุนวนขณะที่มันร่วงลงมาจากต้นไม้  มันร่วงลงมาที่ไหล่ของเขาเงียบๆ แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันเลยเนื่องจากความสับสนที่เกิดขึ้น  มีสายลมพัดเบาบาง  และ ปลายผมของเขาเริ่มสบัดอย่างแผ่วเบา ….

 

ดูเหมือนเวลาจักผ่านไปหลายทศวรรษ  แต่มันกลับรู้สึกถึงสิ่งทั้งหมดนี้ได้ภายในเวลาอันสั้น …

 

” ดอกไม้ตูมร่วงหล่นใส่บุรุษผู้โดดเดี่ยว ”

จวินโม่เซี่ยถอนใจเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้น  จากนั้นเขาชำเลืองตามองออกไปยังทิวทัศน์ที่งดงาม  สูดหายใจลึก

” มันงดงามยิ่ง จนแม้แต่มือสังหารกระหายเลือดอย่างเช่นข้ายังรู้สึกอิ่มเอม และปลีกตัววิเวก ! “

 

จวินโม่เซี่ยมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก  จิตใจของเขาเปิดออก  เขาหัวเราะเบาๆ และเอ่ยเยาะเอ้ยตัวเอง

” การอยู่ในความเงียบสงบนี้เพียงหนึ่งวันอาจทำให้มีความสุขเป็นที่สุดในชีวิต  แต่ สถานที่อันงดงามนี้ ไม่เหมาสมกับมือสังหารเช่นข้า ”

 

จากนั้นร่างของเขาลอยขึ้นโดยไม่สัมผัสหน้าที่เปียกชื่อที่อยู่ข้างใต้  จวินโม่เซี่ยเพลิดเพลินกับสายลมอ่อนๆสักพัก หลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ข้างหน้ามีต้นไม้หนาทึบ  ความจริงและมันไม่มีช่องว่างเลย  หากมองดูพวกมันอาจมีอายุนับร้อย…..หรืออาจนับพันปี  พวกมันแออัดกันจนไม่มีช่องว่าง  ความจริงมันดูเหมือนจักเติบโตขึ้นมาจากพื้นจุดเดียวกัน  ดูเรากับพวกมันกั้นทุกสิ่งจากพื้นที่โดยรอบและก่อตัวเป็นกรงขัง …

 

” ผู้ใดจักอยู่ในพื้นที่นี้ได้ ? “

มือสังหารจวินกะหายใคร่รู้  แต่เขานั้นมีสัญชาตญาณของมือสังหาร  เล่นนั้นเขาจึงกระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง และเข้าไปอย่างเบาบางราวขนนก

 

” สวรรค์ !  พื้นที่งดงามอะไรเช่นนี้ ! ”

มีทุ่งหญ้าเล็ก ๆ อยู่ภายในพื้นที่ ที่ถูกต้นไม้เหล่านั้นปิดบังไว้  ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอันใด แต่ยังคงมีธรรมชาติและดินโคลน  ราวกับพื้นที่นี้ถูกสวรรค์สรรค์สร้าง  ความจริง สถานที่นี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก !

 

กล่อนจางๆอันน่าอัศจรรย์นั้นถูกส่งออกมาจากดอกไม้ที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ไกลออกไป  กลิ่นปะทะเข้ากับจมูกของจวินโม่เซี่ย และเขาก็อดที่จักยืดคอขึ้นเพื่อสูดดมมันเข้าไปอีกไม่ได้  ทันใดนนั้นเขาก็รู้สึกถึงความผ่อนคลาย และก่อให้เกิดชีวิตชีวา  เขาตามกลิ่นนั้นไป และไม่นานก็ได้เห็นบางสิ่ง  มันทำให้เขาอยากจะตะโกนออกมา แต่เขาก็เอามือปิดปากไว้ ….

 

มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงหน้าของเขา  มันเติบโตขึ้นจากก้อนกรวด  แต่ ก้อนกรวดนั้นได้เปล่งแสงสามสี สีทอง แดง และสีขาว  แสงสามสีนี้เจิดจรัสจนทำให้จวินโม่เซี่ยหยุดหายใจ

 

กลายเป็นว่านั้นคือขมสมบัติ เห็ดสามสี เติบโตขึ้นที่นี่  ยิ่งกว่านั้น มิได้มีอยู่เพียงแค่เจ็ดหรือแปดดอก … พวกมันเติบโตอยู่ทุกซอกมุมราวกับเป็นฟาร์ม   และ ยังสามารถพบสมุนไพรหายากอื่น ๆ ได้อีกในพื้นที่นี้…

 

ข้ามิได้ฝันไปใช่หรือไม่ ?

 

ทันใดนนั้นความปิติเกิดขึ้นกับจวินโม่เซี่ย  เขาค้นหาเห็ดชนิดนี้มาเป็นเวลานาน เขาสามารถขึ้นไปยังชั้นสามและปรุง ยาแก่นชำระ ได้  เขาหาส่วนผสมได้ไม่ถึงสิบอย่างภายใน นครเทียนเชียง …แม้นจะค้นหาอย่างละเอียด  แต่เขาสามารถเก็บเกี่ยวส่วนผสมระดับสูงได้ภายในคืนเดียวหลังจากที่เขาย่างเท้าเข้ามาในป่าแห่งนี้  ยิ่งกว่านั้น … เขายังเก็บเกี่ยวมันได้อย่างมากมาย !

 

จวินโม่เซี่ยเคยหดหู่ในบางครั้งเมื่อก่อน  เขานั้นก้าวข้ามมันไปได้   แต่ เขาไม่มียาที่สามารถทำให้มันสมบูรณ์  นี่ทำให้เขาบวดหัวอย่างมาก  เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จักมีมากมายราวกับสวนกะหล่ำปลีหลังจากมาถึงเทียนฟา  แต่จานั้น เขาได้พบกับสถานที่ล้ำลึกและลึกลับนี้ !

 

นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างไม่อาจอธิบาย !  ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจักได้พบสมบัติที่หายากและน่าอัศรรย์มากมายเท่าใหร่ในป่าเทียฟาที่เหลือนี้  นี่เท่ากับความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ในอนาคต !

 

จวินโม่เซี่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยความสุข  จากนั้นเขาเริ่มเก็บสมุนไพรเหล่านั้นอย่างรวดเร็วเท่าที่เขาทำได้  คุณชายน้อยจวินเก็บมันมาเป็นจำนวนมาก  แต่ เขาลังเลเมื่อเหลือต้นไม้ที่มีสมบัติเหล่านี้อีกเพียงสองต้น  และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ

เจ้ามิอาจเป็นนักล่าได้ หากเจ้าเผาป่า !  อะไรที่มากเกินไปนั้นมิใช่เรื่องดี !

จวินโม่เซี่ยไม่เคยลังเลแต่น้อยเมื่อต้องทำลายอะไรบางอย่างอย่างถอนรากถอนโคน  อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยพบว่า เขาได้มีพฤติกรรมที่ดี เมื่ออยู่ในสถานที่แห่งสรวงสวรรค์นี้

 

อะไรที่มากเกินไปก็มิใช่สิ่งที่น่าพอใจเช่นกัน !

 

จวินโม่เซี่ยมองไปรอบๆ และประหลาดใจที่พบว่า สถานที่เพาะปลูกตามธรรมชาตินั้นถูกซ่อนอ้อมกอดของธรรมชาติ  และทุกคนสามารถพบส่วนผสมล้ำค่าเหล่านี้ได้ ภายในพุ่มไม้ …

 

นี่เป็นที่มาของ ความสงบทางจิตวิญญาณหรือ ?

 

จวินโม่เซี่ยรู้สึกตระหนกและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

คนสามารถพบกับถ้ำได้หากพวกเขาเดินอ้อมต้นไม้  แต่ ต้นไม้เหล่านี้พาดผ่านเพื่อปิดบังทางเข้าถ้ำเอาไว้  ความจริง เขาเชื่อว่าแม้แต่ลมและฝนก็ไม่อาจส่งผลต่อพื้นที่ภายในถ้ำนี้ไว้ได้

ถ้ำนี้ต้องแห้งอย่างผิดปกติ !

 

จากนั้น คุณชายน้อยจวิน ได้ยินเสียงอันเบาบางจากปากถ้ำ

อย่าบอกข้านะ … มีบางคนอาศัยอยู่ที่นี่ ?  แต่ จิตสัมผัสของ้ขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติในพื้นที่นี้ … ?

จวินโม่เซี่ยรู้สึกตระหนกขึ้นทันที  เขาเร่งรีบกระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง และลอยอยู่ในถ้ำในสภาพล่องหน …

 

เขาเดินไปข้างหน้า และมองเข้าไปในถ้ำ  ทันใดนนั้นปากของเขาก็อ้ากว้างเป็นตัวโอ ด้วยความประหลาดใจ

 

บางสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดปรากฏขึ้นต่อสายตาของเขา  เขาคิดว่าสถานที่นี้ลี้ลับอย่างยิ่ง  เขาคิดว่าแม้แต่นกก็ไม่เอาจเข้ามาที่นี่ได้  เช่นนั้น เขาจึงสันนิฐานว่าสถานที่นี้เป็นที่พำนักของผู้ยิ่งใหญ่บางคน !   หรือ … อย่างนี้เป็นที่พำนักของอสูรเชวียนที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ …

 

เพียงแค่ความแข็งแกร่งและฝีมือเช่นนั้นจึงคู่ควรกับสภาพแวดล้อมนี้

 

แต่ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขานั้นคือห้องที่ถูกสร้างด้วยหินอันว่างเปล่า  ความจริงภายในนั้นไม่มีแม้แต่เตียงนอน  มันควรถูกเรียกว่าที่ทิ้งขยะ  มีชุดคลุมสีดำอยู่บนพื้นตรงกลาง  มันวางอยู่ราวกับขยะที่ถูกทิ้งไว้  ความจริง มันไม่อาจถูกเรียกได้ว่าเสื้อคลุมสีดำจากความเห็นของจวินโม่เซี่ย  ของสิ่งนั้นเป็นเหมือนกับผ้าสีดำชิ้นใหญ่  เขารู้สึกว่าแม้แต่ช้าก็ดูผอมเพรียวภายใต้ชุดคลุมนั้น และไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ … ชุดคลุมนั้นสามารถคลุมตัวของมนุษย์ทุกคนได้ทั้งตัว … แม้นว่าจักพับผ้าคลุมนั้นแล้วสักสองสามทบ

 

ชุดคลุมสีดำมีรอยเลือดเล็กๆเปื้อนอยู่  ไม่อาจรู้ได้ว่ามันไปเปื้อนรอยนั้นมาจากที่ใด  สิ่งมีชีวิตสีขาวเล็กๆที่แทบไร้ชีวิตนอนอยู่บนผ้าคลุมผืนนั้น  จวินโม่เซี่ยเพ่งมองไปยังสิ่งมีชีวิตนี้อย่างรวดเร็ว  สิ่งมีชีวิตนี้มองผิวเผินดูเหมือนกับเจ้าขาวน้อย…

 

แต่ เมื่อเขามองอย่างตั้งใจ และรู้ได้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้มิใช่เจ้าขาวน้อย  อสูรที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้น มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของแขนคน  ทั้งร่างของมันนันขาว และไม่มีขนแม้แต่ส้นเดียว  แต่ สิ่งมีชีวิตสีขาวนั้นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และมองดูสง่างาม ….

 

เจ้าสิ่งที่อ่อนแอ่นี้มองไปยังจวินโม่เซี่ยขณะที่เขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของมัน  แต่ ดวงตาของมันไม่ปรากฏถึงน่องรอยแห่งความกลัว  มันหันไม่มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความ สงบ ชัดเจน และแม้แต่ความหยิ่งยะโสที่ไม่อาจอธิบายได้ …

 

จากนั้น เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยดูเหมือนจักยอมจำนนต่อบางสิ่ง และก้มหัวลง  มันเงียบไปในทันทีจนดูเหมือนว่าชีวิตและความตายนั้นไร้ความหมายในสายตาของมัน  อย่าไรก็ตาม ร่างเล็กๆนั้นม้วนงออย่างไร้ประโยชน์ในผ้าคลุมสีดำจนทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนโยนขึ้นในหัวใจ

 

จวินโม่เซี่ยมิได้ไม่ชอบสัตว์  แต่นิสัยของเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยง  เขามิไม่ชอบหรือไม่ชอบเจ้าขาวน้อย  แต่ จู่ๆเขารู้สึกอย่างรุนแรงว่าต้องปกป้องเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าของเขา

 

และ มันคือความรู้สึกที่วิเศษยิ่งนัก ….

 

” เจ้าตัวเล็ก เจ้าบาดเจ็บหรือ ? “

จวินโม่เซี่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นขณะที่เขาค่อยๆนั่งลงขณะมองไปยังอสูรตัวน้อย

 

เจ้าตัวเล็กก้มหัวลงอย่างเฉยเมย  ดูเหมือนไม่สนใจ  ไม่แน่ชัดว่ามันเข้าใจวาจาของคุณชายน้อยจวินหรือไม่ … หรือมันแค่มิได้สนใจ….

 

จวินโม่เซี่ยเห็นท่าทีเฉยชาและน่ารักของเจ้าสิ่งนี้ ทำให้เขานึกถึงเหตุที่ ตู่กู้เซี่ยวอี้มายังเทียนฟา  นางต้องการจับ พังพอนหิมะ จากนั้นนางต้องการใช้หนังองมันเพื่อเย็บเสื้อให้ปู่ของนางรัดไว้ตรงเอวที่ได้รับบาดเจ็บ

 

เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้ดูเหมือนกับ อสูรเชวียนในตำนาน พังพอนหิมะ

 

แต่ จวินโม่เซี่ย ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่งไอที่เหมือนอสูรเชวียนจากมันได้แม้แต่น้อย … แม้นจักตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว  ดังนั้น ชัดเจนว่านี่มิใช่พังพอนหิมะขั้นเก้า..หรืออสูรชนิดเดียวกัน  ความจริง มันอาจมิใช่อสูรเชวียนตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำ !

 

หรือมันจักเป็นเพียง ลูกพังพอนธรรมดา  ?  แต่ เหตุใดมันจึงดูงดงามนัก ?

 

จากนั้น จวินโม่เซี่ยค่อยๆยื่นมือออกไป และสัมผัสเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวอย่างแผ่วเบา  แต่ เจ้าตัวน้อยก็ยังคงก้มหัวต่ำ … เช่นเคย  มันยังคงสงบนิ้ง แต่ร่างกายของมันเริ่มแข็ง

 

” ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว เจ้าตัวเล็ก ! ”

จวินโม่เซี่ยยิ้ม

” อย่ากังวลไป ข้าเป็นคนดี …. คนดีมากๆ  มา เถอะเจ้าตัวน้อย … ข้าจักดูแผลของเจ้า  ข้าจักให้ยาเจ้า ! ”

 

คนดีหรือ … ?  นี่เป็นครั้งแรกที่จวินโม่เซี่ยเรียกตัวเองว่าคนดี ตั้งแต่เขามีชีวิตมาสองภพ ….

 

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนดีอย่างแท้จริงในสาตาของสิ่งมีชีวิตสีขาวตัวเล็ก …

 

เขาเคลื่อนลมปราณไปรอบๆตัวเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ตอนนี้เขาอุ้มมันไว้ และตรวจดูเล็กน้อย

 

แต่ ยังมีบางสิ่งที่จวินโม่เซี่ยยังไม่อาจสังเกตได้  เขาจับ สิ่งมีชีวิตตัวนั้นได้ไม่ถึงวินาที ในตอนที่หูของมันตั้งขึ้น  จากนั้นมันเบิกตากว้าง  ความจริง ประกายแวววาวเกิดขึ้นจากส่วนลึกในดวงตา  แต่ จากนั้นมันก็สัมผัสได้ถึงปราณอันน่าอัศจรรย์ที่มาจากร่างของคุณชายน้อยจวิน  และมันเพ่งมองอย่างงุนงงชั่วครู่  ความจริง ตอนแรกดูเหมือนมันสับสนอย่างมาก แต่ ไม่นานมัน ก็ค่อยๆหลับตาลง …..