บทที่ 573 ต่อกรกับพี่น้องตระกูลเซียว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อถูกคนที่น้ำหนักไม่น่าจะน้อยกว่าสองร้อยปอนด์อย่างเซียวหยุนกระแทกใส่ เย่เทียนก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก และถูกกระแทกจนถอยหลังออกไป

“พี่เซียวหยุน สุดยอดเลย!”

“น้องเซียว เท่ห์สุดๆ ไปเลย!”

พอพวกบอดี้การ์ดของตู้เคอหลินเห็นแบบนั้น ก็พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาทันที

แม้แต่ตัวตู้เคอหลินเองก็ยังทำน้าดีใจเลย

หันมองไปที่พวกจี้เยียนหรันนั้นกลับตรงกันข้ามเลย ตอนนี้ใบหน้าได้ถูกความกังวลปกคลุมไปเป็นที่เรียบร้อย

“เยียนหรัน เย่เทียนจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

ถึงหยุนเหมิงหยานจะรู้ว่าเย่เทียนแข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็ยังเสียเปรียบจนต้องจับมือของจี้เยียนหรันเอาไว้

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็มีเธอเป็นต้นเหตุ ถ้าเย่เทียนเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง เธอคงต้องรู้สึกผิดอย่างแน่นอน

“เหมิงหยาน ต้องเชื่อใจในตัวเย่เทียน เขาต้องไม่เป็นไร”

จี้เยียนหรันพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นก็เผยให้เห็นความกังวลที่อยู่ภายในเหมือนกัน

“ไม่ได้ เห็นทีผมคงต้องตามคนมาช่วยแล้วล่ะ!”

พอเห็นเย่เทียนกำลังเสียเปรียบ สีหน้าของเซวฟู่ยี่ก็ดูแย่ขึ้นมาเหมือนกัน จึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรขอความช่วยเหลือ

ฟู่ฟู่!

อย่างไรก็ตาม เย่เทียนสูดหายใจเข้าไปหลายที ถึงทำให้ความรู้สึกอึดอัดในอกทุเลาลง

การถูกเซียวหยุนกระแทกใส่โดยไม่ทันตั้งตัวนั้น ทำให้เขาหายใจแทบไม่ทัน การที่น้ำหนักตัวเยอะมันก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เย่เทียนก็ไม่มีอะไรให้กลัว จิ้มขาลงพื้นอย่างกะทันหัน แล้วพุ่งโจมตีไปที่เซียวหยุน บาทาใหญ่โตอันโหดเหี้ยมก็ได้จู่โจมไปที่ช่วงล่างของเซียวหยุน

เซียวหยุนที่เห็นแบบนั้น สีหน้าก็ดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที เขายังนึกว่าเย่เทียนจะสู้กับตรงๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แต่ไม่นึกเลยว่าเย่เทียนจะมีไหวพริบจนมองช่วงล่างที่เป็นจุดอ่อนของเขาออกได้เร็วขนาดนี้

หัวสมองหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เซียวหยุนตอบสนองออกมาอย่างไม่พอใจ โดยรีบก้าวถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีของเย่เทียนออกไป

เย่เทียนที่เห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างไม่ชอบใจออกมาที่มุมปาก แบบบ่นออกมาว่าเป็นอย่างที่คิด ถึงศักยภาพที่มือของเซียวหยุนคนนี้จะร้ายกาจมาก แต่ศักยภาพทางขานั้นคงไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้นหรอกมั้ง?

ไม่รอให้ เซียวหยุนได้พักหายใจ เย่เทียนก็ได้พุ่งเข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โหมการโจมตีไปที่ช่วงล่างของเซียวหยุน เล่นงานไปที่จุดอ่อนของเขา

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองดูการต่อสู้ของทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่เหวอๆ ต่อให้ฝันก็นึกไม่ถึงว่าการต่อสู้จะพลิกได้เร็วขนาดนี้ เมื่อกี้เซียวหยุนยังเป็นฝ่ายกดดันเย่เทียนอยู่เลย นี่มันเพิ่งผ่านไปนานแค่ไหน ทำไมมันถึงพลิกผันไปแล้วล่ะ?

คิ้วของตู้เตอหลินขมวดเป็นปม รีบเดินไปข้างๆ เซียวเจี้ยนแล้วพูดเตือนไปว่า “เซียวเจี้ยนดูท่าสถานการณ์น้องชายคนนั้นของนายจะไม่ค่อยสู้ดีนักนะ?”

“คุณชายตู้ จะพูดอย่างนั้นมันยังเร็วเกินไป”

เซียวเจี้ยนกลับส่ายหน้า “จนถึงตอนนี้ น้องชายของผมยังไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาเลย จะแพ้หรือชนะมันยังไม่แน่”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ดวงตาสีดำของเซียวเจี้ยนกลับเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เขาพูดเลยสักนิด!

พอตู้เคอหลินได้ยินแบบนั้น ก็ทำได้แค่พยักหน้าอย่างหนักใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขามีแต่ต้องเชื่อมั่นในตัวพี่น้องตระกูลเซียวแล้ว

“พี่เหมิงหยานครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมไปโทรศัพท์แค่แปบเดียว ทำไมมัน……”

ในทันใดนั้น เซวฟู่ยี่ที่โทรศัพท์เสร็จก็หันหน้ากลับมา แล้วพบว่าผลการต่อสู้ได้พลิกไปแล้ว จึงได้ทำหน้างงขึ้นมาทันที

“หุบปาก! อยู่เงียบๆ!”

แต่น่าเสียดาย ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หยุนเหมิงหยานก็โบกมือขัดจังหวะด้วยความตื่นเต้น ดูจากหน้าตาที่ตื่นเต้นของเธอ เกรงว่าคงลืมเรื่องที่ตนถูกตู้เคอหลินตบหน้าจนไม่เหลือแล้ว

จนถึงขั้นว่า ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้อ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเอาเก้าอี้มานั่งดูพร้อมแกะเมล็ดทานตะวันกินไปแล้วแต่จี้เยียนหรันนั้นไม่ได้ใจร้ายใจดำเหมือนกับหยุนเหมิงหยาน แต่ถ้าเธอเข้าไปก็มีแต่จะเป็นแค่ตัวถ่วง จึงทำได้แค่ร้อนใจอยู่ตรงนี้ โดยช่วยอะไรเย่เทียนไม่ได้เลย

แต่สิ่งที่ทุกคนไม่ทันได้สังเกตก็คือ ไม่รู้ว่าหลู่ซีซานเถ้าแก่ของบาร์แห่งนี้มาอยู่ด้านหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยืนดูเย่เทียนที่กำลังต่อสู้อย่างเงียบๆ ดวงตาที่สวยงามเป็นประกายระยิบระยับ และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ในตอนนี้ ในที่สุดเซียวหยุนที่เอาแต่หลบหลีกก็หาโอกาสได้ครั้งหนึ่ง หลังจากที่หลบการโจมตีของเย่เทียนออกไปอย่างรวดเร็วแล้ว จากผู้ถูกกระทำก็แปรเปลี่ยนเป็นผู้กระทำ สองมือโบกสะบัดจนเกิดเป็นภาพซ้อน และโจมตีไปที่เย่เทียน

“หืม?!”

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ไม่คิดที่จะสวนกลับไปตรงๆ แต่เลือกที่จะถอยออกมา

แต่ทว่า ตอนนี้ทั้งคู่นั้นสู้กันอยู่บนโถงทางเดิน ตอนนี้สองด้านของโถงทางเดินได้มีคนออกมามุงดูอยู่ตั้งนานแล้ว จึงไม่มีพื้นที่มากมายให้เย่เทียนถอยหลังสักเท่าไหร่!

ไม่นาน แผ่นหลังของเย่เทียนก็ชนเข้ากับกำแพง และหมดทางที่จะหนีแล้ว

“ผมยังไม่ยอมเชื่อหรอก!”

สีหน้าของเย่เทียนเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย ใช้ฝ่าเท้ายันไปที่กำแพง ในตอนที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ตรงกำแพง เขาก็อาศัยแรงส่งนั้นพุ่งเข้าใส่เซียวหยุนในทันที

“คิดจะเทียบพละกำลังกับฉัน? อย่างแกมันยังอ่อนไป!”

พอเห็นเย่เทียนพุ่งตัวเข้ามา เซียวหยุนก็ยิ้มอย่างขบขันออกมาที่มุมปาก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมอย่างรวดเร็ว สองมือโบกสะบัดได้เร็วและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!

ตูม!

เย่เทียนกะจังหวะที่เหมาะสม แล้วซัดกำปั้นใส่ฝ่ามือของเซียวหยุนอย่างแรง

แต่ว่า ทั้งคู่กลับไม่ได้กระเด็นออก

ถึงแม้เย่เทียนจะถูกแรงต้านอันมหาศาลนั่นทำให้โซเซไปบ้าง แต่เขาก็กัดฟันฝืนทนไม่ยอมให้ตัวเองถอยหลัง แต่กลับทำเหมือนคนบ้า โหมกระหน่ำกำปั้นทั้งสองใส่เซียวหยุนราวกับพายุที่บ้าคลั่ง

เซียวหยุนเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า กัดฟันแล้วซัดฝ่ามือใส่เย่เทียนอย่างบ้าคลั่งเหมือนกัน

ทันใดนั้น ในโถงทางเดินก็เกิดเสียงตุบตับตุบตับดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

ภาพที่เกิดขึ้นทำเอาทุกคนที่เห็นถึงกับตื่นตาตื่นใจกันเลยทีเดียว นี่มันยังเรียกว่าการต่อสู้ได้อีกเหรอ? มันต้องเรียกว่าแลกชีวิตกันแล้ว!

แกชกฉันทีหนึ่ง ฉันตบแกทีหนึ่ง ใครที่ยันไม่ไหวก็จะแพ้ไปก่อน

จากความล้มเหลวในตอนแรก เย่เทียนก็ไม่ได้โจมตีไปที่หน้าท้องของเซียวหยุนอย่างชาญฉลาด แต่กลับมุ่งเป้าไปที่หัวของอีกฝ่าย ทุกหมัดที่ชกไปนั้นรุนแรงมาก พร้อมกับท่าทางที่ไม่ยอมลดละ

ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งคู่ก็ประมือกันไปสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว ต่างคนต่างซัดใส่อีกฝ่ายไปแล้วหลายครั้ง

แต่ว่า ตำแหน่งส่วนใหญ่ที่เย่เทียนถูกโจมตีนั้นเป็นลำตัว แต่เซียวหยุนกลับเป็นที่หัว เมื่อเทียบกันแล้ว ก็ดูจะเสียเปรียบมากเลย!

ตุบ!

เบ้าตาของเซียวหยุนถูกเย่เทียนชกไปอีกทีหนึ่ง ทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหวไปครึ่งวิอย่างช่วยไม่ได้

เย่เทียนรีบไขว่คว้าโอกาส เตรียมแรงที่จะโจมตี ตั้งใจที่จะล้มเซียวหยุนให้ได้

ซิ่วซิ่ว!

และในตอนนั้นเอง เย่เทียนก็รับรู้ได้ถึงเสียงแหวกอากาศที่ดังขึ้นข้างๆ จึงรีบก้าวถอยหลังพร้อมกับยกมือขึ้นมาป้องกัน

ปั้ง!

แขนของเย่เทียนสัมผัสถึงแรงกระแทกอันมหาศาล ทำเอาเขาถึงกับเซไปข้างๆ ตั้งหลายก้าวอย่างช่วยไม่ได้ พอทรงตัวได้แล้วหันไปมอง คนที่ลอบโจมตีมานอกจากเซียวเจี้ยนแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?

“คุณชายตู้ รู้แบบนี้เราก็ให้เซียวเจี้ยนออกโรงไปนานแล้ว ไม่อย่างนั้น…..”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่เห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนไปที่ตู้เคอหลิน

“หุบปาก!”

ตู้เคอหลินได้ถลึงตาใส่บอดี้การ์ดคนนั้นทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ แต่เขาไม่สามารถสั่งการอีกฝ่ายได้เลยนี่นา!

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

เซียวเจี้ยนใช้ลูกเตะกดดันเย่เทียนจนถอยไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าได้เปรียบจึงหยุดโจมตี มายืนอยู่ข้างๆ เซียวหยุนแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร”

เซียวหยุนขยี้ตา ถึงรู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังหยีตาอยู่ดี บวกกับร่างกายที่อ้วนท้วนของเขา จึงทำให้มองไม่ออกเลยว่าเขากำลังลืมตา? หรือหลับตากันแน่?