บทที่ 572 คุกเข่าลงแล้วฉันจะบอกแก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เย่เทียน ฉันยังหนักใจอยู่เลยว่าจะหาแกไม่เจอ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะมาหาฉันถึงที่แบบนี้!”

กับความโมโหของเซวฟู่ยี่ ตู้เคอหลินก็แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย และได้หันมองไปที่เย่เทียนอีกครั้ง

นี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดคาดอะไรมากมาย เขานั้นเป็นแค่คุณชายใหญ่ที่ถูกเอาใจจนเสียคน จึงไม่ค่อยสนใจผลที่จะตามมาสักเท่าไหร่

เย่เทียนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ตู้เคอหลิน ผมหักแขนคุณไปข้างหนึ่งคงยังไม่พอ คงต้องหักเพิ่มอีกข้างแล้วล่ะ!”

“เย่เทียน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับแขนฉัน แกใช้มนต์ดำอะไรกันแน่?”

เย่เทียนไม่พูดยังไม่เป็นไร พอเย่เทียนพูดถึง ตู้เคอหลินก็โมโหขึ้นมาทันที

“คุกเข่าลงมาขอร้องสิ แล้วผมจะบอกคุณ!”

เย่เทียนขำอย่างไม่ชอบใจไม่ยอมหยุด เขาแค่สกัดจุดบนแขนของตู้เคอหลินเท่านั้น แค่หานักบู๊สักคนที่รู้จักจุดฝังเข็มบนร่างกายก็สามารถคลายมันได้อย่างง่ายดายแล้ว

การที่เขาทำแบบนี้ แค่อยากให้ตู้เคอหลินไปหาคนของสำนักกุยอีผ่านทางตู้เฮิงฉุนเท่านั้น แบบนี้เขาถึงสามารถรับรู้ข้อมูลของแก๊งหย่งเย่ได้มากขึ้น

“แกตายแน่!”

ตู้เคอหลินตกใจ พูดพร้อมกัดฟันแน่นว่า “เย่เทียน วันนี้มันต่างจากที่ผ่านมา ความอัปยศที่แกมอบให้ฉัน วันนี้ฉันจะให้แกต้องชดใช้เป็นร้อยเท่า!”

“คุณเนี่ยนะ? ไม่มีน้ำยาหรอก!” เย่เทียนส่ายหน้าอย่างดูแคลน

“เย่เทียน ฉันรู้ว่าแกสู้เก่ง แต่วันนี้แกได้ตายอย่างแน่นอน!”

ตู้เคอหลินหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ยกมือชี้ไปที่พี่น้องตระกูลเซียว “เห็นสองท่านนี้มั้ย? พวกเขาเป็นคนที่พ่อฉันเชิญมาด้วยราคาที่สูงลิ่ว มาเพื่อจัดการกับแกโดยเฉพาะ!”

“ถ้าแกคุกเข่าแล้วขอโทษฉันตอนนี้ ไม่แน่ฉันอาจจะให้แกได้ตายดีก็ได้!”

“นี่คุณยังไม่ได้นอนหรือกำลังฝันอยู่กันเนี่ย?”

เย่เทียนเบ้ปากอย่างไม่ให้เกียรติ แต่สายตาที่มองไปยังพี่น้องตระกูลเซียวกลับดูระมัดระวังขึ้นมา

“จะตายอยู่แล้วยังจะปากแข็งอีก?”

ตู้เคอหลินขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ ไม่อยากพูดมากกับเย่เทียนแล้ว จึงหันไปสั่งพวกบอดี้การ์ดว่า “นี่พวกแกจะมัวยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม! หักแขนทั้งสองข้างของไอ้สารเลวนั่นซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”

“คุณชายตู้ กับไอ้หมอนี่ที่ดูปวกเปียกแบบนี้ ผมแค่คนเดียวก็เกินพอแล้วครับ!”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งกวาดตามองเย่เทียนด้วยความดูถูก แล้วพุ่งตัวเข้าไปคนเดียว ยกมือขึ้นมาแล้วชกไปที่หน้าของเย่เทียนอย่างแรง

ซิ่ว!

พอเห็นบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามา เย่เทียนก็ยิ้มอย่างไม่ชอบใจออกมาที่มุมปาก ในตอนที่กำปั้นของบอดี้การ์ดคนนั้นจะชกโดนหน้านั้น เขาก็เอนหัวทันที ดูเเล้วเหมือนจะอันตราย แต่ความจริงเขากลับหลบออกอย่างปลอดภัย

“กะอีแค่ความสามารถแค่นี้ยังคิดที่จะเล่นงานผมอีก? กลับบ้านไปฝึกอีกร้อยปีเถอะ!”

เย่เทียนส่ายหน้าอย่างดูแคลน แล้วซัดกำปั้นออกไปอย่างฉับพลัน ชกใส่ที่ท้องของบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างแรง

ตุบ!

หมัดกับเนื้อปะทะกันจนเกิดเป็นเสียงดัง บอดี้การ์ดคนนั้นได้พุ่งออกไปราวกับลูกธนูที่ออกจากคัน เด้งกลับออกไปกลางอากาศ แล้วกระแทกไปที่โซฟาอย่างแรง

บอดี้การ์ดที่น่าสงสาร ยังไม่ทันที่จะได้โอดครวญสักทีก็หมดสติไปแล้ว

ซี๊ด!

ภาพที่เว่อร์วังนั้น ทำให้ทุกคนตรงนั้นนอกจากพี่น้องตระกูลเซียวก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจดังซี๊ด สายตาที่มองเย่เทียนก็ดูซับซ้อนขึ้นมา

ต้องรู้ก่อนว่า บอดี้การ์ดคนนั้นอย่างน้อยก็น่าจะหนักร้อยห้าสิบปอนด์ แต่กลับถูกเย่เทียนชกจนกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายแบบนี้ พละกำลังนี้มันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ?

ถึงแม้ตู้เคอหลินจะเคยเห็นความร้ายกาจของเย่เทียนมาแล้ว แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นมันอีกครั้ง ในใจก็ปฏิเสธที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้

ส่วนบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่เหลือก็ถึงกับกลืนน้ำลาย ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ และในใจก็อยู่ไม่สุขเลยสักนิด

หันมองไปที่พี่น้องตระกูลเซียว สีหน้าที่เกียจคร้านนนั้นก็ได้หายไปไม่เหลือหลอ และแทนที่ด้วยสีหน้าที่ระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม ตู้เคอหลินก็รีบถอยไปหลบอยู่ข้างตัวพี่น้องตระกูลเซียว และรีบพูดไปว่า “พะ พี่น้องตระกูลเซียว พวกนายสองคนยังมัวนั่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปจัดการไอ้หมอนั่นอีก!”

เซียวเจี้ยนพยักหน้าเบาๆ ลุกขึ้นมาทันที เดินไปตรงหน้าเย่เทียนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ประสานมือแล้วพูดไปว่า “ข้าน้อยเซียวเจี้ยนนั่นคือน้องชายของผมเซียวหยุน ไม่ทราบว่าคุณมีนามว่าอะไรครับ?”

พอเซียวหยุนได้ยินอย่างนั้น ก็รีบหยุดกินแล้วลุกตามขึ้นมา แถมยังไม่ลืมที่จะเลียนิวมือไปด้วย

“เย่เทียน!”

เย่เทียนจ้องมองสองพี่ตระกูลเซียวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ดวงตาสีดำคู่นั้นลึกซึ้งราวกับดวงดาว พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ ผมว่าพวกคุณอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งจะดีกว่า!”

“จะพูดแบบนั้นไม่ได้ ยังไง…..”

เซียวเจี้ยนเองก็ไม่ได้โมโห ยังคงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “รับเงินคนอื่นมาแล้ว ก็ต้องขจัดภัยให้คนอื่นสิ!”

เซียวหยุนที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวจนพูดออกมาว่า “” ฉันรู้สึกหมั่นไส้แกมาก แกยอมให้จับซะดีๆ เถอะ! ไม่อย่างนั้นฉันกลัวตัวเองจะอดไม่ไหวจนเผลอฆ่าแกจนตาย!”

ผุบ!

แต่คำพูดนี้ของเขากลับทำให้เซวฟู่ยี่ทนไม่ไหวจนขำออกมา “ฉันว่าพวกนายสองคนคงดูหนังเยอะไปแล้วสินะ? เมื่อกี้ไม่เห็นพี่ใหญ่ของฉันลงมือรึไง? จะให้ยอมจับแต่โดยดี? น่าขันสิ้นดี!”

“ถูกต้อง! น้องยี่พูดถูก! นี่พวกแกคิดว่ากำลังถ่ายหนังอยู่รึไง? ดูสารรูปของพวกแกสิ คิดว่าตัวเองเป็น คู่อ้วนผอมรึไง?”

พอเห็นว่ามีคนจะแก้แค้นให้ตน หยุนเหมิงหยานที่ยังร้องไห้ฟูมฟายอยู่เมื่อกี้ก็ได้ฮึกเหิมขึ้นมา

เซียวเจี้ยนยังคงไม่โมโห ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “นี่น้องชาย ถึงคำพูดของน้องผมจะดูเสียมารยาท แต่สิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นความจริง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราหรอก”

“เมื่อเป็นแบบนี้ เรามาพิสูจน์กันเลยดีกว่า!”

เย่เทียนส่ายหน้าด้วยความจนใจ แต่สีหน้ากลับดูจริงจังขึ้นมา

ทันทีที่สิ้นเสียง เซียวหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็ลงมือทันที ห้านิ้วผสานเป็นฝ่ามือ เกิดเป็นภาพซ้อนแล้วพุ่งตรงมาที่เย่เทียน!

เมื่อยอดฝีมือได้ลงมือ ก็จะรู้ทันทีว่าจริงไหม!

ถึงเซียวหยุนจะดูอ้วนไปนิด แต่กลับเคลื่อนไหวได้เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นวิสับทัศน์ของเย่เทียนก็แทบจะมองตามไม่ทันแล้ว

“พี่เซียวหยุน ทำให้ไอ้หนูที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี้ได้รู้ถึงความร้ายกาจของพี่หน่อย!”

“น้องเซียว เหวี่ยงไอ้ชาติชั่วนี่ให้ตายเลย ดูซิมันยังจะสามหาวได้อีกมั้ย!”

“พี่เซียว เอาคืนให้คุณชายตู้หน่อย แก้แค้นให้เหล่าซุนด้วย!”

เมื่อเซียวหยุนทำการโจมตีอย่างกะทันหัน จึงทำให้บอดี้การ์ดอีกสี่คนพากันส่งเสียงเชียร์กันขึ้นมา

ตู้เคหลินนั้นมองดูการต่อสู้ของทั้งคู่อย่างจริงจังจนแทบลืมหายใจ ตอนนี้พี่น้องตระกูลเซียวเป็นไพ่ตายสุดท้ายที่เขามีแล้ว!

ถ้าชนะได้ก็ดีไป แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา เขาก็แทบไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่จะตามมาเลย

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้านหลังก็เป็นพวกเซวฟู่ยี่แล้ว เขาจึงถอยหลังไม่ได้ และห้ามหลบเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็อาจจะบาดเจ็บได้

แล้วเห็นเขาออกแรงที่เท้า ยืนอย่างมั่นคงราวกับฝังรากลงดิน สองมือประสานไว้ที่อก เตรียมที่จะตั้งรับการโจมตีของเซียวหยุน

ปั้ง!

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ฝ่ามือทั้งสองของเซียวหยุนซัดใส่ท่อนแขนของเย่เทียน

สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงแรงอันมหาศาลที่ส่งมือจากแขน และต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้

“พวกคุณสามคนถอยหลังไปหน่อย”

พวกจี้เยียนหรันตั้งสติได้ทันที ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเป็นเพราะพวกตนยืนใกล้เกินไปจนทำให้เย่เทียนต้องกังวล จึงรีบถอยหลังไปทันที

เซียวหยุนเซียวหยุนเองก็ไม่ได้ถือโอกาสนี้ทำการโจมตี รอคนทั้งสามถอยหลังไปแล้ว ถึงพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เย่เทียนอีกครั้ง กำปั้นที่ใหญ่เท่ากระทะได้พุ่งเข้าใส่เย่เทียนอย่างแรง

เย่เทียนที่ไม่ต้องกังวลคนทั้งสามก็ได้กางแขนกางขาออก ระหว่างที่บิดเอวหลบ กำปั้นข้างหนึ่งก็ซัดเข้าไปที่ท้องของเซียวหยุนอย่างจัง

แต่ทว่า เย่เทียนกลับรู้สึกเหมือนหมัดนี้ถูกชกเข้าไปในก้อนเต้าหู้เลย มันออกแรงไม่ได้เลย!

“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก ยอมแพ้ไปซะเถอะ!”

เซียวหยุนส่ายหน้าอย่างดูแคลน ถีบขาออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่อ้วนท้วนก็กระแทกตัวใส่เย่เทียนอย่างรวดเร็ว…