บทที่ 571 โลกนี้มันช่างเล็กซะเหลือเกิน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คนสวย ถ้าเธอยอมไปกับฉัน ฉันรับปากเลยว่าในหนึ่งเดือนฉันจะให้เธอไม่ต่ำกว่าแสนแน่นอน!”

ภายในห้องวีไอพี ตู้เคอหลินเดินไปหาหยุนเหมิงหยานด้วยสีหน้าสบายๆ ยื่นมือเพื่อจะบีบคางของเธอ

ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น ไม่แน่ก็อาจจะเห็นแก่เงินแสนหนึ่งแล้วยอมไปอยู่กับตู้เคอหลินก็ได้ แต่ไม่ใช่หยุนเหมิงหยานแน่นอน!

“ไสหัวไป! ถ้าขาดผู้หญิงก็กลับบ้านไปหาแม่แกไป!”

หยุนเหมิงหยานตวาดด้วยความโมโห แล้วหลบออกจากมืออ้วนที่ยื่นมาของตู้เคอหลินอย่างรวดเร็ว

แต่สุดยอดหญิงแกร่งแห่งกองทัพที่น่าสงสารนั้น ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ เธอได้กลับเป็นหญิงสาวที่อ่อนแออีกครั้งถ้าไม่เพราะสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติและพยายามควบคุมสติเอาไว้ ไม่แน่ตอนนี้เธออาจจะหมดสติไปแล้วก็ได้

สีหน้าของตู้เคอหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเหวี่ยงมือขวาอีกข้างที่ยังว่างออกไปทันที พร้อมพูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมว่า “ในเมื่อเธอไม่เห็นค่าความหวังดีที่มอบให้ งั้นหลังจากที่กูสนุกกับมึงเสร็จแล้ว กูจะเอามึงไปให้พวกลูกน้องของกูได้สนุกกับมึงด้วยแล้วกัน”

หยุนเหมิงหยานไม่นึกว่าตู้เคอหินจะโมโหขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำอะไร แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ด้านชาทำให้เธอตอบสนองไม่ทัน จึงถูกตบไปที่หน้าอย่างจัง

แต่ว่า หยุนเหมิงหยานก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาเล่นงานง่ายๆ เธอได้เตะไปที่หว่างขาของตู้เคอหลินในทันที

“อุบ!”

เมื่อจุดสำคัญถูกโจมตี ตู้เคอหลินก็ได้คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ใช้สองมือกุมไว้แน่นๆ สีหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

“คุณชายตู้ คุณเป็นอะไรมั้ย?”

บอดี้การ์ดหลายคนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว รีบพยุงตู้เคอหลินเอาไว้

พี่น้องตระกูลเซียวมองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าที่ขบขัน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา แต่หัวไหล่ก็สั่นไม่ยอมหยุด เห็นได้ชัดว่าพยายามฝืนถึงขนาดไหน

“ไม่เป็นไรแม่มึงสิ! มาลองดูเองมั้ยล่ะ!” ตู้เคอหลินเจ็บจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว

พวกบอดี้การ์ดจะไปกล้าพูดอะไรอีกได้ยังไง ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ พร้อมกับหัวไหล่ที่สั่นไม่ยอมหยุด

ผุบ!

ทันใดนั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนหลุดขำออกมา แต่เขาก็รีบเอามือปิดปาก ตู้เคอหลินจึงตบใส่หัวคนที่หลุดขำออกมาทันที และพูดด้วยความโมโหว่า “ขำ ขำ ขำ ขำหาแม่มึงเหรอ! ยังไม่รีบไปจับตัวนังนั่นไว้อีก!”

“ครับ ครับ ครับ!”

พวกบอดี้การ์ดจะกล้าขัดข้องได้ยังไง แล้วเดินไปยังหยุนเหมิงหยานด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม

“นี่ พวกแกคิดจะทำอะไร!” หยุนเหมิงหยานเริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว

“ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ? ถ้ากูไม่เอาจนพรุ่งนี้มึงลงจากเตียงไม่ได้ กูขอเลิกแซ่ตู้เลย!”

ตู้เคอหลินหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย และหันไปพูดกับพวกบอดี้การ์ดอีกครั้ง “ยังมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบจับตัวแม่นั่นมาให้กูอีก!”

“คนสวย เธอจะมาโทษพวกเราไม่ได้นะ! ใครให้เธอไม่ยอมเชื่อฟังดีๆ เอง!”

บอดี้การ์ดสี่คนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และยื่นมือไปจับหยุนเหมิงหยานอย่างไม่รีบร้อน

หยุนเหมิงหยานกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เพื่อหวังว่าจะมีใครที่ผ่านทางมาได้ยินแล้วเข้ามาช่วย

“ร้องเลย! ยิ่งเธอร้องดังเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งตื่นเต้นเท่านั้น!”

ตู้เคอหลินกลับมาใจเย็นอีกครั้ง และยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง แต่สองมือของเขาก็ยังกุมแน่นอยู่ที่หว่างขา เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่หายเจ็บ

ปัง!

และในทันใดนั้นเอง ประตูของห้องวีไอพีก็ถูกคนถีบจากด้านนอกจนพังลงกับพื้น จนเกิดเป็นเสียงที่ดังสนั่น ทำเอาผู้คนที่อยู่ในห้องวีไอพีถึงกับตกใจ

หยุนเหมิงหยานได้หมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นเงาของคนสามคนอันคุ้นเคยที่อยู่ตรงประตู น้ำตาที่ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปได้ไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง และรีบวิ่งเข้าไปกอดจี้เยียนหรันไว้ทันที

“เหมิงหยาน ไม่ต้องกลัวนะไม่ต้องกลัว พวกเรามาแล้ว”

จี้เยียนหรันถึงกับอึ้ง จึงตบไปที่หลังของหยุนเหมิงหยานเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบใจ สายตาอันเป็นประกายที่มองไปยังพวกตู้เคอหลินกลับดูเคร่งขรึมขึ้นมา

หยุนเหมิงหยานที่เธอรู้จักนั้นเป็นถึงสุดยอดหญิงแกร่ง แต่ตอนนี้กลับตกใจจนเหมือนกับกระต่ายที่ตื่นกลัว

“ฮือฮือ……”

หยุนเหมิงหยันกลับร้องไห้ออกมาเสียงดังยิ่งกว่าเดิม “เยียนหรัน ฉันกลัวเหลือเกิน! ถ้าพวกเธอมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันก็อยากกัดลิ้นเพื่อฆ่าตัวตายแล้ว!”

จี้เยียนหรันปลอบเธอด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรแล้วนะ! ไม่เป็นไรแล้ว! มีเราอยู่ด้วย จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ทั้งนั้น”

เธอนั้นรู้จะนิสัยของหยุนเหมิงหยานดีว่าเป็นคนที่พูดจริงทำจริง เกรงว่าถ้าพวกเธอมาช้ากว่านี้อีกนิด ไม่แน่หยุนเหมิงหยานอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้วก็ได้

เมื่อถึงตอนนั้น ถ้าเซวหมานจื่อเกิดอาละวาดขึ้นมา อย่าว่าแต่ตู้เคอหลินเลย แม้แต่เมืองจินก็ต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน!

“บอกพวกเรามา ใครกันที่ทำร้ายคุณ?”

เย่เทียนสีหน้าเคร่งขรึม ด้วยความที่มีพวกบอดี้การ์ดขวางอยู่ เขาจึงมองไม่เห็นตู้เคอหลินตั้งแต่แรก

หยุนเหมิงหยานรีบห้ามน้ำตาหมุนตัวแล้วชี้ไปด้านในของห้องวีไอพี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นที่เปี่ยมด้วยความโหดเหี้ยมว่า “มัน! เป็นไอ้ชาติชั่วนั่น!”

“พี่เหมิงหยาน พี่ถูกตบเหรอ?”

ว่า พอหยุนเหมิงหยานเงยหน้าขึ้นมา ก็ทำให้ เซวฟู่ยี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นรอยฝ่ามือสีแดงบนใบหน้าเธอ

“อืม คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะ ไอ้ชาติชั่วนั่นแหละที่ตบหน้าฉัน!”

หยุนเหมิงหยานพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาบวมแดงคู่นั่นราวกับจะสามารถพ่นไฟออกมาได้

“เชอะ!”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งทนไม่ไหวจนก้าวออกมา “ของรักของเจ้านายเราได้พังคาตีนของนังนั่นไปแล้ว ยังจะมีหน้ามาร้องเรียนอีก?”

เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอนหัวเล็กน้อยเพื่อมองเข้าไปในส่วนลึกของห้องวีไอพี และในที่สุดก็มองเห็นตู้เคอหลินที่หลบอยู่ข้างหลังบอดี้การ์ดโดยเอามือทั้งสองข้างกุมไปที่หว่างขาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว

บนหน้าผากของเขายังมีเม็ดเหงื่อมากมายผุดออกมาไม่ยอมหยุด รู้ได้เลยว่าลูกเตะของหยุนเหมิงหยานนั้นรุนแรงแค่ไหน!

“เอ๋? ตลกนี้มันช่างแคบซะเหลือเกินนะ!”

เย่เทียนยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาที่มุมปาก “ตู้เคอหลิน ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!”

“เย่เทียน?!”

ตู้เคอหลินถึงได้เงยหน้าขึ้น พอเห็นหน้าเย่เทียนที่ยืนอยู่หน้าประตูชัดๆ ดวงตาทั้งสองข้างก็ลุกโชนขึ้นมาทันที

จนถึงวันนี้แขนขวาของเขายังไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เมื่อได้พบกับเย่เทียนอีกครั้ง มันจึงเป็นการพบหน้ากันของศัตรูอย่างไม่ต้องสงสัย มันจึงเป็นเรื่องที่น่าโมโหมากเป็นพิเศษ!

ตู้เคอหลินนั้นรู้สึกว่าแม้แต่สวรรค์ยังเข้าข้างตน เขาเองก็เพิ่งรับพี่น้องตระกูลเซียวมาเป็นลูกน้อง ศัตรูของตนก็ปรากฏตัว นี่มันเป็นโอกาสแก้แค้นที่สวรรค์มอบให้อย่างแท้จริง!

พอพูดอย่างนั้นออกไป บอดี้การ์ดห้าคนนั้นก็ถึงกับอึ้ง ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ตามตู้เคอหลินไปเกาะนกนางนวล แต่ก็พอรู้ว่าคนที่หักแขนตู้เคอหลินชื่อเย่เทียน ถ้าตอนนี้สามารถจัดการกับเย่เทียนได้ แล้วตู้เคอหลินจะไม่ตกรางวัลให้อย่างงามเหรอ?

พอคิดได้แบบนั้น สายตาของพวกบอดี้การ์ดที่มองไปยังเย่เทียนก็ไม่เป็นมิตรขึ้นมาทันที

“ดูท่า บทเรียนที่เคยให้คุณไปมันจะไม่ลึกพอสินะ!”

เย่เทียนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แล้วจะไปเห็นพวกบอดี้การ์ดอยู่ในสายตาได้ยังไง

“ตู้เคอหลิน?!”

ในตอนนี้เซวฟู่ยี่ก็สังเกตเห็นตู้เคอหลินแล้วเหมือนกัน เขาจึงพูดอย่างเดือดดาลขึ้นมาทันที “นี่แกอยากตายนักใช่มั้ย?”

ตู้เคอหลินชะงักไป สีหน้าก็ดูโมโหขึ้นมาทันที “เซวฟู่ยี่ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับแก แกอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”

ถึงแม้ตระกูลเซวจะไม่ธรรมดา แต่ตระกูลตู้ก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ ตู้เคอหลินจึงไม่ค่อยกลัวเซวฟู่ยี่สักเท่าไหร่

“ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”

เซวฟู่ยี่โกรธจนยิ้มออกมา จ้องมองตู้เคอหลินด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว “เธอคือคู่หมั้นของพี่ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน! เธอคือว่าที่พี่สะใภ้ของฉัน! แล้วแกยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉันอีกอย่างนั้นเหรอ?”

“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ เรื่องในวันนี้ ถ้าแกไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจกับฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าแกได้จบไม่สวยแน่! ฉันสัญญา!”