บทที่ 570 ความโกรธของเซวฟู่ย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ให้พวกเอ็งเริ่มก่อนจะดีกว่า! ถ้าเราเริ่มก่อน พวกเอ็งจะไม่มีโอกาสได้ลงมือ!”

เซี่ยวหยุนเตือนด้วยความหวังดี ทำให้บอดี้การ์ดทั้งสี่คนถึงกับโกรธจนหัวร้อน และรู้สึกว่ามันจะดูถูกมากเกินไปหรือเปล่า?

“อวดดีชะมัด!”

บอดี้การ์ดคนแรกตะโกนขึ้นมาและกระโดดออกไป จากนั้นต่อยหมัดใส่หน้าของเซี่ยวหยุนอย่างสุดกำลัง

พรึ่บ!

แต่น่าเสียดายที่เซี่ยวหยุนสามารถรับหมัดที่ชกเข้ามาด้วยสุดกำลังของบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างง่ายดาย

“เอ็งมีแรงแค่นี้เหรอ?”

เซี่ยวหยุนส่ายหัว จากนั้นใช้แรงที่ข้อมือ จนทำให้บอดี้การ์ดที่มีน้ำหนักประมาณเจ็ดสิบกว่ากิโกกรัมถึงกับลอยออกไป

พุ้ม!

บอดี้การ์ดผู้น่าสงสาร เขาสามารถรับรู้ถึงแรงอันมหาศาลจากมือของเขา ทั้งตัวของเขาลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงและฟาดไปที่พื้นอย่างจัง

เห็นเพียงเขาพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้

เมื่อตู้เคอหลินเห็นอย่างนี้ ดวงตาอันลึกล้ำของเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ดูเหมือนว่าพี่น้องตระกูลเซี่ยวพี่เหตุผลมากพอที่จะเรียกค่าตัวสูงลิ่วขนาดนี้!

ในทางกลับกัน เซี่ยวเจี้ยนยังคงนั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจ ซึ่งดูเหมือนเขาจะรู้ผลลัพธ์นี้ตั้งแต่แรกแล้ว

“ลุยพร้อมกัน!”

บอดี้การ์ดที่เหลืออีกสามคนต่างมองหน้ากันและต่างก็เห็นความหวาดกลัวนัยน์ตาของกันและกัน

เฮ้!

เมื่อพูดจบ บอดี้การ์ดทั้งสามก็วิ่งเข้าไปหาเซี่ยวหยุน ทั้งเตะและต่อย มุ่งไปยังเซี่ยวหยุนพร้อมกัน

แต่ทว่า ในขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เซี่ยวหยุนในระยะครึ่งเมตร ทันใดนั้น เซี่ยวหยุนที่มีรูปร่างอวบอ้วนที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปต่อหน้าต่อตา!

“โดนซะ!”

เซี่ยวหยุนพูดอย่างเบาๆ ร่างกายที่อวบอ้วนพุ่งเข้าไปหาบอดี้การ์ดคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว และคว้าชายเสื้อของเขามา จากนั้นเหวี่ยงออกไปสุดแรง

พุ้ม!

บอดี้การ์ดร่างใหญ่ก็ลอยตามเพื่อนคนแรกไปและกระแทกกับกำแพงอย่างจัง

ส่วนบอดี้การ์ดที่เหลืออีกสองคนก็หนีชะตากรรมที่ต้องเจอไม่พ้น พวกเขาโดนจับเหวี่ยงใส่ออกไปเหมือนเดิม และไม่มีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาสู้อีก

“โอ๊ย! เอวผม!”

เวลาผ่านไปไม่นาน บอดี้การ์ดทั้งสี่ก็นอนกองกับพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่สีหน้าของตู้เคอหลินกลับดูมีความสุขมาก แม้เซี่ยวหยุนจะมีรูปร่างอ้วนท้วนไปหน่อย แต่การเคลื่นไหวและพละกำลังของเขานั้น ไวและแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งมาก

“ไม่เลว! ไม่เลว! สมเป็นยอดฝีมือจริงๆ!”

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ตู้เคอหลินก็ยืนขึ้นพร้อมกับความตื่นเต้นและปรบมือให้กับพวกเขา

เซี่ยวหยุนลงมือได้พอเหมาะเท่านั้น จากนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก และยังคงแตะที่แผ่นหลังของตนด้วยสีหน้าความเจ็บปวด

“ดูพวกเอ็งสิ ปกติยังอวดดีต่อหน้าข้าว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน ตอนนี้เจอของจริงเข้าไปแล้วสินะ”

ตู้เคอหลินขมวดคิ้วและตำหนิบอดี้การ์ดของเขา “พวกเอ็งรู้สึกขายหน้ากันบ้างไหม?”

บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “คุณชายตู้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ……”

“ยืนทื่ออยู่ทำไม? ยังไม่รีบขอบคุณพี่เซี่ยวหยุนเขาที่ยอมออมมือให้!”

เขายังไม่ทันพูดจบ ตู้เคอหลินก็พูดแทรกขึ้นมาและเพ่งมองไปที่บอดี้การ์ดที่บ่นพึมพำอยู่

“ขอบคุณพี่เซี่ยวหยุนที่ออมมือครับ”

บอดี้การ์ดที่เหลือก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ได้แต่พูดเช่นเดียวกันกับเซี่ยวหยุน

การปะทะการเมื่อสักครู่นี้ ทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงความต่างชั้นของฝีมือ และตอนนี้พวกเขาต่างก็ยอมรับฝีมือของอีกฝ่ายมาก

เซี่ยวหยุนไม่ได้สนใจบอดี้การ์ด ได้แต่หันหลังกลับไปนั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบจานผลไม้ขึ้นมากินต่อ

กลับเป็นเซี่ยวเจี้ยนที่ยืนขึ้นแล้วยิ้มพูดกับตู้เคอหลินและคนของเขา “คุณชายตู้อย่าถือสาเลยนะครับ น้องชายของผมมันก็เป็นแบบนี้ของมันแหละครับ”

จากนั้นหันกลับมาและมองไปที่เหล่าบอดี้การ์ด “พี่ๆ ทั้งหลาย เมื่อกี้น้องชายผมอาจจะล้วงเกินไปหน่อย กรุณาอย่าได้ถือสากันเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรครับ”

เดิมทีบอดี้การ์ดยังไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยวเจี้ยนแล้ว ความโกรธภายในใจของพวกเขาก็หายไปทันที

“พี่น้องเซียว วันนี้ผมดีใจมากที่ได้ความช่วยเหลือจากคุณสองคนครับ”

ตู้เคอหลินหยิบเหล้าแล้วรินให้ทั้งสองคนละแก้วและยิ้มพูดว่า “มาครับ! ดื่มให้แก่ความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคตของเรา!”

ครั้งนี้เขามีความสุขจากใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยแพ้ให้กับเย่เทียนอย่างราบคาบ ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง เขามั่นใจเลยว่าคนที่แพ้นั้นจะต้องเป็นเย่เทียนแน่นอน!

“คุณชายตู้ ไม่ใช่ครับ ควรต้องเรียกเจ้านายถึงจะถูก”

เซี่ยวเจี้ยนตอบอย่างรวดเร็ว “คุณจะเกรงใจมากไปแล้วครับ”

“มา มา หมดแก้วกันครับ!”

ตู้เคอหลินยิ้มและพยักหน้าเบาๆ แล้วดื่มเหล้าในมือจนหมดแก้วทันที

พรึบ!

ก่อนที่เขาจะนั่งลง ประตูห้องวีไอพีถูกผลักออกอย่างกะทันหัน และบอดี้การ์ดในชุดสูทก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบก่อน

เมื่อเห็นบอดี้การ์ดที่เดินเข้ามาแล้ว มันจึงดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้อง นอกจากสองพี่น้องตระกูลเซี่ยวที่ดูสับสนแล้ว คนอื่นๆ รวมไปถึงตู้เคอหลินต่างก็แสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา

วินาทีถัดมา ซึ่งทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของพวกเขา หลังจากบอดี้การ์ดดังกล่าวทำการบังคับแล้ว หญิงสาวรูปร่างโฉมงามก็ถูกลากเข้ามาในห้องนี้

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม้แต่แววตของเซี่ยวเจี้ยนก็เปล่งประกายแวววับขึ้นมา

“คุณชายตู้ ผมเชิญสาวสวยที่ท่านต้องการมาแล้วครับ”

หลังจากปิดประตู บอดี้การ์ดก็ปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดอย่างประจบสอพลอกับตู้เคอหลิน

“เหล่าซุน นี่เอ็งทำอะไรกับสาวสวยคนนี้หรือเปล่า? ทำไมถึงมาสภาพเป็นแบบนี้?”

บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังตู้เคอหลินอดใจไม่ได้ที่จะพูดหลอกล้อขึ้น

บอดี้การ์ดที่ถูกเรียกว่าเหล่าซุนยืนอยู่หน้าประตูแล้วพูดอย่างเหลืออดว่า “ช่วยไม่ได้ สาวสวยคนนี้เผ็ดเหมือนพริกจริงๆ ทั้งขูดทั้งข่วนผมตลอดทาง เล่นเอาผมแทบแย่เหมือนกัน”

ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงแบ็คแฮนด์ไปนานแล้ว แต่เพราะหยุนเหมิงหยานเป็นคนที่ตู้เคอหลินหมายปองไว้แล้ว และหากอนาคตเธอกลายเป็นนายหญิงจริงๆ เขาจะไม่ตายทั้งเป็นหรือ?

“เอ็งทำดีมาก เดือนนี้ข้าจะเพิ่มโบนัสให้เอ็งหนึ่งหมื่น!”

ตู้เคอหลินมองหยุนเหมิงหยานที่อยู่ในสภาพมึนเมาอย่างละเอียด จากนั้นพยักหน้ากับเหล่าซุนด้วยความพึงพอใจ

“ขอบคุณครับคุณชายตู้! ขอบคุณครับคุณชายตู้!”

เหล่าซุนรีบตั้งสติและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้ง

“พวก พวกแกเป็นใคร? ฉันขอเตือนพวกแกให้รีบปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ!”

แม้เหล้าจะขึ้นหัวหยุนเหมิงหยานไปแล้ว แต่เธอยังไม่ถึงขั้นขาดสติ

“คนสวย คุณไม่ต้องกลัวนะ!”

ตู้เคอหลินหัวเราะคิกคัก “พวกเราไม่ได้เป็นคนเลวหรอกนะ อีกอย่างผมก็แค่อยากทำความรู้จักคุณเท่านั้น”

“ทำความรู้จักงั้นเหรอ? ใครจะทำความรู้สึกด้วยวิธีนี้?”

หยุนเหมิงหยานฮึดฮัดไม่พอใจ “ฉันขอเตือนให้พวกแกรีบปล่อยฉันไปจะดีกว่า เพื่อนฉันอยู่ชั้นล่าง ถ้าเพื่อนฉันรู้เข้า พวกเขาจะไม่ปล่อยพวกแกไปแน่นอน!”

ในเวลาเดียวกัน เย่เทียนและคนอื่นๆ กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ซึ่งเขายังไม่ทันได้หยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามีพนักงานคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาแล้ว

“คุณ คุณชายรองเซวครับ เพื่อนของพวกคุณถูกคนบังคับให้ขึ้นไปที่ห้องวีไอพีบนชั้นสองแล้วครับ”

“หา?!”

เซวฟู่ยี่ตกตะลึงและสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นความหม่นหมองทันที จากนั้นเขารีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “นำทางด่วน!”

หยุนเหมิงหยานเป็นถึงว่าที่พี่สะใภ้ของเขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจริงๆ เซวหมานจื่อจะไปตัดหัวเขาหรือ?

พนักงานไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงรีบพาเย่เทียนกับคนอื่นๆ ขึ้นไปบนชั้นสองทันที……