บทที่ 569 พี่น้องจากตระกูลเซี่ยว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คนสวยครับ รอสักครู่ครับ”

หลังจากได้รับคำสั่งจากตู้เคอหลิน บอดี้การ์ดก็ไม่รีรอและรีบตามหยุนเหมิงหยานไป

“มี มีเรื่องอะไรคะ?”

หลังจากหยุดดื่มไปสักพัก หยุนเหมิงหยานก็เริ่มมีอาการมึนเมา ทำให้เธอเริ่มพูดจาติดขัด

บอดี้การ์ดหัวเราะเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่หัวหน้าของเราอยากจะดื่มกับคุณสักแก้ว ไม่ทราบคนสวยสะดวกไหมครับ?”

“ไม่สะดวก!”

หยุนเหมิงหยานโบกมือปฏิเสธทันทีและเตรียมจะหันเดินจากไป

“อย่าเพิ่งรีบไปสิครับ!”

บอดี้การ์ดรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางหยุนเหมิงหยานไว้ จากนั้นยิ้มพูดว่า “คนสวย หัวหน้าเราเป็นถึงคนมีชื่อเสียงในเมืองจินนะครับ อีกอย่างเขาอายุน้อยๆ ก็มีทรัพย์สินมูลมากกว่าร้อยล้านแล้วนะครับ”

“เขาแค่อยากทำความรู้จักกับคนสวยเท่านั้น คนสวยอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ”

“เกี่ยวอะไรกับฉัน! ฉันบอกว่าไม่สะดวกไง!”

น่าเสียดายที่หยุนเหมิงหยานไม่ใช่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน แล้วเธอจะหลงกลได้อย่างไร

“คนสวย คุณควรคิดให้ดีก่อนนะ ถ้าคุณทำให้หัวหน้าเราไม่พอใจ เดี๋ยวคุณจะรับไม่ได้กับผลที่จะตามมานะครับ!”

เมื่อเห็นหยุนเหมิงหยานยังคงปฏิเสธ บอดี้การ์ดก็ขมวดคิ้วเบาๆ และเริ่มใช้ไม้แข็งกับเธอ “ผมขอรับประกัน ถ้าคุณยอมไปกับผม แล้วคุณทำให้หัวหน้าผมมีความสุขได้ ผลตอบแทนที่คุณได้รับนั้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวนแน่นอน!”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดแบบนี้ สำหรับคนทั่วไปแล้ว เงินหนึ่งแสนหยวนนั้นถือว่าเยอะมาก

แต่หยุนเหมิงหยานไม่ใช่คนทั่วไป แค่เงินหนึ่งแสนเธอไม่มีทางสนใจหรอก

“ไสหัวไป! อย่ามาขวางทางฉัน!”

ขณะเดียวกัน เธอก็เดินไปข้างหน้าเพื่อจะเดินอ้อมบอดี้การ์ดคนนี้

“ยัยบ้า อย่าคิดว่าก็ไม่รู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่”

การปฏิเสธของหยุนเหมิงหยานทำให้สีหน้าของบอดี้การ์ดแย่ลงทันที และเขาก็ด่าออกมาว่า “คิดว่าสวยหน่อย แล้วจะทำเป็นหยิ่งงั้นเหรอ?”

ขณะที่พูดอยู่ บอดี้การ์ดก็เอื้อมมือออกไปจับแขนของหยุนเหมิงหยานและพูดด้วยน้ำเสียงดุเดือดว่า “ในเมื่อให้ข้อเสนอดีๆ แล้วไม่เอา อยากให้ใช้กำลัง เดี๋ยวกูจะสงเคราะห์ให้มึงเอง!”

เขาอยู่กับตู้เคอหลินมาสักพักแล้ว และเขาก็รู้จักนิสัยของตู้เคอหลินเป็นอย่างดี ถ้าวันนี้เขาไม่สามารถพาตัวผู้หญิงคนนี้ไปให้ได้ เขาจะต้องถูกทำโทษแน่นอน

“เฮ้ย!”

หยุนเหมิงหยานตกใจและร้องออกมา “แกรีบปล่อยมือฉันนะ! ไม่งั้นเดี๋ยวแกได้เจอดีแน่!”

ถ้าปกติแล้ว บอดี้การ์ดคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยุนเหมิงหยานอยู่แล้ว แต่เพราะตอนนี้หยุนเหมิงหยานกำลังอยู่ในสภาวะมึนเมาอยู่ เธอจึงดิ้นไม่หลุดในทันที

“ไม่ต้องห่วง รับรองเลยว่าถ้าคุณทำให้หัวหน้าผมพอใจได้ คุณจะได้ค่าตอบแทนอย่างสมใจแน่! บางทีคุณจะมาขอบคุณผมด้วยซ้ำ!”

บอดี้การ์ดหัวเราะอย่างเย็นชา และปิดปากของหยุนเหมิงหยานไว้เพื่อบังคับลากเธอขึ้นไปข้างบน

……

ในขณะเดียวกัน ณ ห้องวีไอพีชั้นบน

ตู้เคอหลินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างผ่อนคลายพร้อมกับบอดี้การ์ดในชุดสูทอีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา

และตรงข้ามเขาคือชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด

คนหนึ่งมีรูปร่างที่ผอมบางส่วนอีกคนมีรูปร่างที่อ้วนท้วน และทั้งสองมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันเล็กน้อย ด้วยสายตาที่เฉียบแหลม ทำให้คนมองแล้วเหมือนดาบที่แหลมคมและรู้สึกหวาดกลัวมาก

ชายร่างผอมยิ้มจางๆ และชี้ไปที่ชายร่างอ้วนแล้วแนะนำให้กับตู้เคอหลินรู้จัก “คุณชายตู้ครับ ผมชื่อเซี่ยวเจี้ยน ส่วนเขาชื่อเซี่ยวหยุน พวกเราเป็นพี่น้องกัน”

ตู้เคอหลินหัวเราะและพูดว่า “ยินดี ยินดี ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจจริงๆ ที่ทั้งสองมีโอกาสได้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของผม!”

“คุณชายตู้เกรงใจไปแล้วครับ” เซี่ยวเจี้ยนยิ้มพูดอย่างสุภาพ

ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าเซี่ยวหยุนจะไม่ชอบพูดสักเท่าไหร่ เขาเอาแต่นั่งกินผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ก็แค่ไอ้ทึ่มสองคน ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่านายท่านจะเชิญพวกมันกลับมาทำไม”

แต่ทว่า ตู้เคอหลินยังไม่ทันได้พูดอะไร บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พูดออกมาด้วยความดูถูก

แม้ว่าเสียงพูดจะไม่ได้ดังมากนัก แต่เพราะอยู่ใกล้กันมาก ทุกคนจึงได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน

ชั่วขณะนั้น บรรยากาศในห้องวีไอพีก็เงียบลง เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ

สีหน้าของตู้เคอหลินหม่นหมองไปทันที และเขาหันไปดุว่าบอดี้การ์ดว่า “เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรนะ!”

“คุณชายครับ คุณก็ดูการแต่งตัวของสองคนนี้สิครับ มันเหมือนยอดฝีมือตรงไหนครับ?”

บอดี้การ์ดพูดขึ้นมาอีกว่า “ไม่งั้น ให้ผมลองดูก็ได้นะครับ?”

บอดี้การ์ดอีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยการดูถูก ดูเหมือนถ้าได้รับการอนุญาตจากตู้เคอหลินพวกเขาก็พร้อมลงมือทุกเมื่อ

เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่กับเขามาสักพักนี้ ตู้เคอหลินรู้สึกเหลืออดมาก เขาได้แต่ส่ายหัวแล้วพูดกับพี่น้องตระกูลเซี่ยวว่า “ต้องขออภัยจริงๆ นะครับ พวกเขาไร้เดียงสา หวังว่าทั้งสองท่านอย่าไปถือสาเลยนะครับ”

ที่จริงแล้ว เขารู้ดีถึงความกังวลของเหล่าบอดี้การ์ดของเขา แต่พี่น้องตระกูลเซี่ยวที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนใช้ที่ถูกว่าจ้างโดยตู้เฮิงฉุน ดังนั้นไม่ว่าสองคนนี้จะมีฝีมือหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่ดี!

“คุณชายตู้ ไม่มีปัญหาครับ”

เซี่ยวเจี้ยนส่ายหัวและพูดว่า “แต่ในเมื่อพวกเขาเกิดความสงสัย ถ้าเราสองพี่น้องไม่แสดงฝีมือหน่อย ผมเกรงว่าอนาคตคงจะร่วมงานกันลำบากนะครับ”

“นี่มันจะดีเหรอ?”

แม้จะดูเหมือนตู้เคอหลินกำลังปฏิเสธอยู่ แต่สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

เซี่ยวเจี้ยนจะไม่รู้ความตั้งใจของตู้เคอหลินได้อย่างไร และจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นการทดสอบของว่าที่เจ้านายในอนาคต เขาจึงยิ้มอย่างมีเลศนัยและตบหลังเซี่ยวหยุนที่เอาแต่กินผลไม้เบาๆ

ในที่สุด เซี่ยวหยุนก็หยุดกิน จากนั้นเขาทำการเช็ดปากแล้วมองไปที่เหล่าบอดี้การ์ดทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้เคอหลินด้วยสีหน้าเฉยเมย “พวกแกอยากจะเข้ามาทีเดียว? หรืออยากจะเข้ามาทีล่ะคน?”

รอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของตู้เคอหลิน สายตาที่มองสองพี่น้องตระกูลเซี่ยวก็เต็มไปด้วยความขี้เล่น

ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเขาทั้งนั้น ไม่งั้นเหล่าบอดี้การ์ดที่รู้จักตัวตนของเขาดีจะกล้าพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร?

ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่สองพี่น้องตระกูลเซี่ยวเรียกเงินค่าตอบแทนเป็นหลักสิบล้านต่อปี ซึ่งมันทำให้เขาต้องลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อเดือนไปบ้าง ฉะนั้น ถ้าเขาจะคาดหวังบ้างแล้วจะแปลกตรงไหน!

“อวดดีจริงๆ!”

บอดี้การ์ดที่พูดเมื่อกี้ก็โกรธเป็นอย่างมาก จะให้เข้าไปพร้อมกันงั้นเหรอ? มันจะดูถูกมากเกินไปแล้ว?

เซี่ยวหยุนยักไหล่และพูดดูถูกว่า “ข้าขอแนะนำให้เอ็งเข้ามาพร้อมกันเลยจะดีกว่า! ไม่อย่างนั้นพวกเอ็งคงอยู่ได้ไม่เกิดสามวินาทีหรอก”

“คุณชายตู้!”

เหล่าบอดี้การ์ดก็เกิดหัวร้อนขึ้นทันที ในเมื่อพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของตู้เคอหลินได้ แปลว่าพวกเขาก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้าง แล้วถ้าถูกดูหมิ่นขนาดนี้ มีใครจะไม่โกรธบ้าง?

“ในเมื่อพี่น้องเซี่ยวหยุนก็พูดอย่างนี้แล้ว พวกนายก็เข้าไปพร้อมกันเลย!”

ตู้เคอหลินปรารถนาที่จะดูฉากแอคชั่นมาเต็มทนแล้ว เขาจึงพูดอย่างไม่แยแส

เขารู้จริงๆ ว่าสองพี่น้องตระกูลเซี่ยวที่เขาต้องเสียเงินมากมายในการจ้างมาทำงานจะเก่งสมกับเงินที่เสียไปไหม?

บอดี้การ์ดทั้งสี่คนแสยะยิ้มแล้วเดินออกมาทันที เมื่อมองดูร่างกายที่อ้วนท้วนของเซี่ยวหยุนแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความดูถูก

พวกเขาล้วนเป็นบอดี้การ์ดที่มีกล้ามเป็นมัดๆ แม้แต่ชุดสูทที่สวมอยู่ยังไม่สามารถปกปิดหุ่นที่กำยำล่ำสันของพวกเขา ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา ด้วยหุ่นอันแข็งแกร่งนี้ก็สามารถเอาชนะแบบหนึ่งต่อสองได้!

ในทางกลับกัน รูปร่างของเซี่ยวหยุนนั้นดูเหยาะแหยะมาก เหล่าบอดี้การ์ดยังกังวลว่าเซี่ยวหยุนวิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็คงเหนื่อยจนยอมแพ้เสียก่อนแล้ว

เมื่อนึกถึงจุดนี้ หัวหน้าบอดี้การ์ดก็พูดอยู่เย้ยหยันว่า “เดี๋ยวจะหาว่าพวกข้ารังแกคน พวกเอ็งเริ่มก่อนเลยดีกว่า!”

เซี่ยวหยุนส่ายหัวเบาๆ และเตือนว่า “ข้าว่าให้พวกเอ็งเริ่มก่อนดีกว่า! ถ้าให้พวกข้าเริ่มก่อน พวกเอ็งจะไม่มีโอกาสนะ……