บทที่ 700 ข้าอัปลักษณ์ตรงไหน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 698 ข้าอัปลักษณ์ตรงไหน

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีอะไรจะพูด นางออกไปสั่งให้คนไปทำธุระให้ แม่ทัพฉีเดินตามออกไปพลางมองข้อมือของนาง

ที่ข้อมือของฉีเฟยอวิ๋นยังมีเลือด

นางอยากจะกลับไปที่จวนอ๋องเย่ แม่ทัพฉีจึงตามกลับไปด้วย

หลังจากกลับมาฉีเฟยอวิ๋นจึงมองหาอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นกำลังนอนอยู่ในเรือนในขณะที่หนานกงเย่ยืนอยู่ที่หน้าประตู ฉีเฟยอวิ๋นเห็นหนานกงเย่จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเพคะ”

“จะออกก็ไม่ได้จะเข้าไปก็ไม่ได้ ที่ประตูเต็มไปด้วยพิษ” หนานกงเย่ชูมือขึ้นให้ฉีเฟยอวิ๋นดูว่ามือของเขากลายเป็นสีดำสนิท

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มเงินออกมาและเจาะที่ปลายนิ้วของหนานกงเย่สองครั้ง จากนั้นมือของหนานกงเย่จึงค่อยๆ คืนสภาพเดิม

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองทางห้องของอวิ๋นจิ่นและเอ่ยว่า “ทุกคนออกไปก่อน ท่านอ๋อง ข้ากับท่านพ่อคุยกันแล้ว ท่านพ่อเองก็อยากจะร่วมกินข้าวด้วย ท่านไปด้วยเถิด ไปช่วยกันดูแลลูกๆ”

“อื้ม”

หนานกงเย่เหลือบมองท่านแม่ทัพฉีและเอ่ยว่า “ท่านพ่อตา”

“อืม”

แม่ทัพฉีเดินตรงไปเยี่ยมพวกเด็กๆ ทันที

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองนิดหนึ่ง หลังจากถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วนางจึงผลักประตูเข้าไปดูอวิ๋นจิ่นซึ่งนอนอยู่บนเตียงมาเป็นเวลาหนึ่งวัน เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเดินไปดู อวิ๋นจิ่นก็ลืมตาขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋น “นายท่าน”

“เจ้าจะกลุ้มใจไปทำไม ท่านพ่อของข้าสบายดี หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้นข้าก็จะไม่ตำหนิเจ้า!” ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและคว้ามือของอวิ๋นจิ่นขึ้นมาดู มือของนางไม่มีพิษ นางเพียงแต่อ่อนแรงเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะนางไม่ยอมไปกินข้าวจึงได้เป็นเช่นนี้

ฉีเฟยอวิ๋นสั่งคนให้ไปเตรียมอาหาร นางต้องการจะกินอาหารในห้องของอวิ๋นจิ่น

ในไม่ช้าอาหารก็เตรียมมาพร้อม ฉีเฟยอวิ๋นประคองอวิ๋นจิ่นให้ลุกขึ้นนั่งกินข้าว อวิ๋นจิ่นจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นและถามอย่างอ่อนแรงว่า “นายท่าน เหตุใดท่านจึงยังไม่หายดีเจ้าคะ”

“อวิ๋นจิ่น ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องเจ้า”

“นายท่าน!”

“อย่าขัดจังหวะข้า เจ้ากินข้าวไปแล้วฟังข้า สิ่งที่ข้าจะพูดตอนนี้จงจำไว้ให้ดีทุกถ้อยทุกคำ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าห้ากับคนอื่นๆ และก็เกี่ยวกับท่านอ๋องด้วย”

“ขอนายท่านโปรดบอกมา”

ฉีเฟยอวิ๋นเล่าเรื่องเจ้าของเดิมที่อยู่ในร่างนี้กับเรื่องของตัวเองให้อวิ๋นจิ่นฟัง อวิ๋นจิ่นมือไม้สั่น “นายท่าน ท่าน…”

“เจ้าอย่าได้คิดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องเท็จ ร่างกายของข้าข้ารู้ดีแม้ว่าทุกคนจะไม่พูด เจ้าก็รู้ดีเรื่องความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลของข้า แล้วคราวนี้ล่ะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นปลดผ้าพันแผลที่ข้อมือออก ไม่เพียงแต่บาดแผลจะยังไม่หายดีแต่ แต่มันยังรุนแรงมากด้วย

น้ำตาของอวิ๋นจิ่นเอ่อล้นออกมาจากขอบตา “นายท่าน…”

“ไม่เป็นไร แค่ข้ามาที่นี่ก็นับว่าได้กำไรแล้ว ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเจ้าห้าและคนอื่นๆ เลยอยากจะขอให้เจ้าช่วยข้า ตกลงหรือไม่? หลังจากข้าไปแล้วจงดูแลพวกเขาให้ดี” ฉีเฟยอวิ๋นกุมมืออวิ๋นจิ่นและสัมผัสได้ว่ามือของนางเย็นเยียบ

นางส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางให้นายท่านไป”

“อย่าเป็นเช่นนี้สิอวิ๋นจิ่น เจ้าต้องเชื่อใจข้า รู้ไหม”

“…..” อวิ๋นจิ่นไม่ตอบ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงปล่อยมือและเริ่มกินอาหาร

อวิ๋นจิ่นร้องไห้น้ำตาไหลไม่ขาดสายโดยมีฉีเฟยอวิ๋นคอยคีบอาหารให้ “จำไว้ เจ้าจะตายง่ายๆ ไม่ได้ นอกเสียจากว่าเจ้าห้าและคนอื่นๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะช่วยข้าดูแลพวกเขา”

“…..” อวิ๋นจิ่นร้องไห้ไม่หยุด ร้องจนกระทั่งหนานกงเย่กลับมา

“หยุดร้องไห้เถิด” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปหาหนานกงเย่เพราะเกรงว่าเขาจะเห็นว่าอวิ๋นจิ่นร้องไห้

หนานกงเย่ที่อยู่หน้าประตูเลิกคิ้วมองฉีเฟยอวิ๋น “กินอิ่มแล้วหรือ”

“อื้ม”

ดูเหมือนหนานกงเย่จะไม่พอใจ เขาเอื้อมมือมาจับมือของฉีเฟยอวิ๋น ทว่าหันหน้าไปทางอื่นและส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา “ข้าก็อุตส่าห์รอกินข้าวพร้อมกับท่าน แต่ท่านก็ช่างดีที่กินก่อนข้า ข้าละชินแล้ว อยากรู้จริงว่าในใจของท่านมีข้าอยู่ในนั้นบ้างหรือไม่”

ฉีเฟยอวิ๋นอดหัวเราะไม่ได้ “เหตุใดจะไม่มี ถ้าหากไม่มีจะเก็บท้องไว้หรือเพคะ”

มุมปากของหนานกงเย่โค้งมนและเริ่มมีความสุขขึ้นเล็กน้อย

“นี่ก็พอได้ ไปกันเถอะ ไปดูพวกเขากันดีกว่า เวลานี้เราไม่อยู่ อวิ๋นจิ่นก็ดูแลพวกเขาไม่ได้ เป็นเฟิงอู๋ชิงกับหวังฮวายอันที่ดูแลอยู่ ทรมานหนุ่มใหญ่อย่างพวกเขาสองคนแย่”

“ไม่ใช่ว่ายังมีหงเถากับลี่ว์หลิ่วหรือเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อหู

หนานกงเย่ไม่ได้สนใจนางและหัวเราะฮ่ะๆ พลางเดินไปหาลูกๆ

เฟิงอู๋ชิงและหวังฮวายอันยังไม่ได้ไปไหน แต่ทั้งสองคนนิ่งเงียบมากและนั่งรออยู่ข้างใน

เมื่อประตูเปิดออกทั้งสองคนก็หันไปมองผู้ที่เข้ามาใหม่พร้อมๆ กันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองคนตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสตรีที่ดูเหมือนต้นไม้ที่แห้งตายเดินเข้ามา เนิ่นนานกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ทว่าฉีเฟยอวิ๋นยังคงกระฉับกระเฉง นางเดินเข้ามาตรงหน้าทั้งสองและทำความเคารพ เอ่ยอย่างง่ายๆ ว่า “คารวะทั้งสองท่าน”

หวังฮวายอันมองฉีเฟยอวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจและถามว่า “มือเป็นอะไรหรือ”

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม แผลที่พันไว้ไม่ควรจะให้ใครเห็น

เฟิงอู๋ชิงถามว่า “เจ้าไม่กินไม่ดื่มเลยหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้ผอมจนน่าระอาเช่นนี้ เดิมทีเจ้าก็อัปลักษณ์อยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งอัปลักษณ์มากขึ้นไปอีก”

ฉีเฟยอวิ๋นอายที่จะถามว่านางอัปลักษณ์ตรงไหน

“โชคดี บนโลกนี้มีสาวงามอยู่มากมาย ทว่ากลับไม่มีใครเทียบเจ้าหอเฟิงได้” ทันทีที่ฉีเฟยอวิ๋นพูดไปแบบนั้น สีหน้าของหนานกงเย่ก็มืดมนขึ้นทันควัน

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มนิดหนึ่ง เฟิงอู๋ชิงกล่าวว่า “เจ้าหอเฟิงอย่างข้าไม่สน”

“เจ้าค่ะ เจ้าหอเฟิงไม่สน” ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยอย่างช่ำชอง

เฟิงอู๋ชิงยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง ใช้แขนข้างหนึ่งวางลงบนหัวเข่าและเอนกายมองฉีเฟยอวิ๋น

เฟิงอู๋ชิงยิ้มไม่ออก เขาจ้องฉีเฟยอวิ๋นเขม็งราวกับมีความเกลียดชังฝังลึก

เฟิงอู๋ชิงไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาอย่างฉับพลันเช่นนี้

ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยกังวลว่าใครจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ

อู๋ฮัวเป็นคนแรก

หวังฮวายอันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นโดยมีเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขน

ดูเหมือนเจ้าสี่จะตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นกลับมาแล้ว เขาลุกขึ้นคลานไปหาฉีเฟยอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกัน

ในไม่ช้าที่แทบเท้าของฉีเฟยอวิ๋นก็รายล้อมไปด้วยลูกๆ

นางนั่งลงและอุ้มลูกขึ้นมาจูบทีละคน ทุกคนต่างไม่ดื้อและมาล้อมอยู่รอบตัวฉีเฟยอวิ๋นเมื่อนางนั่งลง

เจ้าห้านอนหลับอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นโดยมีเจ้าเสือน้อยและจิ้งจอกหางสั้นอยู่เป็นเพื่อน

ฉีเฟยอวิ๋นสั่งเจ้าเสือน้อย “ลากเขามานี่ที”

เจ้าเสื้อน้อยเชื่อฟัง มันงับด้านล่างของผ้าห่มเจ้าห้าและลากเจ้าห้ามาที่ข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเขาขึ้นมาจูบและกอดเขาไว้ในอ้อมแขน

ลูกคนอื่นๆ เคยชินจนรู้สึกเป็นปกติแล้ว พวกเขาไม่ได้ริษยา เพียงแต่อิจฉาเท่านั้น

ฉีเฟยอวิ๋นตบเจ้าห้าเบาๆ และเรียกให้คนมาจัดโต๊ะ จากนั้นนางจึงวางเจ้าห้าไว้ข้างโต๊ะและลูกคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่รอบๆ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและเชื้อเชิญให้คนอื่นๆ ร่วมกินอาหารด้วยกัน

แม่ทัพฉีเองก็อยู่ที่นี่ด้วย และฉีเฟยอวิ๋นก็ขอให้แม่ทัพฉีอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันตามปกติ

แม่ทัพฉีก็นั่งลงร่วมรับประทานอาหารด้วย เพียงแต่เด็กๆ ไม่ได้อยู่ใกล้กับเขาเลย ทุกคนอยู่รอบกายของฉีเฟยอวิ๋น

ทุกคนมาอยู่รวมกัน ฉีเฟยอวิ๋นอยู่กับลูกๆ ในขณะที่เฟิงอู๋ชิงปลีกตัวไปเลยหลังจากกินเสร็จ ส่วนหวังฮวายอันกับหนานกงเย่ออกไปคุยกันข้างนอก โต๊ะถูกยกออกไปและฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งคุยอยู่กับแม่ทัพฉี

“คืนนี้ท่านพ่อจะพักที่นี่หรือไม่เจ้าคะ”

“อีกเดี๋ยว…”

“นายท่าน”

แม่ทัพฉีไม่รอคำตอบ อวิ๋นจิ่นมาแล้วและตอนนี้นางก็อยู่ข้างนอก

เมื่อแม่ทัพฉีเรียกให้นางเข้ามา อวิ๋นจิ่นจึงเปิดประตูเข้ามาและทำความเคารพอย่างนอบน้อม “นายท่าน คืนนี้อวิ๋นจิ่นจะอยู่ที่นี่เอง สุขภาพของนายท่านเป็นสิ่งสำคัญ”

“เช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ข้าก็สบายใจขึ้นมาก ถ้าหากท่านพ่อมีธุระต้องกลับไป ก็ไม่ต้องรั้งท่านไว้”

“เจ้าค่ะ”

อวิ๋นจิ่นเข้าไปดูแลเด็กๆ เห็นได้ชัดว่านางยังอ่อนแรงมาก แต่นางก็ยังอยากทำสิ่งนี้ด้วยตนเอง