บทที่ 2236+2237

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2236 จะต้องชดใช้คืนในไม่ช้าก็เร็ว…

จูผอหลงน้อยตัวนี้น่าจะเป็นน้องชายร่วมอุทรของจูผอหลงตัวนั้น เป็นระดับสอง โจมตีใส่เขาเสมือนคลุ้มคลั่ง บีบให้เขาต้องโรมรันกับอีกฝ่าย

หลังจากสังหารจูผอหลงขั้นสองตัวนี้แล้ว พิษบนร่างเขาก็ออกฤทธิ์ แทบจะทรุดฮวบกลางผืนป่าที่แห้งแล้งแห่งนี้

พิษซึมเข้าสู่อวัยวะภายใน เขานั่งสมาธิอยู่เนิ่นนาน ถึงพอฝืนขับพิษนี้ออกมาได้

พิษนี้ร้ายแรงอย่างยิ่ง สุดท้ายถึงแม้เขาจะขจัดพิษสำเร็จ แต่ร่างกายก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก วรยุทธ์ลดลงไปมาก

เนื่องจากยันต์ถ่ายทอดเสียงชำรุด เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะเป็นห่วงเขา ดังนั้นหลังจากฟื้นฟูได้เล็กน้อยก็ตรงกลับไปที่เมืองเลย

หลังจากผ่านการต่อสู้โรมรันมาหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็กลับถึงเมือง กลับนึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่อยู่แล้ว!

สอบถามคนโขยงใหญ่ถึงได้ทราบว่านางถูกเย่หลิงเรียกตัวไป…

เย่หลิงมีเจตนาร้าย เขาย่อมทราบดี เกรงว่านางจะพลาดท่า จึงบุกเข้าไปหาทันที…

เย่หลิงก็หัวแหลมยิ่ง เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องยาประหลาดในตัวเขาอยู่ เมื่อเห็นตี้ฝูอีมา เขาก็คิดวิธีที่ยอดเยี่ยมได้ หมายจะจับเขา ใช้เขาเป็นตัวประกัน รอให้กู้ซีจิ่วกลับมามอบยาถอนพิษ ให้กู้ซีจิ่วสยบต่อเขา

เพื่อจับกุมตี้ฝูอี เขาใช้ทหารชั้นยอดทั้งหมดภายในจวนของเขา…

ผลคือ…

น่าเวทนายิ่งนัก คุณชายตี้ผู้นี้ดูปวกเปียกเฉื่อยชา ทว่าเป็นมือดีด้านการต่อสู้

ลงมือดุดันเหี้ยมหาญ และมีสติปัญญาเลิศล้ำ ลูกน้องของเย่หลิงถูกเขาทำร้ายไปครึ่งหนึ่ง เย่หลิงพลาดไปแล้ว จับเขาไม่ได้ ซ้ำยังถูกเขาควบคุมด้วย…

คราวนี้ในที่สุดเย่หลิงก็เข้าใจแล้วว่าคุณชายตี้ผู้นี้ไม่อาจยุแหย่ได้ เขาก็เป็นคนรู้ความ จึงบอกความจริงไป

เย่หลิงสิ้นเปลืองพลังงานไปมากมายยิ่งถึงทำให้ตี้ฝูอียอมเชื่อว่าตนไม่ได้กักขังกู้ซีจิ่วไว้ แถมยังโดนกู้ซีจิ่ววางยาพิษด้วย ตอนนี้รอยาถอนพิษจากนางอยู่ เขาเป็นเหยื่อจริงๆ…

ในที่สุดตี้ฝูอีก็ทราบว่ากู้ซีจิ่วออกจากเมืองไปแล้ว…

ด้านนอกอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะยิ่งฟ้ามืดเท่าไหร่ อันตรายก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ด้วยวรยุทธ์ของนาง เกรงว่าคงถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้งได้ในเวลาเพียงชั่วครู่…

เขาร้อนใจดั่งไฟผลาญ และเนื่องจากไม่ได้ไปตามหายันต์ถ่ายทอดเสียงคืนมา ไม่สามารถติดต่อหานางได้

คิดจะตามหาตัวคนผู้หนึ่งในป่าเขาลำเนาไพร เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เขาบุกตะลุยฝ่าป่าดงพงไพรหลายแห่ง สิ่งที่ได้พบล้วนเป็นการต่อสู้ของสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด ไม่มีเงาร่างของนางเลย

เขาอยู่ในสภาวะร้อนใจ จู่ๆ ก็มีวิธีตามหาคนอย่างหนึ่งวาบเข้ามาในสมองเอง…

วิธีนี้สามารถหาตำแหน่งของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำได้ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและพลังวิญญาณเป็นพิเศษ

ส่วนเขาก็ยุ่งสาละวนไม่หยุดจนใกล้จะสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ไม่เหมาะจะใช้วิธีนั้นจริงๆ แต่เขาไม่แยแสสิ่งใดแล้ว!

เขาเกรงว่าถ้าเขาช้าไปเพียงก้าวเดียว อาจไม่ได้เห็นนางแบบตัวเป็นๆ อีก จะได้รับเพียงซากกระดูกไม่กี่ท่อนของนาง…

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้วิธีนั้นโดยไม่คำนึงสิ่งใดทั้งสิ้น ในที่สุดก็คาดคะเนตำแหน่งที่แน่นอนของนางได้ ผลคือเห็นนางกำลังทำแผลให้ชายเปลือยหลังคนหนึ่ง ซ้ำยังร้องเพลงให้คนผู้นั้นฟังด้วย

เขาย่อมมองแวบเดียวก็จำได้แล้วว่าเป็นอวิ๋นเยียนหลี วินาทีนั้นเขาเสมือนถูกคนสาดน้ำเย็นขันหนึ่งใส่ หัวใจพลันดิ่งวูบ ทราบแล้วว่าไม่สามารถปิดบังความลับได้อีกแล้ว…

จะต้องชดใช้คืนในไม่ช้าก็เร็ว…

ถ้อยคำโป้ปดก็จะถูกเปิดโปงในไม่ช้าก็เร็วเช่นกัน…

ในข้อนี้เขาเตรียมใจไว้แล้ว เพียงคาดไม่ถึงว่าจะปุบปับเช่นนี้ ว่องไวถึงเพียงนี้…

อันที่จริงแล้วเขาหวังยิ่งนักว่าจะเป็นตนที่เล่าความจริงนี้ออกมาต่อหน้านาง มิใช่ถูกเปิดโปงโดยผู้อื่น…

ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว…

นางโกรธเคืองเขาเข้าใจ แต่ว่าถ้อยคำเหล่านั้นของนางยังคงทำร้ายจิตใจเขา

วาจาเพียงไม่กี่ประโยคสามารถทำร้ายคนได้ถึงขนาดไหน ในที่สุดเขาก็ได้ประสบอย่างลึกล้ำยิ่งแล้ว…

————————————————————————————-

บทที่ 2237 พ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน…

เขามองดูมือตน หลับตาลงเล็กน้อย

ความทรงจำของนางค่อยๆ ฟื้นคืนมาแล้ว เขามองออก

แต่สิ่งแรกสุดที่นางนึกถึงยังคงเป็นหวงถูผู้นั้นเช่นเดิม คนที่เรียกว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…

ในเศษเสี้ยวความทรงจำที่กระจัดกระจายของนาง ล้วนมีคนผู้นั้นอยู่

ที่แท้ในใจของนางหวงถูผู้นั้นคือที่หนึ่งเสมอมา…

ส่วนเขา…

ที่ดินแดนเบื้องบนเขาคือภารกิจของนาง เป็นความหวังอันน้อยนิดในการคืนชีพให้คนผู้นั้น และนางก็มองเขาเป็นเพียงชนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง…

มีเพียงเขาที่อยู่ดีไม่ว่าดีดันกระโจนเข้าไปหานาง

ไม่มีทางย้อนกลับได้!

ความรักไม่ทราบว่าเกิดขึ้นยามไหน แต่กลับหยั่งรากรักล้ำลึก

เขานึกว่าอยู่ที่แดนอสุราแห่งนี้ นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เขา เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ประชันขันแข่งกับคนตายผู้นั้น…

ไม่มีอุปสรรคทางอายุ ไม่มีหวงถูผู้นี้แล้ว ด้วยความสามารถของเขา เขาทำให้นางรักเขาได้ ตกหลุมรักเขาอย่างสมบูรณ์

เช่นนี้ต่อให้ภายหน้านางฟื้นฟูความทรงจำได้ เนื่องจากรักกันอย่างแท้จริงแล้วก็ไม่อาจไปจากเขาได้อีก อย่างมากก็คงถูกค่อนแคะสักสองสามประโยค แย่ที่สุดก็คงโดนนางตบตีสักไม่กี่ครา เขาล้วนทนรับได้ และเตรียมใจในเรื่องนี้แล้ว

เพียงคาดไม่ถึงเลยว่า…

นางจะรักหวงถูจนเข้ากระดูกไปแล้ว กลายเป็นสัญชาตญาณของนางแล้ว

ส่วนความรักระหว่างตนกับนาง ก็เหมือนเงาจันทร์ในวารี ขว้างหินใส่ก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว…

‘ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ตี้ฝูอี เจ้าฝันไปเถอะ! ชั่วชีวิตข้าจะรักเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถูผู้เดียว มีชีวิตอยู่เป็นคนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตายไปก็จะเป็นผีของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ไม่แต่งกับเจ้าเด็ดขาด!’

‘ตี้ฝูอี เจ้าไปซะ! นับจากวันนี้ไป เจ้าไปตามเส้นทางอันรุ่งโรจน์ของเจ้าเสีย ข้าจะเดินบนเส้นทางเดียวดายของข้า พวกเราน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง! อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ข้าเห็นเจ้าแล้วสะอิดสะเอียน!’

….

ที่แท้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจแทนที่คนในใจนางผู้นั้นได้…

เขาพ่ายแพ้แล้ว! พ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อน…

“กู้ซีจิ่ว ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบก็เป็นข้าที่ฝืนเรียกร้องไปเอง…”

เขารำพัน จู่ๆ ก็สำลักขึ้นมา เสียงไอนั้นปานจะขาดใจ ราวกับจะไอจนปอดหลุดออกมา

เสียงไอของเขาเพิ่มความอ้างว้างให้พงไพรที่รกร้างแห่งนี้ จากนั้นก็ดึงดูดสัตว์ร้ายที่ค่อนข้างดุดันกว่าสิบตัวให้มุ่งหน้ามา…

หากว่าเป็นยามปกติ สัตว์ร้ายเหล่านี้ย่อมคุกคามเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้ เขาไม่มีแม้แต่ทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาสู้เลย สัตว์ร้ายล้อมกรอบเข้ามาเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แสยะปากเผยให้เห็นเขี้ยวคมที่ส่องประกายเยียบเย็นของพวกมัน…

….

กู้ซีจิ่วคิดว่าตนน่าจะเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเองที่สุดในโลก

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าคนผู้นั้นน่าโมโหน่าชิงชังยิ่ง อยากจะตัดขาดกับคนผู้นั้นเสีย แต่ในสมองของเธอกลับมีท่าทางของเขาวนเวียนอยู่…

ท่าทางยามที่พบเขาครั้งแรก ท่าทางยามที่เขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ ท่าทางยามที่เขายิ้มแย้มหยอกเย้าเธอ…ท่าทางของเขาในครั้งสุดท้ายที่ตัดขาดกับเขา…

เธอกลับมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนั้นโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันรู้ตัวก็กลับไปยังห้องพักนั้นแล้ว

ห้องนี้ก็เป็นตี้ฝูอีที่เช่าไว้ให้เธอ หากว่าเธอมีศักดิ์ศรีสักหน่อย ก็ควรจะสะบัดหน้าจากไปเสีย ถอยห่างจากที่นี่อย่างเด็ดเดี่ยว เช่นนั้นสิถึงจะแสดงให้เห็นความหยิ่งผยองและความทระนงของเธอ

แต่หลังจากกลับไปที่ห้องนั้นแล้ว หัวใจเธอก็เกิดความโหยหาอาวรณ์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ไม่อยากจากไปเลย…

เธอบอกกับตัวเอง วันนี้ดึกเกินไปแล้ว เธอหาห้องพักอื่นไม่ทัน จึงต้องพักที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่พักใหม่ก็ยังไม่สาย

จะอยู่ก็ได้อยู่แล้ว แต่เธอนั่งอย่างไร้ชีวิตจิตใจ รู้สึกกระวนกระวาย

ถึงแม้ตัวคนจะนั่งสมาธิอยู่ แต่หูกลับอดไม่ได้ที่จะคอยฟังความเคลื่อนไหวจากข้างห้อง…

ตี้ฝูอีก็พักอยู่ห้องข้างๆ เธอ ขอเพียงเขากลับมา เธอจะต้องได้ยินเสียงเปิดประตู

แต่เธอฟังอยู่หนึ่งชั่วยามเต็ม ก็ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวจากข้างห้องเลยสักนิด

เธอพาอวิ๋นเยียนหลีใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมา ดังนั้นจึงรวดเร็วมากนัก แต่ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เขาก็น่าจะกลับมาได้แล้วกระมัง?

….

———————————–