หลังจากที่ได้ทักทายกับแต่ละคนอย่างอบอุ่น ฉินอวี้โม่ก็นำทางทุกคนเข้าสู่คฤหาสน์เฟิงหัวโดยเร็ว
“ว้าว ! ช่างเป็นคฤหาสน์ที่งดงามยิ่งนัก”
เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ กวาดสายตามองไปรอบคฤหาสน์เฟิงหัวโฉมใหม่และต้องทอดถอนหายใจให้กับความอัศจรรย์ตรงหน้า
คฤหาสน์เฟิงหัวในตอนนี้ไม่ต่างจากนครขนาดใหญ่และมันงดงามตื่นตาอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะแนะนำเจ้าหนูสองคนให้ทุกคนได้พบก่อน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มขณะสั่งให้เสี่ยวเฮยพาเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ออกมา
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อทราบว่าสหายของมารดามาถึง ร่างเล็ก ๆ ของทั้งสองก็รีบวิ่งออกมาอย่างมีความสุข
เยว่ชิงเฉิงและโอวหยางชิงเฟิงตกตะลึงทันทีที่เห็นเจ้าหนูน้อยน่ารักน่าชังไร้ที่ติทั้งสอง จากนั้นสีหน้าตกตะลึงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจปนสงสัย
“อวี้โม่ อย่าบอกนะว่า…นี่คือลูกของเจ้ากับรุ่นพี่หานโม่ฉือ”
เยว่ชิงเฉิงมองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ยินดีด้วย เจ้าทายถูกแล้ว”
เมื่อเห็นสหายคนงามพยักศีรษะ เยว่ชิงเฉิงก็อดแสดงสีหน้าตกใจไม่ได้
“แม่เจ้า เร็วยิ่งนัก เจ้าทั้งสองมีลูกด้วยกันแล้ว !”
นางและคนอื่น ๆ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะประหลาดใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองรีบร้อนมีทายาทสืบสกุล
“เรื่องมันยาว ข้าคงต้องอธิบายกับทุกคนอย่างช้า ๆ ทว่าตอนนี้ข้าขอแนะนำลูกทั้งสองให้ทุกคนรู้จักก่อน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวออกไปโดยตรงว่านางยังไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ในตอนนี้
“นี่คือลูกของข้าและโม่ฉือ เป็นแฝดชายหญิง ผู้ชายมีชื่อว่าฉินอ้ายฉือ ส่วนผู้หญิงมีชื่อว่าหานอ้ายโม่”
ฉินอวี้โม่เริ่มจากการแนะนำเจ้าหนูน้อยก่อนหันไปกล่าวกับบุตรทั้งสอง “นี่คือป้าชิงเฉิง”
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่วิ่งเข้าไปหาเยว่ชิงเฉิงทันที “ป้าชิงเฉิง”
เยว่ชิงเฉิงมองมนุษย์ร่างเล็กที่น่ารักน่าชังเหมือนตุ๊กตาตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง นางอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปกอดและหอมแก้มเจ้าหนูน่าเอ็นดูทั้งสอง
“อวี้โม่ ข้าจะเป็นแม่อุปถัมภ์ของเจ้าหนูทั้งสองเอง”
เยว่ชิงเฉิงเงยหน้ามองฉินอวี้โม่และกล่าวอย่างสบาย ๆ นางชื่นชอบและถูกชะตากับเด็กน้อยทั้งสองอย่างที่สุด
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา หากมีแม่อุปถัมภ์ที่ทรงพลังอย่างเจ้า เจ้าหนูทั้งสองก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมารังแก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะหาของแปลก ๆ ใหม่ ๆ และประดิษฐ์อุปกรณ์วิเศษให้ทั้งสองได้ใช้ตลอดชีวิต”
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่พยักศีรษะและตอบตกลงในทันที
“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ข้าต้องหาของที่ดีที่สุดเป็นของขวัญให้เจ้าหนูน้อยทั้งสองแน่”
เยว่ชิงเฉิงตอบตกลงโดยไม่ลังเลขณะสายตามองเด็กน้อยชายหญิงอย่างมีความสุข
“ถ้างั้นข้าก็ต้องการเป็นพ่ออุปถัมภ์ของทั้งสองเช่นกัน !”
เมื่อโอวหยางชิงเฟิงได้ยินวาจาของเยว่ชิงเฉิง เขาก็ไม่ยอมน้อยหน้า เจ้าหนูทั้งสองน่ารักน่าชังอย่างที่สุดและเขาก็ต้องการเป็นพ่ออุปถัมภ์ที่คอยดูแลทั้งสองเช่นกัน
“ฮ่า ๆ ๆ หลังจากที่เจ้าตบแต่งกับชิงเฉิง การที่นางเป็นแม่อุปถัมภ์ เจ้าก็จะกลายเป็นพ่ออุปถัมภ์ไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องแย่งกันหรอก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวออกไป
โอวหยางชิงเฟิงพยักศีรษะอย่างพึงพอใจและรับเด็กน้อยทั้งสองมาจากอ้อมแขนของเยว่ชิงเฉิงพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวอ้ายฉือ เสี่ยวอ้ายโม่ ข้าคือเตี่ยชิงเฟิงนะ”
“เตี่ยชิงเฟิง”
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงทำให้โอวหยางชิงเฟิงมีความสุขอย่างยิ่งจนเขาอยากหยิบสมบัติทั้งหมดที่มีมากองตรงหน้าเด็กน้อยทั้งสอง
“นี่คือลุงฉีอวี้”
เมื่อโอวหยางชิงเฟิงวางเด็กทั้งสองจากอ้อมแขน ฉินอวี้โม่ก็ชี้ไปที่ฉีอวี้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
“ลุงฉีอวี้”
ทั้งสองตะโกนอย่างว่าง่ายทันที
ฉีอวี้อุ้มทั้งสองขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้สมหวังกับฉินอวี้โม่ ทว่าตราบใดที่นางมีความสุข เขาก็มีความสุขและยินดีกับนาง
ฉีอวี้ทราบดีว่าฉินอวี้โม่มองเขาเป็นสหายและพี่ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธมิตรไมตรีจากนางและเขาจะเป็นลุงที่พึ่งพาได้ของเด็กน้อยทั้งสองเอง
“ส่วนนี่คือลุงลั่วเฉิน และนี่คือลุงปิงเสวียน”
หลังจากชี้ไปที่ลั่วเฉินและปิงเสวียน ฉินอวี้โม่ก็กล่าวแนะนำคนทั้งสอง
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่กล่าวเรียกทั้งสองอย่างว่าง่ายเช่นกัน
ลั่วเฉินชื่นชอบเจ้าหนูทั้งสองมากเช่นกัน เขาไม่เพียงแต่หยิบของขวัญมอบให้ทั้งสองเท่านั้นทว่ายังกอดเด็กน้อยร่างเล็กทั้งสองไว้แน่นอย่างมีความสุข
และแม้แต่ปิงเสวียนเองก็เผยรอยยิ้มที่เห็นได้ยากให้กับทั้งสองเป็นครั้งแรกพร้อมมอบของขวัญและสวมกอดเด็กน้อยตรงหน้าเช่นกัน
“อวี้โม่ แล้วตอนนี้รุ่นพี่หานโม่ฉืออยู่ไหนล่ะ ?”
เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของหานโม่ฉือ เยว่ชิงเฉิงก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้
แน่นอนว่านางเชื่อมั่นในความรู้สึกที่หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่มีต่อกัน ทว่าการที่หานโม่ฉือไม่อยู่ที่นี่และปล่อยให้ฉินอวี้โม่ดูแลบุตรทั้งสองเพียงลำพังเช่นนี้ทำให้นางฉงนสงสัยไม่น้อย
เมื่อเยว่ชิงเฉิงถามว่าหานโม่ฉืออยู่ที่ใด ฉินอวี้โม่ก็อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ หากนางทราบว่าเขาอยู่ที่ใด ทุกอย่างก็คงจะดีกว่านี้…
“ชิงเฉิง ข้าก็ไม่รู้ว่าโม่ฉืออยู่ที่ไหน…”
หลังจากกล่าวคำตอบนั้นออกไป ฉินอวี้โม่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในดินแดนอ้างว้างให้เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ได้ทราบ
เมื่อได้ยินว่าหานโม่ฉือพยายามปกป้องฉินอวี้โม่จนนำมาสู่เหตุการณ์ที่เขาหายตัวไปและตอนนี้มิอาจทราบได้ว่าเขาอยู่ที่ใด เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็กังวลใจเล็กน้อยเช่นกัน
“อวี้โม่ ไม่ต้องห่วงหรอก รุ่นพี่หานโม่ฉือเป็นบุรุษที่ทรงพลังและมากพรสวรรค์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่ บางทีตอนนี้เขาอาจอยู่ในดินแดนเทพมายาแล้วหรืออาจอยู่ใกล้กับเทือกเขากายสิทธิ์นี้ การที่สระกายสิทธิ์ปรากฏขึ้นมาในครานี้ เขาก็อาจจะเดินทางมาที่นี่เช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะได้พบกับเขาอย่างแน่นอน”
เยว่ชิงเฉิงเขย่ามือบางของฉินอวี้โม่เบา ๆ เพื่อปลอบโยนให้คลายกังวล
หลังจากเหตุการณ์เรื่องราวมากมายที่ผ่านมา หัวใจของฉินอวี้โม่ก็สงบนิ่งอย่างยิ่ง นางเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นกับบุรุษคนรัก ในเมื่อเขาลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะพบกันอีกคราที่ดินแดนเทพมายา เขาก็จะต้องอยู่ที่ดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เยว่ชิงเฉิงพูดถูกแล้ว นางอาจได้พบเขาอีกครั้งในเวลาไม่นานเกินรอ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้าหรอก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ เพื่อยืนยันมิให้เยว่ชิงเฉิง โอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ กังวลหรือเป็นห่วงนาง
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่เศร้าเสียใจหรือกังวลมากเกินไป เยว่ชิงเฉิงและทุกคนก็โล่งใจและไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความ
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็เล่าเรื่องอื่น ๆ ที่เผชิญในดินแดนอ้างว้างและโลกมายาให้กับคนทั้งห้าได้ทราบ รวมถึงเรื่องความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตนพร้อมกับแนะนำฉู่เจี๋ย วังหลงและคนอื่น ๆ ให้พวกเขารู้จัก
เมื่อทราบว่าตอนนี้ฉินอวี้โม่เป็นผู้ปกครองของทั้งดินแดนทางเหนือ แน่นอนว่าเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง ทั้งห้าไม่คาดคิดเลยว่าสหายผู้นี้จะรวมดินแดนทางเหนือให้กลายเป็นปึกแผ่นเดียวกันได้และกลายเป็นผู้นำของมันภายในเวลาเพียงสั้น ๆ
“ตอนที่ข้าส่งข่าวกลับไปกับพี่อู่ซิง พวกเจ้าน่าจะออกเดินทางกันมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รับข่าวนั้นไป”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ คาดการณ์ว่าตอนที่อู่ซิงส่งข่าวกลับไปถึงนครล่าฝัน เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ คงจะออกเดินทางมาแล้วจึงไม่ได้รับข่าวสารจากนาง
เยว่ชิงเฉิงและทุกคนเข้าใจว่าสถานการณ์อาจเป็นเช่นนั้นและเพียงถอนหายใจเบา ๆ
“อีกอย่าง… เจ้ารู้รึไม่ว่าพี่ชายของข้าอยู่ที่ใด ?”
เมื่อนึกถึงฉินอี้เฟยผู้ซึ่งนางไม่ได้รับข่าวแม้แต่น้อย ฉินอวี้โม่ก็เอ่ยถามทันที
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก พี่อี้เฟยสบายดีและพวกเราได้พบกับเขาแล้ว”
โอวหยางชิงเฟิงกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างและเล่าเหตุการณ์ที่พบกับฉินอี้เฟยให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบ
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความฉงนสงสัยเมื่อทราบว่าพี่ชายของตนอยู่ในเรือนกระจกน้ำแข็งซึ่งเป็นขุมกำลังฝ่ายปฏิปักษ์ ทว่าหลังจากไตร่ตรองอยู่ในใจ นางก็พอจะตระหนักได้ว่าพี่ชายของตนต้องการทำสิ่งใด
ฉินอวี้โม่เชื่อมั่นในความสามารถของพี่ใหญ่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะเหตุนั้น หลังจากทราบว่าเขาปลอดภัยดี นางก็ไม่กังวลมากนักและความกังวลที่ติดค้างในใจก็สลายหายไป
“อีกอย่าง นอกจากเรื่องพี่อี้เฟย พวกเราก็ได้รับข่าวเกี่ยวกับกลุ่มของท่านลุงฉินมาเช่นกัน”
เมื่อนึกถึงฉินเทียนและคนอื่น ๆ โอวหยางชิงเฉินก็กล่าวเสริมขึ้นมา
“ท่านพ่อรึ ! พวกเขาอยู่ที่ใดกัน ?”
วาจาของโอวหยางชิงเฟิงทำให้ฉินอวี้โม่ลุกพรวดและเอ่ยถามออกไปทันที
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ดินแดนทางใต้และกำลังพัฒนาไปด้วยดี ความแข็งแกร่งของท่านลุงฉินตอนนี้อยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงแล้วและแกร่งกล้ามากทีเดียว เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านปู่ฉินเฟิน ลุงฉินหยาง ฉินอี้เฉียงและฉินอี้เพ่ยก็เดินทางไปหาท่านลุงฉินด้วยกันและยังไม่กลับมา ข้าเชื่อว่าหลังจากนี้เราน่าจะได้พบคนจากดินแดนทางใต้และได้พบคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างแน่นอน”
ฉีอวี้ยิ้มและบอกกล่าวเรื่องข่าวของฉินเทียน
เมื่อได้ทราบว่าบิดาและสหายจากดินแดนอ้างว้างสบายดี ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากเสร็จสิ้นธุระที่สระกายสิทธิ์นี้ นางวางแผนที่จะกลับไปยังดินแดนเหนือก่อนและเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ก่อนเดินทางไปยังดินแดนทางใต้เพื่อพบกับบิดา จากนั้นนางก็จะเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ภูมิภาคกลางเพื่อตามหามู่อวิ๋นและสหายคนอื่น ๆ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนจะได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หลายคนสนทนากันอย่างมีความสุขในคฤหาสน์เฟิงหัวจนลืมเวลาไปเสียสนิท คนเหล่านี้ไม่ได้พบกันมานานหลายปีและมีเรื่องราวให้พูดคุยกันมากมายไม่รู้จบ
หลังจากอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวนานสามวัน ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าอีกไม่นานผนึกรอบสระกายสิทธิ์ก็จะสลายหายไปแล้ว
คนทั้งกลุ่มจึงออกมาจากคฤหาสน์ล่องหนและเดินเท้าต่อไปยังพิกัดของสระกายสิทธิ์
ในเวลานี้ ผนึกรอบสระกายสิทธิ์ใกล้ที่จะคลายออกเต็มทีและมีจอมยุทธ์อยู่ในบริเวณยอดเขากายสิทธิ์หนาแน่นกว่าก่อนมาก
ขุมกำลังทั้งน้อยใหญ่จากทุกภูมิภาคล้วนส่งจอมยุทธ์มาที่นี่ รวมถึงจอมยุทธ์อิสระบางส่วนก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน วันนี้มีผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ที่เทือกเขากายสิทธิ์นี้อย่างน้อยหลายพันชีวิต
“ไม่รู้เลยว่าคุณสมบัติของสระกายสิทธิ์นี่จะเป็นจริงดังข่าวลือรึไม่ ?”
ขณะมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมาย เยว่ชิงเฉิงก็กล่าวขึ้นและมองสำรวจรอบตัวด้วยความสงสัย
โอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ ก็นึกสงสัยเช่นกัน ทว่าพวกเขาก็แอบเชื่ออยู่มากกว่า ถึงแม้พวกเขาจะยังสงสัยนัก ทว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อยืนยันด้วยตนเอง
เนื่องจากฉินอวี้โม่บอกกับเยว่ชิงเฉิงและโอวหยางชิงเฟิงไว้ก่อนแล้วว่ามิให้เปิดเผยตัวตนของนางก่อนถึงเวลา นางจึงยังสวมผ้าคลุมบดบังใบหน้าและก้าวเดินเคียงข้างพวกเขาโดยไม่เอ่ยอะไรมากนัก
ฉู่เจี๋ย วังหลงและคนอื่น ๆ ก็ติดตามฉินอวี้โม่โดยไม่เอ่ยกล่าวสิ่งใดมากนักเช่นกัน
แม้ว่าผู้คนโดยรอบจะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับฉินอวี้โม่และวังหลงที่รวมกลุ่มกับเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาก็คิดไปกันว่าคนทั้งกลุ่มคงจะมาจากนครล่าฝันและไม่คิดสิ่งใดมากนัก
หลังจากเวลาผ่านไปสองก้านธูป ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงคลื่นความชื้นแฉะบางอย่างและทราบได้ทันทีว่าสระกายสิทธิ์กำลังจะเปิดแล้ว
เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากก้าวต่อไปเพียงประมาณสิบก้าว สระขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน ทว่ารอบ ๆ มันมีผนึกเป็นประกายบางอย่างห้อมล้อมไว้ซึ่งปิดผนึกสระข้างในจากคนภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่าผนึกดังกล่าวนี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างยิ่งและเหมือนนางเคยเผชิญกับสภาวะพลังเช่นนี้มาจากที่ใดสักแห่ง
“วังหลง นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเจ้าที่นี่ !”
ทว่าในขณะที่ฉินอวี้โม่กำลังจะพินิจพิจารณาผนึกตรงหน้า เสียงหนึ่งก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวและเข้าล้อมรอบกลุ่มของวังหลงไว้ทันที
.
.