บทที่ 364 หัวใจขององค์หญิง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 364

หัวใจขององค์หญิง

มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางที่ชัดเจนของนาง “ใช่ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีทางเลือกเลยต้องทำตัวให้เหมือนนกฟินิกซ์” มู่หรงแกล้งทำเป็นเศร้า

ผู้หญิงที่หัวใจเต็มไปด้วยความเกลียดคืออะไรที่น่ากลัวที่สุด

การที่มาคุยกับนางตอนนี้ไม่ใช่การสมรู้ร่วมคิด

มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะรีบกลับไปหาพ่อแม่โดยเร็วที่สุด เธอไม่เชื่อว่าองค์หญิงเฟิงอู๋ซีจะเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ อีกอย่างเมื่อพิจารณาจากคำพูดและการกระทำก่อนหน้านี้ก็จะเห็นได้ว่านางเป็นคนที่รักบ้านเมืองอย่างมาก ถ้าเป็นแบบนั้นนางจะยอมกลายมาเป็นสมาชิกในฮาเร็มของหลินหยางได้ยังไง

ปัจจุบันความคิดเห็นของประชาชนไม่คงที่ ถ้ามีประกาศออกไปว่าองค์หญิงตายแล้วมันก็คงจะไม่ดีเท่าไร ดังนั้นเธอจึงต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น

“ให้ข้าช่วยเจ้าไหม?” ในสายตาของเฟิงอู๋ซีไร้ซึ่งความสงสารและถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ข้าไม่เข้าใจเลย” มู่หรงเสวี่ยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เธอเคยเห็นนางมาก่อนและยังจำได้ดี อย่าคิดว่าทุกคนจะหลอกง่ายกันหมดนะ!

เฟิงอู๋ซีไม่ได้รู้สึกสงสารแต่กลับกัดฟันแน่น ทำไมพูดง่ายแบบนั้นล่ะ ไม่อยากอยู่กับคนรักหรือไง?!

ที่ตรงนี้ควรจะเป็นของเธอ ไม่ใช่นาง เมื่อมองไปยังท่าทางที่นางกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ ไม่คู่ควรเลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้เธอก็ยังต้องการนางอยู่ “ถ้าเจ้าไม่อยากจะนอนกับองค์จักรพรรดิ งั้นทำไมไม่แนะนำข้าให้พระองค์แทนล่ะ?” เธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับเธอ

มู่หรงเสวี่ยเข้าใจอย่างชัดเจน “ข้าไม่อยากที่จะขึ้นเตียงจริงๆแต่เรื่องขององค์จักรพรรดิไม่ใช่อะไรที่เราจะเอามาพูดกันเองภายในวังได้ อีกอย่างองค์หญิงเฟิงก็รู้จักองค์จักรพรรดิมาก่อนแล้ว เราต่างก็เป็นคนคุ้นเคยกัน ทำไมต้องให้ข้าแนะนำให้ด้วยล่ะ?” ขึ้นเตียงงั้นเหรอ?! เธอยอมตายดีกว่า อีกอย่างหลินหยางก็กำลังทำงานอย่างหนัก จนเธอต้องเข้ามาช่วยเขาคอยจัดการเรื่องผู้หญิงพวกนี้

“องค์จักรพรรดิจะมาสนใจเรื่องความเป็นเพื่อนก่อนหน้านี้ได้ยังไงกัน? มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยังพอมีอิทธิพลกับพระองค์อยู่บ้าง ข้าหลงรักองค์จักรพรรดิมานานมากแล้ว ถ้าข้ามีโอกาสข้าก็หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าได้”

เมื่อมองท่าทางที่อ่อนหวานนี้ ถ้านางมีคนรัก นางก็น่าจะเป็นคนรักที่อ่อนโยนมาก “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าเข้าใจแล้วแต่เจ้าก็รู้ว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม องค์จักรพรรดิยุ่งมาก ข้าเกรงว่าในตอนนี้คงทำให้พระองค์ไม่พอสำหรับทุกคนเป็นแน่” มู่หรงยังคงเล่นลิ้นและพูดออกมาอย่างคลุมเครือ

ถือเป็นอันตกลง เฟิงอู๋ซีอดที่จะรู้สึกชื่นชมกับความยินดีในหัวใจไม่ได้ เธอยิ้มเล็กน้อยและพูดออกมา “เจ้านี่สวยกว่าแต่ก่อนอีกจะต้องทำได้อย่างที่หวังแน่ๆ” ช่างดีเหลือเกินที่เธอได้ทุกอย่างอย่างที่หวังไว้

มู่หรงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยอย่างมาก

เฟิงอู๋ซีเองก็อยากที่จะพูดอะไรบางอย่างอย่างที่วางแผนมา

แผนการของพระมเหสีคืออะไร “เจ้ากลายมาเป็นพระมเหสีได้ยังไงเหรอ? ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ายังติดตามท่านเฟิงอยู่เลยนิ…” เฟิงอู๋ซีพูดออกมาด้วยความสงสัย

มู่หรงจ้องไปที่นางแล้วจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมา “ข้าติดหนี้เขา” พร้อมถอนหายใจออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องที่ยาวมาก

แน่นอนว่าองค์หญิงเฟิงอู๋ซีหยุดประโยคและคิดเรื่องความสัมพันธ์สามเศร้าขององค์จักรพรรดิ, พระมเหสีและท่านเฟิงอย่างหนัก

เฟิงอู๋ซีพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะทำให้องค์จักรพรรดิมีความสุข” มีความสุขราวกับตกนรกเลยล่ะ

“ฝากด้วยนะองค์หญิง” มู่หรงเสวี่ยกินองุ่นเข้าไปอีกลูก

องค์หญิงดูไม่ได้มีท่าทีเบื่ออะไรเลย แต่กลับนั่งลงข้างๆ มู่หรงเสวี่ย

“รู้อะไรไหม? องค์จักรพรรดิดีกับข้ามากเลย ข้าไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันนี้อากาศดีมากๆหรือเพราะท่าทางที่สงบของ มู่หรงเสวี่ยในตอนนี้ที่ลืมไม่ลงกันแน่”

“ข้าก็พอจะเห็นอยู่นะ” ไม่อย่างงั้นท่าทางของการประชุมครั้งแรกคงไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่คงจะวางท่าภาคภูมิที่มีคนนับพันมาคอยเอาใจจนเสียนิสัยแน่ๆ

“ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าจะกลัวคนแปลกหน้ามากๆและมักจะร้องไห้ตลอด ท่านพี่ของข้าไม่สนใจคำสั่งที่ไม่พอใจของท่านพ่อเลย และออกไปจับกระต่ายมาให้ข้าเล่น กระต่ายตัวนั่นอยู่เป็นเพื่อนข้านานหลายปีเลย”

“ทุกคนต่างก็คิดว่าข้าชอบกระต่ายแต่จริงๆแล้วเปล่าเลย ข้าก็แค่ชอบความมีน้ำใจของท่านพี่ แต่หลังจากนั้นท่านพี่ก็ส่งของมาให้ข้าอีกมากมาย…”

มู่หรงยัดองุ่นเข้าไปอีกและฟังเรื่องราวต่อ

“ในโลกนี้มีพี่ชายที่ดีขนาดนี้ได้ยังไงกัน” เฟิงอู่ซีพูดเล่าความทรงจำด้วยความรู้สึกเทิดทูน

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของข้าทะนงตัวขนาดไหน เขาทั้งมีความสามารถและภาคภูมิ เขามักจะมีความสุขกับการที่โลกอยู่สยบอยู่แทบเท้า แล้วเขาจะทนจากไปแบบนี้ได้ยังไง?” ปิดท้ายด้วยความพังทลาย

ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง ถ้าเธอหาข่าวได้เร็วกว่านี้ ถ้าเธอสามารถสกัดกั้นองค์จักรพรรดิไว้ได้

งั้นตอนนี้ท่านพี่คงจะไม่ปล่อยให้เธอต้องมาทำท่าทาง ขี้ขลาดอะไรแบบนี้นี้

มู่หรงเงียบไปชั่วขณะ รักพี่ชายตัวเองงั้นเหรอ?!

น้ำเสียงของเฟิงอู๋ซีถ้าไม่มีความเศร้าปนจะเป็นเสียงที่ไพเราะอย่างมาก ใครที่ได้ฟังต่างก็ต้องเคลิบเคลิ้ม ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะเข้าใจความเจ็บปวดของนางแต่พวกเธอก็ถูกกำหนดมาให้เป็นศัตรูกัน อีกอย่างนางก็ไม่ได้มีความเห็นใจอะไรเธอ แต่เพียงแค่อยากจะใช้ประโยชน์จากตัวเธอเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่นางพูดมาตอนนี้จึงไม่ได้มีความหมายอะไร

มุ่หรงเสวี่ยรู้ดีว่าผู้หญิงสามารถพูดอะไรออกมาได้บ้าง ทั้งร้องไห้ ทั้งหัวเราะ อย่างเรื่องนางกับพี่ชายอีก

ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก้รู้สึกว่าไม่สามารถที่จะทนได้อีกแล้ว วินาทีต่อมา อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที ต้องชมหัวใจของเฟิงอู๋ซีจริงๆที่สามารถทำให้เธอรู้สึกสงสารขึ้นมาได้ ช่างเป็นอำนาจที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ

โชคดีที่เธอไม่ใช่คนที่ขี้สงสารซะด้วย ไม่ว่านางจะน่าสงสารมากแค่ไหนแต่โลกก็ถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว ถ้านางมีโอกาสได้แก้แค้นอีกครั้ง โลกก็คงจะวุ่นวายน่าดู

จนกระทั่งถึงช่วงเย็น เฟิงอู๋ซีก็เช็ดน้ำตาที่นองหน้าและเงียบไป มู่หรงโบกมือ ไม่อยากที่จะคิดถึงเรื่องจุดจบที่น่าเศร้าของนาง

อันที่จริงเธอรู้สึกว่านางน่าจะตายไปพร้อมพี่ชายนางด้วยซ้ำไป ท้ายที่สุด หากนางยังมีชีวิตอยู่ นางจะถูกทรมานด้วยความบ้าคลั่งในใจและจะไม่มีวันเป็นอิสระ

เฟิงอู๋ซีเดินออกไปนอกประตูและเปลี่ยนสีหน้าที่น่าสงสารที่อยู่เบื้องหน้ามู่หรงเสวี่ยเมื่อกี้ ตอนนี้สายตาของเธอเต็มไปด้วยความดุดันพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมาอีก

นังผู้หญิงโง่! เฟิงอู๋ซีดูเหมือนจะเห็นชัยชนะของตัวเองรางๆแล้ว ตราบใดที่เธอสามารถทำให้ผู้หญิงคนนั้นสงสารได้ เธอก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าตัวเองจะไม่มีโอกาส

หลินหยาง ทำให้เลือดของทั้งสามดินแดนต้องนองแล้วแบบนี้จะคู่ควรที่จะเป็นจักรพรรดิของโลกได้ยังไง สายตาของอู๋ซีแวบประกายบ้าคลั่งจนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่

เสี่ยวหงเดินตามอู๋ซีไปเงียบๆ ที่หางตาเห็นสายตาขององค์หญิงในตอนนี้ซึ่งดูน่ากลัวอย่างมาก

ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้เธอจะต้องถูกซ้อมจนตัวเขียวช้ำไปหมดก่อนที่องค์หญิงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

สาวใช้เดินช้าลงมากจนแทบอยากที่จะวิ่งหนี องค์หญิงน่ากลัวมากจริงๆ

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจอยู่เงียบๆ

หรือว่าจะจับพวกนางขังไว้ในวังไปเลย ความเกลียดขนาดนั้นมันควบคุมไม่ได้หรอก แต่เธอก็ยังต้องถามหลินหยางก่อนว่าเขาจะว่ายังไง

จริงๆแล้ววันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นวันที่ดีสำหรับเธอที่ได้เจอคนอื่นบ้าง ถึงแม้ผลที่ได้มันจะออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่การที่ได้เจออารมณ์ของผู้หญิงบ้างก็ไม่ได้แย่เท่าไร วิธีที่รุนแรงของหลินหยางในการจัดการสิ่งต่างๆ มีคนห้าคนที่กล้าออกมาตั้งคำถาม ทีละข้อทีละข้อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎของยานพาหนะของพลเรือนซึ่งก่อให้เกิดคลื่นของความสรรเสริญ

สมาชิกเดิมบางคนของสภาถูกสอบสวนและพวกคนที่เอนเอียงไปทางกบฏแต่ไม่ทันได้เดินผ่านห้องโถงเลย พวกเขาก็ถูกฆ่าทันที

เรื่องนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงใหญ่ในหมู่ข้าราชการ

มีเพียงห้าคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จักองค์จักรพรรดิหมิงเหว่ย

บันทึกประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องทั้งหมดของหลินหยางลงในหนังสือประวัติศาสตร์เพื่อเด็กรุ่นใหม่ๆในอนาคต

มู่หรงเสวี่ยพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่ในฮาเร็มและบางครั้งก็เรื่องน่าสนใจมาให้ได้ชมด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนดีจะสงบได้

บางครั้งองค์หญิงอู๋ซีก็จะแวะมาหามู่หรงบ้างเป็นบางครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะต้องหาข้ออ้างเพื่อมาเล่าเรื่องโกหกเกี่ยวกับอดีตให้มู่หรงฟัง

หลิวจือหลิงเองก็ทนไม่ได้ ในวันนี้เธอขาดสติจนกวาดข้าวของในห้องจนหล่นมากองที่พื้นเต็มไปหมด

“ให้รอ รอ แล้วเมื่อไรกันล่ะ?” หลิวจือหลิงโกรธมากจนถึงกับโยนแจกันชิ้นสุดท้ายออกมาข้างนอก

สาวใช้แต่ละคนที่กำลังนั่งคุกเข่าต่างก็ไม่กล้าที่จะหลบจึงต้องปล่อยให้แจกันตกลงมาเบื้องหน้าที่ซีดเผือดของพวกนางเอง

“คุณหนูค่ะ” แม่นมที่ตามหลิวจือหลิงเข้าวังมาด้วยรับเข้ามาปิดประตู ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปจะต้องกลายเป็นที่ครหาแน่ๆ

“ท่านแม่นม ผู้หญิงคนนั้นครอบครององค์จักรพรรดิไว้คนเดียวเลย ไปมีทางที่พวกเราจะได้เจอพระองค์เลย” หลิวจือหลิงพูดออกมาอย่างไม่พอใจ

โชคดีที่แม่นมไล่สาวใช้ออกไปแล้ว ไม่งั้นพวกเธอคงต้องเดือดร้อนแน่ๆถ้าคำพูดพวกนี้หลุดออกไป

“คุณหนูเจ้าคะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรานะเจ้าคะ งั้นถ้าไม่พอใจอะไรพวกเราก็ต้องอดทน ในเมื่อเป็นแบบนี้ครั้งหน้าก็อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะเจ้าคะ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี” แม่นมพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยน

“แต่ท่านแม่นม เราอยู่ในวังกันมาสามเดือนแล้วนะแต่เรากลับยังไม่ได้เห็นองค์จักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ” แล้วแบบนี้เธอจะสานสัมพันธ์ได้ยังไงกัน

ทุกครั้งองค์จักรพรรดิก็จะไปหาแต่พระมเหสีส่วนเหล่าผู้หญิงในฮาเร็มก็เป็นแค่เครื่องประดับที่ราวกับไม่มีตัวตนเลยสักนิด

“ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะคุณหนู เดี๋ยวองค์จักรพรรดิก็จะต้องเบื่อหน้าผู้หญิงคนนั้น และเมื่อเวลานั้นมาถึง โอกาสก็จะเป็นของเราเจ้าค่ะ อย่าพยายามดีจะทำอะไรตอนนี้เพราะพระมเหสียังเป็นคนโปรดอยู่ ข้ากลัวว่าคนอื่นจะกำลังรอให้มีใครที่ทนไม่ได้จนทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ” แม่นมพูดปลอบใจ

เธอเองก็รู้ดีและเธอก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนเธอรู้ต่อว่าเธอออกไปข้างนอกไม่ได้

อย่างไรก็ตามองค์จักรพรรดิในความฝันของเธอจะต้องชื่นชมความงามและความสามารถของเธอและเมื่อบางครั้งที่เธอคิดแบบนี้มันก็ทำให้เธอคิดถึง

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ความเพ้อฝันของเธอเองและองค์จักรพรรดิไม่เคยคิดถึงพวกเธอเลยด้วยซ้ำ

หลิวจือหลิงนึกถึงสาวงามคนอื่นๆที่อยู่รายล้อมพระมเหสี หรือนางจะใช้นังผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้นมาบังหน้า

ไม่งั้น องค์จักรพรรดิจะไปแค่ที่นั่นที่เดียวได้ยังไง

ยิ่งเธอคิดเรื่องนี้มากขั้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้นมากขึ้นเท่านั้น

พระมเหสีทำเกินไปแล้ว ถึงขนาดเอาพวกคนชั้นต่ำมารั้งองค์จักรพรรดิไว้แบบนี้

เสียทองเท่าหัวแต่ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร คนขี้อิจฉาแบบนั้นมาเป็นพระมเหสีได้ยังไงกัน

หลิวจือหลิงดึงผ้าคลุมหน้าของเธอ “ท่านแม่นม วันนี้ข้าไปกินข้าวกับพระมเหสีได้หรือเปล่า?”

ปกติแล้วองค์จักรพรรดิจะไปกินข้าวเย็นกับพระมเหสี

บางทีอาจจะทำเป็นบังเอิญเจอกันก็ได้ใช่ไหม?!

ท่านแม่นมลังเลอยู่สักพัก เธอไม่อยากที่จะให้ท่านหญิงถูกหมายหัว ยังไงซะก็ไม่มีใครรู้ว่าอารมณ์ขององค์จักรพรรดิเป็นยังไงด้วย

แต่เมื่อแม่นมเห็นสีหน้าของนางแบบนี้แล้วผู้ชายที่ไหนกันที่จะไม่หลงรัก และถ้าพลาดโอกาสนี้ ก็คงจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าอยากที่จะขึ้นสูง ก็ควรที่จะต้องเสี่ยงกันหน่อย