บัญชามังกรเดือด บทที่ 871 เริ่มฉลอง
ทั้งสองคนเดินจูงมือกันออกมาจากสนามบิน และได้สบตาเข้ากับร่างที่คุ้นตาคนหนึ่ง นั่นก็คือหลินเซวี่ยนั่นเอง
“ประธานซู พี่เทียน!”
เมื่อเห็นฉินเทียน เธอก็เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอคือคนของสาขาเขี้ยวมังกร มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องซูซู
และด้วยความเคยชิน จึงได้ร้องทักทายซูซูว่าประธานซู
ในความเป็นจริงแล้ว เธอไม่ค่อยถามเกี่ยวกับเรื่องของซูยู่กรุ๊ปเท่าไรนัก ในตอนนี้ซูซูเข้าไปก้าวก่ายด้วยตัวเองน้อยลงมากแล้ว และได้ปล่อยให้พวกของหลิวชิงเป็นคนไปจัดการเองทั้งหมด
“หลินเซวี่ย ที่บ้านสบายดีใช่ไหม!”
ซูซูกล่าวทักทายอย่างมีความสุข
“ทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดีค่ะ มีเพียงแต่เรื่องที่ประธานซูตัดสินใจด้วยตัวเอง และจากไปอย่างเงียบ ๆ ทำให้ทุกคนต่างก็เป็นกังวลกันจะตายอยู่แล้ว”
ขณะที่พูด ก็รู้สึกเป็นกังวลมาก จึงแอบเหลือบมองไปที่ฉินเทียน
สีหน้าของฉินเทียนบูดบึ้งเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างยิ้มเยาะว่า “เหลิ่งเฟิงกับเหลยเป้าล่ะ?”
“เหตุใดเขาถึงไม่ยอมมา หรือว่าไม่มีหน้ามาเจอฉันอย่างนั้นหรือ?”
รอยยิ้มของหลินเซวี่ยแข็งค้างอยู่บนใบหน้า และบรรยากาศก็ลดต่ำจนเย็นยะเยือก
“ขอโทษค่ะ!”
“เป็นพวกเราที่ทำงานอย่างไร้ความคิด พี่เทียนโปรดลงโทษ!”
หลินเซวี่ยหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายขายหน้า และเธอก็ยืนตัวตรง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับโทษ
ซูซูรีบตีฉินเทียนไปทีหนึ่งด้วยความร้อนใจ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณพูดจาไร้สาระอะไรกันน่ะ!”
“การแอบหนีออกไปจากบ้าน เป็นความสนใจของตัวฉันเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาปกป้องฉันได้ไม่ดี เป็นฉันเองที่จงใจที่จะหลบหลีกพวกเขา”
“คุณรีบขอโทษหลินเซวี่ยเดี๋ยวนี้เลย!”
เมื่อได้ยินซูซูพูดพูดว่าให้ฉินเทียนขอโทษเธอ หลินเซวี่ยก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้น แล้วเธอก็รีบร้อนกล่าวว่า “ไม่ๆๆ เป็นความผิดของพวกฉันเอง!”
“ที่พี่เทียนลงโทษเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว ประธานซูท่านไม่ต้องพูดแทนพวกเราหรอกค่ะ”
“ฉันไม่สน!”ซูซูจ้องเขม็งไปทางฉินเทียน กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องในครั้งนี้ ไม่ต้องทำการสอบสวนอีกแล้ว!”
ภายใต้”การคุกคาม”ของซูซู ทำให้ใบหน้าของฉินเทียน ค่อย ๆ ดีขึ้นเล็กน้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมาและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “กลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
หลินเซวี่ยขับรถ เพียงไม่นาน ก็กลับมาถึงอุทยานมังกรแล้ว
เมื่อมองดูจากระยะไกล จะเห็นประตูใหญ่เปิดกว้างอยู่ และมีบอดี้การ์ดยืนตั้งแถวสองแถวตัวตรงราวกับหอก เมื่อมองดูแล้วช่างน่าเกรงขามและเข้มงวด อีกทั้งยังให้บรรยากาศที่อึดอัดมากอีกด้วย
รถยนต์ค่อย ๆ หยุดลงตรงหน้าทางเข้าประตูใหญ่
เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า มาจนถึงด้านหน้าของรถด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
ฉินเทียนลดกระจกรถลง แล้วกล่าวอย่างยิ้มเยาะว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ในเวลานี้เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้าดึงปืนที่อยู่ระหว่างเอวของตนเองออกมา และใช้มือทั้งสองข้างส่งมอบให้กับฉินเทียน แล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเราบกพร่องต่อหน้าที่ พี่เทียนโปรดลงโทษด้วย!”
“และยังมีพวกเรา!”
“พี่เทียนได้โปรดลงโทษพวกเราไปด้วย!”ลูกน้องทั้งสองคนที่เป็นคนของทีมหมาป่าเดียวดายและแก๊งเขี้ยวมังกร ตะโกนขึ้นมาเสียงดังสนั่น
ภายในสายตาของพวกเขา สามารถมองเห็นถึงความอับอายขายขี้หน้าเนื่องจากเรื่องของการบกพร่องต่อหน้าที่
บางที หากตอนนี้ยิงไปที่พวกเขา อาจจะทำให้พวกเขารู้สึกดีมากกว่านี้หน่อยก็เป็นได้
ฉินเทียนค่อย ๆ กวาดตามองไปที่พวกเขาเหล่านั้น แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ความบกพร่องต่อหน้าที่ของทั้งทีม เป็นเพราะหัวหน้าทีมไร้ความสามารถ!”
“วันนี้ ฉันจะถามหาความรับผิดชอบจากพี่ใหญ่ของพวกนายเท่านั้น”
เขาหยิบปืนพกอินทรีทะเลทรายขึ้นมาจากมือของเหลิ่งเฟิง
“ฉินเทียน!”
ซูซูสั่นสะท้านด้วยความตกใจ และกล่าวอย่างหวาดผวาว่า “นายจะทำอะไรน่ะ?”
“ฉันเคยบอกไปแล้ว ว่าทั้งหมดนี้ฉันจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งนั้น”
“นายไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษพวกเขานะ!”
ฉินเทียนกัดฟันกล่าวว่า “ไม่มีกฎเกณฑ์ก็ไม่สามารถทำอะไรที่สำเร็จได้ ทำเรื่องผิดพลาด ก็สมควรที่จะได้รับโทษ”
พูดตามตรง ที่จริงแล้วภายในใจของเขาก็มีความโกรธอยู่เล็กน้อย
ทุกครั้งที่เขาจะต้องจากไป เขาต่างก็กำชับเหลิ่งเฟิงและเหลยเป้าเอาไว้ ว่าให้ปกป้องดูแลซูซูให้ดี แล้วพวกเขาล่ะ?
ไม่คาดคิดเลยว่าจะปล่อยให้หยินจ๋าพาซูซูไปจากใต้จมูกของพวกเขาต่อหน้าต่อตา
มันช่างอับอายขายขี้หน้าเสียจริง!
ถึงตอนนี้ซูซูจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
“พวกเรามีความผิด!”
“พี่เทียนได้โปรดเมตตา ลั่นไกเถอะครับ!”เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้ากัดฟันแน่น และหลับตาลง
พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะถูกยิงที่ศีรษะเอาไว้แล้ว และมีเพียงสิ่งนั้น พวกเขาจึงจะสามารถให้อภัยตัวเองได้
“ไม่ได้!”
ซูซูคว้ามือของฉินเทียนเอาไว้แน่น และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ถ้านายจะยิงพวกเขา อย่างนั้นก็ยิงฉันก่อนเลย!”
“นายไม่ชอบการทำงานของคุณยายไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากว่านายยิงพวกเขาไปแล้ว นายจะต่างจากคุณยายตรงไหนกันล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ความโกรธเคืองภายในแววตาของฉินเทียนจึงได้ลดลงไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่นายหญิงใหญ่ลงโทษจินตุน เขาก็รู้สึกว่ามันออกจะโหดร้ายไปเสียหน่อย
เมื่อมาคิดดูตอนนี้ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้อีกแล้ว
“คุณปล่อยเดี๋ยวนี้”
เขาส่งเสียงคำราม แล้วดึงมือของซูซุออก จากนั้นก็ยิงไปทางเหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า
ปังๆ!
เสียงปืนดังติดต่อกันถึงสองครั้ง ทำให้ซูซูร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
สมาชิกในทีมเหล่านั้นต่างพากันหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ
เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต้น้อย สามารถเห็นได้ว่า พวกเขามีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะตายกันแล้ว
โชคยังดี ที่ฉินเทียนยิงไปที่ความว่างเปล่าเหนือหัวของพวกเขา
เสียงปืนที่ดังอยู่ในหู และกลิ่นดินปืนที่ลอยอย่างรุนแรงในอากาศ เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า ลืมตาขึ้น และมองไปที่ฉินเทียนอย่างสงสัย
“ต่อไปห้ามมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!”
ฉินเทียนกล่าวประโยคนี้ออกมาอย่างเย็นชา แล้วโยนปืนลงไปที่เท้าของเหลิ่งเฟิง จากนั้นก็สั่งหลินเซวี่ย ให้ขับรถตรงเข้าไปข้างใน
เมื่อได้ยินเสียงปืน หยางยู่หลันที่อยู่ภายในวิลล่าของส่วนลึกของอุทยานมังกรก็รีบพุ่งเข้าไปด้วยความตกใจ
และทันทีที่เห็นได้เห็นซูซูและฉินเทียนลงมาจากรถ น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นที่ดวงตา
“ซูซู ฉินเทียน ในที่สุดพวกเธอก็กลับมาแล้ว!”
“แม่ได้ยินข่าวมาว่า พวกลูกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือและมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันใหญ่โตกับตระกูลฉินเก่าอย่างหรือ? ไม่เป็นไรกันใช่ไหม”
ซูซูกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “แม่ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“ตระกูลฉินที่ตะวันตกเฉียงเหนือก็คือครอบครัวของตระกูลฉิน และยังมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด จะไปเกิดเรื่องอะไรได้อย่างไร”
“ที่หนูไปก็ถือว่าเป็นการไปพบหน้าน้าเขยอย่างเป็นทางการ วางใจเถอะ คุณยายและคุณตา ปฏิบัติต่อหนูดีมากเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางยู่หลันก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย และใบหน้าก็ปรากฏความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่างนั้นก็ดี! อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ!”
“เหนื่อยกันแล้วใช่ไหม? รีบไปพักผ่อนเถอะ”
“พวกเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็ดีใจมากแล้ว แม่มาเพื่อจัดการ และวันนี้พวกเรามาเลี้ยงฉลองกันเถอะ”
ซูซูก็เหนื่อยมากแล้วเช่นกัน
ฉินเทียนพาเธอกลับไปยังวิลล่าขนาดเล็กที่เป็นของเขาทั้งสอง แล้วเฝ้าดูเธอนอนหลับไป ทันทีที่หลับไป เธอก็หลับไปจนถึงพลบค่ำ
แต่ทว่าฉินเทียนยังคงอยู่ข้างเตียง ราวกับปกป้องสมบัติชิ้นหนึ่งที่สูญหายไปแล้วพึ่งได้กลับคืนมา และไม่ได้ละทิ้งไปแม้แต่ก้าวเดียว
และในที่สุดซูซูก็ตื่นขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย เมื่อมองดูแล้วกระฉับกระเฉงขึ้นมาไม่น้อย
“หิวแล้วล่ะ”เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ฉินเทียนจึงรีบร้อนกล่าวว่า “เดี๋ยวผมไปเตรียมอะไรมาให้กิน”
เมื่อตอนที่เขาออกมาจากวิลล่า ก็ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังตกดินอยู่ด้านนอก จากนั้นก็เห็นรถจอดอยู่เต็มสนามหญ้าจากที่ไกลๆ และมีคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันอยู่ข้างรถ ทำให้อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงขึ้นมาครู่หนึ่ง
“ผู้เฒ่าอาน พวกคุณมากันได้อย่างไร?”
ไม่คาดคิดว่าทั้งหมดที่มานั้นจะเป็นผู้นำของสหพันธ์การค้าเจ็ดเมืองทางใต้
ลิเว่ยจง พ่อและลูกสาวลิฉุน เจี่ยงเส้า หยางหยวนชิ่ง พ่อและลูกชายเฉินเถิง ยู่หลิงหลง จ้าวเทียนเผิง…ไม่คิดเลยว่าอานกั๋วจะยังพาหลิวหรูยู่มาด้วย
“ตื่นแล้ว!”
“ในที่สุดผู้นำของพวกเราก็ตื่นแล้ว!”
อานกั๋วหัวเราะเสียงดังสนั่น เขานำผู้คนเข้ามาทักทายอย่างตื่นเต้น
ฉินเทียนยังคงกระวนกระวายและสงสัยอยู่เล็กน้อย กล่าวว่า “ผู้เฒ่าอาน พวกคนทั้งหลายมาทำอะไรกันที่นี่มากมาย สหพันธ์การค้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“พวกคุณรอก่อน เดี๋ยวฉันเตรียมอาหารให้ภรรยาของฉันก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยธุระกัน”
หลิวหรูยู่เม้มปากหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เรื่องของธุรกิจทั้งหมด ไม่สำคัญเท่าอาหารมื้อหนึ่งของภรรยาคุณหรอก คุณฉินช่างเป็นผู้ชายที่แสนดีเสียจริง เป็นสามีที่ดีมากนะเนี่ย”
“คุณดาราใหญ่ เธอหยุดหยอกล้อฉันได้แล้ว เหตุผลหลักก็คือ อืม ตอนนี้ซูซูกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษอยู่”
“ฉันรู้แล้ว!”ดวงตาที่สวยงามของหลิวหรูยู่กลอกไปมา แล้วเหลือบมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของฉินเทียน แล้วกล่าวอย่างตุ้งติ้งว่า “เธอกำลังตั้งท้องอยู่ไง!”
“เพียงแต่ว่า เรื่องทำอาหารเรื่องเล็กแค่นี้ จะให้ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มาใช้แรงงานได้อย่างไร”
“อาหารได้ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว พวกเราก็หิวมาตั้งนานแล้วด้วย ตอนนี้ ไปพาคุณนายฉินออกมา แล้วพวกเราไปเริ่มฉลองกันเถอะ”