บทที่ 388 พบหน้า

เสี่ยวหลิงเฟิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงที่อยู่ข้างนางด้วยสีหน้าแปลก ๆ

เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่า หลิงซินเป็นแม่ชี แต่เขากลับทำแบบนั้นกับแม่ชีได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น สำนักชีเปลื้องอารมณ์ไม่ใช่สำนักกระจอก ๆ ความแข็งแกร่งของสำนักนี้คือหนึ่งในสำนักที่สังกัดอยู่กับอารามจินตภาพ แต่เขากลับไปยั่วยุแม่ชีผู้นั้นที่น่าจะเป็นธิดาสวรรค์ของสำนักชี?

หลิงตู้ฉิงที่เผชิญอยู่กับสายตาที่งุนงงของเสี่ยวหลิงเฟิง เขาเลือกที่จะไม่อธิบายอะไร

หากเขาจะอธิบาย เขาก็คงจะแค่พูดว่า ‘แค่เขาเปลื้องผ้าแม่ชีนางนั้นมันก็ถือว่าเขาใจดีมากแล้ว…’

หลังจากนั้นเมื่อทั้งสองคนเดินไปได้สักพัก หลิงตู้ฉิงก็สัมผัสได้ว่ามีชายตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง นอนหมอบซ่อนตัวอยู่บนหน้าผาตรงหน้าพวกเขาพร้อมกับดูเหมือนว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนจุดซุ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อหามุมมองที่ดีที่สุดในการมองลงไปยังเบื้องล่างของหน้าผา

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปหาชายผู้นั้นและทำให้เขาหลับไปทันที จากนั้นเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกดูว่ามีสิ่งใดอยู่เบื้องล่างที่ดึงดูดความสนใจของชายร่างเตี้ยผู้นี้อยู่

ซึ่งเมื่อเขามองลงไปมันก็กลับกลายเป็นว่าเขาเองก็ได้เห็นภาพของทะเลสาบที่มีผู้หญิงนอนแช่น้ำอยู่ 5 คน…

เมื่อเข้าใจแล้วว่าชายร่างเตี้ยผู้นี้มองอะไร หลิงตู้ฉิงจึงดึงสายตากลับมามองชายร่างเตี้ยที่กำลังนอนหลับฝันหวาน

แม้ว่าหญิงสาวแต่ละนางที่อยู่ในทะเลสาบจะดูงดงาม แต่ในสายตาของเขาพวกนางก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาคนหนึ่ง

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เข้าไปในห้วงความฝันของชายร่างเตี้ยอยู่สักพัก และเขาก็มองลงไปที่ทะเลสาบอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ เสี่ยวหลิงเฟิงถึงกับพูดไม่ออก ทั้งที่นางยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตรงนี้ เขายังจะมีกะจิตกะใจดูคนอาบน้ำอย่างเปิดเผยได้แบบนี้จริง ๆ เหรอ?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ หลิงตู้ฉิงกำลังวางแผนวิธีทำให้เด็กสาวเหล่านั้นหลับเพื่อหาข้อมูลโดยที่ตัวเขาไม่ถูกจับได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็อุ้มร่างของชายร่างเตี้ยแล้วโยนลงไปกลางทะเลสาบทันที

ทางด้านของเหล่าเด็กสาวที่กำลังอาบน้ำอย่างมีความสุข จู่ ๆ พวกนางก็สัมผัสได้ว่าบนท้องฟ้าตอนนี้กำลังมีอะไรบางอย่างที่กำลังร่วงลงมา และเมื่อพวกนางแหงนมองดูขึ้นไปพวกนางก็ได้เห็นร่างของชายผู้หนึ่งกำลังตกลงมา ซึ่งทำให้พวกนางต่างตกตะลึงกันเป็นอย่างมาก

แต่ถึงแม้พวกนางจะตกตะลึง แต่พวกนางก็ยังมีสติพอที่จะรีบซัดวิชาต่าง ๆ ของพวกนางขึ้นไปบนฟ้าหวังว่าจะฆ่าไอ้คนโรคจิตที่บังอาจมาแอบดูพวกนางเช่นนี้!

ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ชายร่างเตี้ยถูกหลิงตู้ฉิงโยนออกไปเขาเองก็ตื่นขึ้นเช่นกัน และเมื่อเขามองไปที่สถานการณ์ด้านล่างที่ทะเลสาบ เขาก็รีบตะโกนทันที “หยุดก่อน ๆๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ๆ! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”

อย่างไรก็ตาม เหล่าหญิงสาวด้านล่างจะเต็มใจเชื่อเขาได้อย่างไร?

ในตอนนี้ชายร่างเตี้ยที่กำลังลอยดิ่งลงมาได้รู้แล้วว่าตัวเองกำลังจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซวยสุด ๆ และในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตาย จู่ ๆ ชายร่างเตี้ยผู้นั้นก็บรรลุวิชาตัวเบาที่เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อน จากนั้นเขาก็ม้วนตัวเหยียบอากาศอยู่สองถึงสามครั้ง จนร่างของเขาสามารถพุ่งผ่านศีรษะของผู้หญิงทั้ง 5 คน ร่อนออกไปจากทะเลสาบอย่างรวดเร็ว

ซึ่งถ้าเทียบกับความเร็วของมันแล้ว มันไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาตัวเบาสะบั้นวายุของหลิงตู้ฉิงเลยด้วยซ้ำ

‘มังกรไต่เมฆาทะยานสามแปร!’ ผู้หญิงทั้งห้ากัดฟันและพูดว่า “ไอ้เจ้าแคระโรคจิตนั่นมันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเทพหัวขโมยแน่นอน! รอให้พวกข้าได้ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ข้าสาบานว่าจะควักดวงตาของมันออกมาเตะเล่นให้ได้!”

“ข้าว่าเราจะปล่อยให้มันหนีไปแบบนี้เฉย ๆ ไม่ได้ พวกเราต้องไล่ตามมันและทำให้มันออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้ได้!” หญิงสาวอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง

จากนั้นหญิงสาวทั้งห้าต่างก็รีบสวมเสื้อผ้าและวิ่งไล่ตามเขาไป

ในทางกลับกัน หลิงตู้ฉิงก็นำเสี่ยวหลิงเฟิงไปที่ทะเลสาบ จากนั้นเขาพูดกับเสี่ยวหลิงเฟิงว่า “น้ำในทะเลสาบนี้มีผลในการคงความเยาว์วัย เมื่อมีเวลาเมื่อไหร่เจ้าก็ค่อยมาแช่ตัวที่นี่ก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินว่ามันมีผลในการรักษารูปลักษณ์ความเยาว์วัยของนาง เสี่ยวหลิงเฟิงจึงรู้สึกดึงดูดใจเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามนางเองก็รู้สึกขัดแย้งอยู่เช่นกัน เมื่อนางจินตนาการว่านางอาจจะถูกแอบมองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างหลิงตู้ฉิงที่กล้าที่จะมองดูคนอาบน้ำอย่างเปิดเผย

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ว่านางจะรังเกียจหากหลิงตู้ฉิงต้องการที่จะดูนาง แต่ถ้าเกิดมันกลับเป็นคนอื่นที่มาแอบดูนางล่ะ?

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาก็ไม่ได้พานางลงไปตรวจสอบทะเลสาบ ซึ่งเขากลับดึงเสี่ยวหลิงเฟิงจากไปเพื่อไล่ตามหญิงสาวเหล่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็คลาดกับหญิงสาวทั้งห้าที่นำหน้าไปก่อนได้สักพัก ซึ่งในความโชคร้ายนี้พวกเขากลับได้พบกับภูตนางฟ้าตนหนึ่งแทน

เมื่อเห็นว่าเป็นภูตนางฟ้า หลิงตู้ฉิงก็เดินเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มทันที

เมื่อเห็นว่ามีมนุษย์แปลกเดินปรี่เข้ามา ภูตสาวจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าระแวง “เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรจากข้า?”

แต่เมื่อนางพูดจบ จู่ ๆ ร่างเงาก็ปรากฏขึ้นจากร่างของภูตสาว

“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็เจอพวกท่าน ในที่สุดข้าก็เจอครบหมดทุกคนจนได้!” หลิงเทียนหยุนหัวเราะ

ภูตสาวที่เห็นภาพเช่นนี้นางถึงกับสะดุ้งสุดตัว ในเงาของนางมีเงาของผู้อื่นมาซ่อนอยู่ได้ยังไง!?

“พวกท่านต้องการอะไรจากข้ากันแน่?” ภูตนางฟ้าพูดอย่างประหม่า

หลิงตู้ฉิงโบกมืออย่างรวดเร็ว “สาวน้อยอย่าทำลายอักขระและออกไป! พวกเราพ่อลูกไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ข้าแค่อยากจะถามข้อมูลบางอย่างจากเจ้าก็แค่นั้น”

หลิงเทียนหยุนหัวเราะ “เจ้าไม่คิดบ้างรึไงว่าที่ผ่านมาทำไมจู่ ๆ ศัตรูทั้งหลายของเจ้าถึงถูกเจ้าสังหารได้ง่ายนัก มันก็เป็นข้าเองนี่แหละที่ช่วยเจ้าฆ่าพวกเขา! ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลพวก เราไม่ทำร้ายเจ้าแน่นอน”

เมื่อนางได้ยินที่หลิงเทียนหยุนพูด นางก็เริ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดข้นก่อนหน้านี้ จากนั้นนางก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่นางก็ยังไม่ยอมวางใจ

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “อีกอย่างข้าและเจ้าหญิงอี้ลั่วเอ๋อของเจ้า พวกเราต่างเป็นสหายที่ดีต่อกันมาได้หลายปีแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรพวกข้า”

“ไร้สาระ! องค์หญิงของเราได้หายตัวไปตั้งนานแล้ว หากคิดจะโกหกข้าก็ทำให้มันแนบเนียนกว่านี้!” ภูตนางฟ้าตะคอกกลับด้วยอารมณ์โมโห

“เจ้าไม่เชื่อ? ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร อี้ลั่วเอ๋อเองก็ได้เข้ามาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วเช่นกัน แต่นางอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าสามารถพาเจ้าไปพบนางได้ เอาล่ะ ภูตสาวน้อยถ้าข้าจะทำร้ายเจ้า ข้าพูดตรง ๆ ว่าเจ้าไม่มีทางหลบหนีข้าได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำลายอักขระในห้วงจิตสำนึกของเจ้าก็ตาม ตอนนี้เจ้าจงติดตามพวกข้ามาก่อน ข้าจะพาเจ้าไปพบกับวาสนาที่เหมาะสมกับเผ่าภูตนางฟ้าของเจ้า…ว่าแต่หยุนเอ๋อ ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ห่างออกไปไกลแค่ไหน?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น

“พวกเรายังอยู่ห่างออกไปมากกว่า 300 กิโลเมตร!” หลิงเทียนหยุนหัวเราะ

“ถ้างั้นพ่อจะรอเจ้าที่นี่ก็แล้วกัน” ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ผ่อนคลายและนั่งลง จากนั้นเขาก็ถามภูตนางฟ้า “เจ้าชื่ออะไร?”

ภูตนางฟ้ากลอกตาของนางขณะที่ตอบว่า “ข้าชื่อ เซียวเหลียน!”

“เซียว?” หลิงตู้ฉิงประหลาดใจ “ตระกูลเซียว ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ในเผ่าภูตนางฟ้า!”

“ทำไมท่านถึงรู้จักเผ่าของข้าดีแบบนี้?” เซียวเหลียนถาม

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้ารู้จักดีกว่าที่เจ้าคิดซะอีก! เอาล่ะเดี๋ยวพวกข้าจะไปที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต ถ้าเจ้าต้องการเจ้าสามารถมากับเราได้ รากฐานการบ่มเพาะของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเจ้าได้ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำต้นกำเนิดชีวิต เจ้าน่าจะสามารถทะลวงไปยังขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ได้อย่างไม่ยากเย็น แน่นอนว่าถ้าเจ้าไม่ต้องการ เจ้าก็แกล้งทำเป็นว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

เซียวเหลียนมองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าตกตะลึง คนเหล่านี้จะพานางไปที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตจริง ๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้จักนางด้วยซ้ำงั้นเหรอ?

“แต่สถานที่แห่งนั้นถูกครอบครองโดยสัตว์ประหลาดมากมาย ใครก็ตามที่เข้าใกล้มันจะต้องถูกสังหารลงแน่นอน!” เซียวเหลียนเตือนเขา

หลิงตู้ฉิงหน้ามุ่ยและพูดว่า “ถ้าเราจะเข้าไป จะเป็นตัวอะไรก็ต้องหลีกทางให้เรา!”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยก็มาถึงแล้ว ในขณะเดียวกันเงาหลายสิบก็พุ่งมาจากทุกทิศทางและหลอมรวมกันกลายเป็นร่างที่แท้จริงของหลิงเทียนหยุน

เซียวเหลียนมองไปที่หลิงเทียนหยุนด้วยสายตาที่หนักอึ้งเมื่อนางเห็นฉากแปลก ๆ นี้

“สามี ในที่สุดพวกเราก็เจอกันจนได้” หลิวเฟ่ยเฟ่ยหัวเราะ

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะ เมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว งั้นพวกเราก็ไปกันที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต เพื่อให้พวกเจ้าบรรลุระดับถัดไปกัน!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนมุงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย