บทที่ 389 โชคที่มาจากความเจ็บปวด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อหลิงตู้ฉิงนำกลุ่มไปยังบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต

ทางด้านของใน ‘ป่ากระบี่’ ร่างที่ดูเหมือนจะไร้ชีวิตที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

“นี่ข้ายังไม่ตาย?” ตงฟางจุนพึมพำ

ในขณะนี้ในป่ากระบี่ ไม่มีปราณกระบี่ที่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้อีกต่อไป หรืออาจพูดได้ว่าปราณกระบี่ที่อยู่ในป่ากระบี่นี้ทั้งหมดได้หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จร่างกระบี่ขั้นปลาย

ด้วยการก้าวย่างที่ดูไม่มั่นคง ตงฟางจุนก็ค่อย ๆ เดินออกจากป่ากระบี่

แต่แล้วในขณะที่เขาพึ่งออกจากป่ากระบี่ ใครบางคนที่ผ่านมาพอดีก็ได้เห็นเขาในสภาพร่างกายที่กำลังดูอ่อนแอ คนผู้นั้นจึงคิดฉวยโอกาสนี้เพื่อลอบโจมตีเขาทันที

ในตอนนี้ ตงฟางจุนกำลังอยู่ในสภาวะอ่อนแอเพราะเขาเพิ่งผ่านประสบการณ์ถูกเฉือนนับหมื่นครั้งมา ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถโคจรพลังวิญญาณในร่างกายได้

เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกลอบโจมตี ตงฟางจุนจึงยกแขนขึ้นป้องกันและถอยหนีโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามในขณะที่เขายกแขนขึ้น ปราณกระบี่สองสายก็พุ่งออกมาจากแขนของเขาเข้าโจมตีผู้ที่กำลังจะลอบทำร้ายเขา

ผู้เชี่ยวชาญที่พยายามลอบทำร้ายตงฟางจุน เมื่อเผชิญกับปราณกระบี่ที่รุนแรงเช่นนี้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ดูอ่อนแอตรงหน้าเขาคนนี้จะสามารถปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้

เขาร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นก็พยายามกระโดดตัวขึ้นหลบปราณกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้ามา ซึ่งถึงแม้เขาจะสามารถหลบปราณกระบี่ไม่ให้โดนจุดสำคัญได้แต่ เขาก็ยังถูกปราณกระบี่ปะทะตรงที่หัวเข่าทั้งสองข้างส่งผลให้เขากระเด็นร่วงลงกับพื้นในสภาพที่ขาทั้งสองใช้การไม่ได้ทันที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ ชายผู้นั้นจึงทำลายอักขระที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกเพื่อออกไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทันทีไม่เช่นนี้หากเขายังรั้งอยู่ต่อ ชะตากรรมของเขาก็คงไม่พ้นต้องตายหรือไม่ก็พิการถาวรแน่นอน แต่ถ้าเขาออกไปข้างนอกทันในเวลานี้ บรรดาคนที่รอเขาอยู่ด้านนอกคงจะสามารถช่วยเชื่อมต่อขาที่หักของเขาได้

ในตอนนี้ตงฟางจุนมองไปที่มือของเขาด้วยความไม่เชื่อ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เทพสวรรค์! ไม่ใช่แค่ข้ายังไม่ตาย แต่ร่างกายของข้ายังกลายเป็น ร่างกระบี่ อีกด้วย!?”

เขามองไปที่มือของเขาอย่างตื่นเต้น เมื่อเกิดมาในสำนักวิญญาณกระบี่ เขาย่อมรู้ว่าร่างกระบี่คืออะไรและยังรู้ว่ามันหายากเพียงใด

“ว่าแต่ร่างของข้ากลายเป็น ร่างกระบี่ ได้ยังไง?” ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปมองที่ป่ากระบี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าเขาจะต้องเข้าไปอยู่ข้างในนั้นมาก่อนเพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่าใครที่ล่วงล้ำเข้าไปในนั้นจะต้องตายอย่างทรมาน

เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาจึงลองโคจรวิชากระบี่ของเขา และจากนั้นกระบี่ยาวหนึ่งเมตรครึ่งก็ปรากฎขึ้น ซึ่งมันทำเขารู้สึกราวกับว่าอำนาจของเขาในตอนนี้สามารถถล่มภูเขาที่อยู่โดยรอบได้ง่าย ๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังขนาดนี้ เขาก็มองไปที่มือของเขาด้วยความงุนงง แต่แล้วทันใดนั้นร่างที่มีสภาพน่าสังเวชก็ปรากฏขึ้นข้าง ๆ ตงฟางจุน

“พี่ตงฟางเกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” ซือกงจิ้งถามอย่างสงสัย

ตงฟางจุนหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาคว้าแขนซือกงจิ้ง แล้วพูดว่า “น้องซือกง ตอนนี้ข้าสำเร็จร่างกระบี่แล้ว …”

แต่ก่อนที่ตงฟางจุนจะได้พูดจนจบประโยค ซือกงจิ้งก็ส่งเสียงกรีดร้อง พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากแขนของเขา ซึ่งมันเป็นผลมาจากปราณกระบี่ที่ออกมาจากร่างของตงฟางจุน ซึ่งมันทะลุแขนของซือกงจิ้งจนเป็นรู

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ตงฟางจุนจึงรีบปล่อยมือด้วยความตกใจและรีบขอโทษ “น้องซือกง ข้าขอโทษ! ข้ามียารักษาอยู่ 2-3 เม็ด เจ้ารีบเอาไปเร็วเข้า!”

แต่ในขณะที่ตงฟางจุนยื่นมือออกไปเพื่อพยายามจะส่งโอสถให้ ปราณกระบี่อีกสายก็พุ่งออกมาอีกครั้ง

แต่รอบนี้โชคดีที่ซือกงจิ้งเตรียมพร้อมแล้ว เขาบิดตัวหลบได้ทันควันพร้อมกับพูดกับตงฟางจุนว่า “ท่านหยุดเดี๋ยวนี้เลย! อย่าเข้ามาใกล้ข้า!”

ในขณะที่ซือกงจิ้งพูด เขาก็โยนโอสถของเขาเองเข้าไปในปากเพื่อรักษาบาดแผล

ตงฟางจุนพูดอย่างเขิน ๆ “ข้าขอโทษ คือว่าร่างของข้าพึ่งสำเร็จร่างกระบี่มาได้ไม่นานข้าจึงยังไม่สามารถควบคุมมันได้ เมื่อครู่ข้าแค่ต้องการเอาโอสถมอบให้เจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

แต่ก่อนที่ตงฟางจุนจะพูดจบเขาก็ตระหนักได้ว่าโอสถในมือของเขาได้หายไปแล้ว ซึ่งเขาถึงกับพูดไม่ออกในขณะที่เขามองไปที่โอสถที่ซือกงจิ้งใช้

เนื่องจากในจังหวะที่เขาไม่รู้ตัว ซือกงจิ้งก็ได้ฉกโอสถไปจากมือของเขาเรียบร้อยแล้ว

ตงฟางจุนถามอย่างสงสัยว่า “น้องซือกง เจ้ากำลังมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

ซือกงจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “เอ่อ…เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเหล่าผู้หญิงจากสำนักหอมหวนกำลังอาบน้ำอยู่ข้าเลยไปแอบดูพวกนางสักหน่อย จากนั้นข้าก็ถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ซุ่มโจมตีเข้าและเปิดเผยตำแหน่งของข้า จากนั้นข้าก็ถูกพวกนางไล่ล่าอยู่หลายวัน ซึ่งข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอท่านที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าบรรลุวิชาตัวเบามังกรไต่เมฆาทะยานสามแปรได้อย่างบังเอิญแล้วล่ะก็ ข้าก็คงจะต้องถูกกดดันจนต้องออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว ว่าแต่ท่านล่ะ ท่านไปทำอะไรมาทำไมท่านถึงได้สำเร็จร่างกระบี่ได้แบบนี้?”

ตงฟางจุนมองกลับไปที่ป่ากระบี่ และพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ข้าเพิ่งออกมาจากที่นั่น!”

“นี่ท่านกล้าเข้าไปในป่ากระบี่ได้ยังไง? ท่านก็น่าจะรู้นี่นาว่าสถานที่นั่นมันสุดแสนจะอันตราย ใครก็ตามที่เข้าไปจะต้องตายอย่างอนาถ ว่าแต่ทำไมท่านถึงยังมีชีวิตอยู่?” ซือกงจิ้งพูดขึ้น

ตงฟางจุนตอบด้วยสีหน้าสลด “เจ้าคิดว่าข้าอยากเข้าไปงั้นเหรอ? ข้าเองก็โดนไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ทำให้สลบลงและมันก็โยนข้าเข้าไปในนั้น แถมเมื่อข้าเข้าไป ข้าจะหนีข้าก็หนีไม่ได้ ข้าจะออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็ทำไม่ได้เช่นกัน ข้าต้องทนทุกข์ทรมานกับไอ้พวกปราณกระบี่บ้านั่นอยู่เป็นเวลานานแสนนาน หากไม่ใช่เพราะว่าข้าเป็นคนของสำนักวิญญาณกระบี่และฝึกฝนเต๋ากระบี่มาตลอดชีวิต ข้าคงจะโดนปราณกระบี่ข้างในนั้นสับจนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว”

ซือกงจิ้ง เมื่อได้ยินคำอธิบาย เขาก็รู้สึกหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก เขาแทบจะจินตนาการถึงความเจ็บปวดที่น่ากลัวนั้นได้

“เอาน่า ๆ ในเมื่อตอนนี้ท่านก็สำเร็จร่างกระบี่ได้แล้ว มันก็นับได้ว่าเป็นโชคดีจากโชคร้ายก็แล้วกัน!” ซือกงจิ้งปลอบ

“ถ้าให้ข้าเลือก ข้าขอไม่มีร่างกระบี่นี่ดีกว่าหากต้องไปเผชิญความทรมานอยู่แบบนั้น!” ตงฟางจุนพูด “ฮึ่ม อย่าให้ข้าได้รู้เชียวว่าใครเป็นคนโยนข้าเข้าไปในนั้น หากข้ารู้ล่ะก็ข้าจะให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอย่างที่ได้ข้าประสบมาก่อนหน้านี้!”

“เอาน่า ๆ ลืมมันไปก่อนเถอะ” ซือกงจิ้งปลอบใจเขา “ในเมื่อตอนนี้ท่านสำเร็จร่างกระบี่แล้ว อย่างน้อย ๆ ภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับขอบเขตนี้ก็คงมีคนไม่มากที่จะต่อกรกับท่านได้ ว่าแต่เราไปที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตกันไหม? ตอนนี้มีอยู่หลายกลุ่มที่กำลังแย่งชิงมันกันอยู่ ถ้าข้าไปคนเดียวข้าก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่ถ้าเราไปด้วยกันข้าว่าเราคงจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นที่จะได้ส่วนแบ่ง”

ตงฟางจุนพยักหน้าทันที “ได้! เราไปด้วยกัน หากใครมันกล้าเข้ามาขวางเรา ข้าจะให้มันได้ลิ้มรสกับร่างกระบี่อันไร้เทียมทานของข้า!”

เมื่อตกลงกันเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตด้วยท่าทีอาจหาญ

น้ำต้นกำเนิดชีวิต เป็นสมบัติวิเศษที่หายาก มันสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ ดังนั้นไม่ใช่แค่ตงฟางจุน และซือกงจิ้ง ที่มุงหน้าไปยังที่นั่นแต่มันยังมีผู้คนอีกมากมายที่มุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต

ตงฟางจุนและซือกงจิ้งที่กำลังรีบวิ่งไปข้างหน้า แต่แล้วเมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มชายและหญิงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้วยกัน แถมในกลุ่มนั้นยังมีภูตนางฟ้าที่หาดูได้ยากอยู่ร่วมกลุ่มด้วย ซือกงจิ้งจึงอดไม่ได้ที่จะทักทายพวกเขา “พวกท่านก็กำลังมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตด้วยใช่รึเปล่า? สนใจจะร่วมเดินทางไปกับพวกเราไหม?”

ในขณะที่เขากำลังพูด สายตาของเขาจ้องมองไปมาระหว่างผู้หญิงคนนั้นคนนี้อยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะภูตนางฟ้า

เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่มาจากด้านหลัง หลิงตู้ฉิงจึงหันกลับไปมอง และเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองคนที่คุ้นหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เจ้าสำเร็จร่างกระบี่แล้วสินะ? ไม่เลวเลยจริง ๆ ที่ความพยายามของข้ามันไม่ได้สูญเปล่า!” หลิงตู้ฉิงมองไปที่ตงฟางจุนแล้วยิ้ม “ส่วนเจ้าเองก็ไม่เลวเหมือนกันนี่นา ไม่เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์โยนเจ้าออกไป มีคนไม่มากนักหรอกนะที่บรรลุวิชามังกรไต่เมฆาทะยานสามแปรได้เร็วขนาดนั้น”