การให้ของขวัญที่น่าตื่นตะลึง

หลี่หยิงและหลี่เหนียนหยิงเข้าไปหาผู้อาวุโสตะกูลหลี่ ซูจิ้ง หวังซือหยา และหวังจ้าว ก็เดินตามมา หลี่เทียนเหอผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลี่มองด้วยความดีใจและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวจ้าว ซือหยา พวกเธอมากันแล้ว”

 

“ลุงหลี่ ผมขอให้มีความสุขอายุมั่นขวัญยืนครับ”

 

“ลุ่งหลี่ หนูขอให้ลุงมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงค่ะ”

 

เมื่อหวังจ้าวและหวังซือหยาพูดจบ หลี่เทียนเหอยิ้มแล้วน้อมรับ และหันไปมองที่ซูจิ้งอย่างสนใจ “คนนี้คือ”

 

“คนๆ นี้คือซูจิ้งครับ” หลี่หยิงกล่าวแนะนำ

 

“ลุงหลี่ ผมขอให้ลุงได้ทุกสิ่งตามประสงค์ครับ” ซูจิ้งกล่าวพร้อมน้อมคารวะ

 

“เด็กน้อย ฉันได้ยินชื่อเสียงนายมานานแล้ว ฉันต้องการพบนายมาตลอด วันนี้ก็ได้พบเจอซักที” หลี่เทียนเหอพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

ซูจิ้งค่อนข้างประหลาดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าแต่กลับกลายเป็นว่าผู้อาวุโสรู้จักเขา

แขกคนอื่นๆ ต่างจ้องมองด้วยความอิจฉา ริษยา และเคียดแค้น พวกเขากำลังนึกถึงตอนที่พวกเขาพยายามปีนป่ายสู่จุดสูงสุดของชีวิต สถานะของพวกเขาแตกต่างจากซูจิ้ง กับซูจิ้งนั้นพวกเขามองว่าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ระดับชั้นห่างกันนับร้อยขั้น ตอนนี้เพียงเพราะว่ามีตระกูลหวังอยู่เคียงข้างถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าซูจิ้งมีความสามารถพอที่จะอยู่ตรงนั้น แม้จะไม่ได้พึ่งตระกูลหวังก็ตาม

 

“ผมขอให้อายุยืนนานครับลุงหลี่” จ้าวซือเฟิงและจ้าวหยวนตามเข้ามาอวยพร สำหรับจ้าวซือเฟิงนั้นดูเหมือนหลี่เทียนเฮอจะค่อนข้างรู้จักมักคุ้นกัน

 

เมื่อแขกคนอื่นๆ ตามเข้ามาอวยพร ซึ่งก็ทำให้หลี่เทียนเฮอทำเพียงแค่ป้องมือรับคำอวยพร รวมถึงคนญี่ปุ่นก็เข้ามาร่วมอวยพรด้วย

เฉิงหนานที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็ได้เข้ามาร่วมอวยพรด้วย เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีฟ้าซึ่งดูหรูหราและน่าดึงดูดใน หลังจากกล่าวคำอวยพรแก่ผู้อาวุโส เธอก็เดินไปยืนข้างซูเฉิงและคนอื่นๆ จ้าวหยวนอดไม่ได้ที่จะแอบมองเฉิงหนานและไม่ได้ซ่อนความหื่นกระหายเอาไว้เลยซักนิด ทำให้เฉิงหนานต้องขมวดคิ้วตลอดเวลา

 

หลี่เทียนเฮอให้ความสนใจกับการพิธีอวยพรและกล่าวสรรเสริญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเขาให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงมือค่ำมากกว่า หลังจากผ่านพิธีอวยพร แขกทุกคนก็ต่างนำของขวัญของตัวเองมาโอ้อวด การให้ของขวัญเป็นการให้แบบตัวต่อตัวซึ่งก็ไม่ได้แย่นัก ของขวัญแต่ละชิ้นมีมูลค่าสูงมาก มูลค่าส่วนใหญ่เริ่มต้นตั้งหลักแสน และของส่วนใหญ่มีมูลค่ามากกว่านั้น ของส่วนใหญ่เป็นของสะสมราคาแพง หลี่เทียนเฮอนั้นเป็นนักสะสม เขาชอบของโบราณ ของหายาก และชอบสะสมของหลายอย่าง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

 

จ้าวหยวนได้มอบตะเกียงแก้วสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นตะเกียงที่สวยมากจนสามารถจัดให้อยู่ในงานศิลปะได้เลย ซึ่งสร้างความพึงพอใจแก่หลี่เทียนเฮออย่างมาก ส่วนจ้าวซือเฟิงได้มอบชุดกาน้ำชาสมัยราชวงศ์ชิงนั่นทำให้หลี่เทียนเฮอตาลุกวาว หลังจากมีการส่งมอบนี้ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้เห็นเข้าและเป็นเมินราคาไว้ขั้นต่ำอยู่ที่ 10 ล้านหยวน นั่นทำให้แขกบางคนทำได้แค่ถอนหายใจกับการกระทำของจ้าวซือเฟิง สำหรับคนรวยนั้นเงิน 10 ล้านหยวนไม่ได้มีค่าเท่าไหร่ แต่กับการที่เสียเงิน 10 ล้านหยวนโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลยนี่ก็ทำให้เจ็บตัวได้เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือของขวัญ มันไม่ใช่เรื่องอย่างการให้ของไปแล้วต้องได้รับของตอบแทน ถ้าเงิน 10 ล้านหยวนสามารถสร้างความพึงพอใจแก่หลี่เทียนเฮอได้ก็ถือว่าคุ้มค่า นั่นคือสิ่งที่หลายๆ คนคิด

 

ซูจิ้งไม่ได้รีบร้อนอะไร เขามองแขกคนอื่นทยอยมอบของขวัญจนครบแล้ว เขาก็ตรงไปมอบของขวัญ บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย บางคนก็คิดว่าซูจิ้งที่ตอนนี้เป็นคุณชายคนที่สี่แห่งตระกูลหวังนั้น คนที่ไม่ได้เป็นสายเลือดของตระกูล และตระกูลจ้าวก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหวัง จ้าวซือเฟิงคือตระกูลจ้าวที่แท้จริงก็ยังไม่ทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ตอนเข้ามอบของขวัญเลย

 

“อะไรกัน พอซูจิ้งออกมา บรรยากาศงานก็เปลี่ยนไปเลย”

 

“คุณไม่รู้หรอว่า เขามีฉายาว่าเทพแห่งการให้ของขวัญ(ผู้ให้ของขวัญที่น่าสะพรึง)”

 

“ฮ่า ฮ่า ทำไมเขาถึงได้ฉายานี้มาหล่ะ ช่างดูน่าตลกจัง”

 

“เพราะว่าของขวัญที่เขาออกมาให้ในแต่ละครั้งล้วนเป็นของชั้นสูงที่แม้แต่มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นหวังจ้าวและหวังซือหยาไม่ได้นำของขวัญมาด้วย นั่นแสดงว่าซูจิ้งเป็นตัวแทนตระกูลหวังในการมอบของขวัญครั้งนี้ แล้วของขวัญจะเล็กๆ ได้ยังไง”

 

“ของขวัญที่ทุกคนนำมามอบให้ครั้งนี้ต่างก็ไม่เลวเลย โดยเฉพาะตระกูลจ้าวที่ให้ของขวัญมูลค่ากว่าสิบล้าน เขาจะนำอะไรมาที่ดีกว่านี้ได้อีก”

 

“ตระกูลหวังตีค่าซูจิ้งไว้สูงมาก” จ้าวซือเฟิงมองไปที่ซูจิ้งที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟ

 

“มีคนบอกว่าตอนที่หวังซวนจี้โดนลักพาตัวครั้งนั้น เขามีส่วนช่วยอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังคอยช่วยเหลือหวังจ้าวและหวังซือหยาตลอดเวลา”

 

“แป้งเม่ยหยาน ไวน์จิ้งจอกแดง ซอสมะเขือเทศ แผงพลังงานแสงอาทิตย์ และของอื่นๆ มากมายที่เขาเป็นต้นคิดให้กับห้างหุ้นส่วนตระกูลหวัง” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ จ้าวซือเฟิงอธิบาย แล้วเขาก็ทำท่าลังเลก่อนที่จะพูดต่อ”นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อหรือไม่”

 

“ว่ามา” จ้าวซือเฟิงกล่าวออกมา

 

“ในคืนที่มีงานเลี้ยงกับเกาจุนเต็งกับคนอื่นๆ ก่อนคุณชายสองจะตายนั้น เกาจุนเต็งขอความช่วยเหลือจากคุณชายสองเรื่องผู้หญิง หลังจากคุณชายสองเห็นรูปแล้วเขาก็หลงไหลผู้หญิงในรูปเป็นอย่างมาก นายน้อยสองถึงกับโกรธเมื่อเกาจุนเต็งบอกนายน้อยสองไปว่าถึงมีผู้หญิงนายน้อยสองก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นคือฉือซิง แฟนของซูจิ้ง”

 

“ถ้านายไม่บอกฉันก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย” จ้าวซือเฟิงขมวดคิ้ว ตั้งแต่แรกนั้นน้องชายของเขาจ้าวซือหลงฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก จะการสืบสวนและจากข้อความที่น้องชายทิ้งไว้ให้ สาเหตุเป็นเพราะเกาจุนเต็งพูดบางอย่างกับเขาทำให้เขารับไม่ได้และเลือกที่จะฆ่าตัวตาย

 

ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูมีเหตุผลแต่การตายก็ยังเต็มไปด้วยปริศนา ต่อมาแม่ของเขาก็ไปบ้านตระกูลเกาเพื่อสำเร็จโทษ ซึ่งที่น่าประหลาดก็คือไม่รู้ว่าเกาจุงเต็งไปโดนพิษมาได้ยังไง แม่ของเขาจึงถูกใส่ความเตะเกาจุนเต็งจนตาย อย่างไรก็ตามจากหลักฐานไม่พบความเชื่อมโยงไปถึงซูจิ้ง เหมือนกับซูจิ้งไม่เคยรู้เห็นเรื่องนี้มาก่อน

 

“คอยจับตาดูซูจิ้งไว้” จ้าวซือเฟิงกระซิบบอก

 

“ครับ” ชายวัยกลางคนตอบรับ

 

จ้าวหยวนที่อยู่ข้างได้มองไปยังซูจิ้งด้วยเช่นกัน เขาคิดมาเสมอว่าเฉิงหนานไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิงและซูจิ้งได้ ถ้าเฉิงหนานไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปทำข้อตกลงโดยตรงกับตระกูลเฉิง เขาคิดว่าหลังจากนี้คงต้องไปคุยกับซูจิ้ง ในความคิดของเขา ซูจิ้งไม่ใช่คนตระกูลหวัง ซูจิ้งเพียงแค่เกาะภูเขาที่มีชื่อว่าตระกูลหวังเอาไว้เท่านั้น ซูจิ้งน่าจะไว้หน้าเขาในเรื่องนี้อยู่บ้าง

 

“เทพแห่งของขวัญงั้นรึ” หลี่เทียนเฮอ หลี่หยิง หลี่เหนียนหยิง และตระกูลหลี่คนอื่นๆ ก็เคยได้ยินคำร่ำลือนี้มาอยู่บ้าง ฉายานี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ พวกเขาต่างจับตามองของขวัญของซูจิ้ง

 

“ลุงหลี่ครับ ผมได้ยินมาว่าลุงนั้น ไม่ได้ชอบแค่เพียงวัตถุโบราณ แต่ยังชอบของหายาก ถ้าคนส่วนใหญ่ในที่นี่มอบของโบราณแก่ลุง ผมก็จะมอบอะไรทีพิเศษกว่านั้นให้ลุง” ซูจิ้งพูดพร้อมมอบกล่องในมือให้

 

หลี่เทียนเฮอรับกล่องด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกว่ามือของเขาหนักขึ้น ดูเหมือนของขวัญจะหนักประมาณ 3 ชั่ง เขาอดใจไม่ได้ที่จะเปิดกล่องออก เมื่อเปิดออกเขาพบบางสิ่งสีน้ำเงิน ใหญ่ประมาณลูกวอลเล่ย์บอล ใส ดูเหมือนชิ้นส่วนของแก้ว เหล่าผู้คุณที่ตั้งตารอถึงกับพูดไม่ออก สิ่งนี้คืออะไรกัน