บางทีมันอาจถูกกำหนดไว้โดยโลกเบื้องล่าง แม้แต่พระเจ้าก็เวทนากับบุรุษผู้โชคร้ายนี้ นี่คือเวลาที่วิกฤต และมีอันตรายไปทุกซอกมุมในนครพายุหิมะสีเงิน มีจิตสังหารอันุรนแรงในพื้นที่ใกล้เคียง ความจริง ไม่มีหวังแม้แต่จะหลบหนี ดังนั้น จวินวูอี้จึงเชื่อว่าเขาต้องตาย และไร้ซึ่งความหวังสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ภัยอันตรายนี้ถูกจวินโม่เซี่ยปัดเป่าไปแล้ว และ จวินวูอี้จักกลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน
ความจริง จวินวูอี้มิต้องกังวลถึงการโดนลอบแทงข้างหลัง มันรับประกันได้ว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม คุณชายสามจวินก็ไม่รู้ถึงสิ่งนี้ เช่นนั้น เขาจึงมั่นใจว่าเขาจักต้องตายในศึกวันพรุ่งนี้ แต่การรอดพ้นจากภัยอันตราย และรอดจากความตายมาได้ทำให้ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป ดังนั้น นี่อาจเป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์ และ มันอาจดีกว่าที่เขาไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้
ผู้ที่ผ่านความตาย และได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง จักไร้ซึ่งความทะเยอทะยานที่แข็งแกร่งในความตาย พวกเขาจักรู้สึกราวกับว่าเป็นหนี้ชีวิตต่อบางสิ่ง ดังนั้น พวกเขาจักมองไปที่ออนาคตด้วยความกระตือรือร้นอย่างมาก และไม่ต้องการที่จักมีชีวิตที่สงบสุข
นี่เป็นเรื่องของจิตใจที่ละเอียดอ่อน
จวินโม่เซี่ยรู้ว่า ลุงสามของเขาจำเป็นต้องรู้สึกถึงลางสังหรแห่งความตายนั้น ดังนั้น เขาจึงไม่เอ่ยสิ่งใดที่จะทำลายมันไป ความจริง เขาเอ่ยวาจาเพียงไม่กี่คำเพื่อกระตุ้นเขา
” ความไม่พอใจเหล่านั้น … ท่านต้องการเอ่ยสิ่งใดกับพวกเขา ลุงสาม ? “
จวินโม่เซี่ยถาม
อย่างไรก็ตาม ลุงสามก็ได้ตัดสินใจเดินไปยังหน้าผา เช่นนั้น ข้าอาจจะต้องเติมเชื้องไปสักเล็กน้อย นั่นอาจจะช่วยให้เขาระบางมันออกมาได้ ในวันพรุ่งนี้ เขาจักผ่อนคลายมากขึ้นเพราะเขาได้ระบายมันออกมาหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผาสูงชันที่อันตรายนี้ได้ถูกทำให้ปลอดภัยอย่างที่สุดแล้ว
” สิ่งที่ข้าต้องการเอ่ยถึงความขัดข้องใจนั้นคือ …”
จวินวูอี้แสดงสีหน้าล้ำลึก
“…. พวกเขาจักล้างแค้น แต่ โม่เซี่ย เจ้าต้องสัญญาบางสิ่ง ข้าจักไม่อาจไปอย่างสบายใจได้หากเจ้าไม่ต้องการ ”
” สิ่งใดกัน ? ได้โปรดบอกข้าท่านลุง ! ”
จวินโม่เซี่ยตอบ
” ข้ารู้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้านั้นล้ำหน้าเกินกว่าที่ข้าจะจิตนการได้ แต่ ข้ายังต้องการให้เจ้าสัญญาว่าเจ้าจักไม่พยายามที่จะล้างแค้นก่อนที่ความแข็งแกร่งของเจ้าจักไปถึงขั้นเทพเชวียน เจ้าจักทำให้ทั้งสกุลจวินถูกตำหนิหากทำเช่นนั้น ตอนนี้ความรับผิดชอบของสกุลจวินทั้งหมดตกอยู่บนบ่าของเจ้าแล้ว เจ้าต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ! “
คิ้วของจวินวูอี้ชีขึ้น มีความระทมมากมายอยู่บนใบหน้าของเขา เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ปะปนไปด้วยความขมขื่นและเกลียดชัง
” จวินโม่เซี่ย ด้วยไหวพริบและความสามารถของเจ้า … ข้ามั่นใจว่าวันที่เจ้าจักได้ล้างแค้นนั้นอยู่ไม่ไกล เข่นนั้นจำข้าไว้ ลุงสามของเจ้า เมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากพอ ข้าไม่ต้องการให้มีแม้แต่ไก่ หรือหมาของสกุลเซี่ยที่เหลือรอด ! ข้าต้องการให้พวกมันทั้งหมดตอกลองไปสู่นรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ! ”
จวินวูอี้ขบฟัน ใบหน้าที่สงบและงดงามของเขานั้นดูน่ากลัวและไร้ปราณีอย่างมาก เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่จักสังหารศัตรูของเขา แต่เชื่อว่าการแสดงความรุนแรงและอาฆาตแค้นต่อเด็กและผู้หญิงนั้นผิดศีลธรรม นี่เป็นความเชื่อของเขามาเสมอ แต่ เขาได้เอ่ยว่าไม่ต้องการให้มีแม้แต่หมา และไก่ที่รอดชีวิต … เขาต้องการที่จะสาปแช่งพวกมันทั้งหมด ความเกลียดชังต่อสกุลเซี่ยแห่งนครพายุหิมะสีเงินของเขานั้นสูงส่งอย่างมาก
” ข้าจะทำท่านลุง การทำลายสกุลเซี่ยวได้ถูกตัดสินใจแล้ว มันจะเป็นตามที่ท่านเอ่ย วันนั้นอยู่อีกไม่ไกล ”
จวินโม่เซี่ยกัดฟันขณะตอบด้วยทาทีที่ชั่วร้าย จากนั้นเขาพยักหน้า
” ท่านสามารถไปด้วยความสบายใจได้ ลุงสาม ”
กวนเซียงฮั่น ไม่เป็นสุขเมื่อได้ยินวาจาเหล่านั้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และคิ้วที่ชี้ขึ้น
จวินโม่เซี่ยเจ้าชั่ว …. เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร … ?! ไปด้วยความสบายใจ ของเจ้านั้นหมายความว่าอย่างไร ? เจ้ากำลังพูดอันใด ?
แม้แต่ตู่กู้เซี่ยวอี้้ก็มิได้มีความสุข นางบุ้ยปากขณะมองไปยังจวินโม่เซี่ย สีหน้าของนางไม่น่าดู
จวินโม่เซี่ยยกยมือยอมแพ้ …
เรื่องนี้สะเทือนต่อความรู้สึกของหญิงสาว …แต่ข้าไม่ต้องการเสี่ยงยั่วยุเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าข้าต้องการสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้หรือ ? ข้ามิได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้ และ ผู้ใดจักเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของลุงข้าเท่ากับข้า ?
จากนั้น จวินวูอี้ยิ้ม
” กวนเซียงฮั่น เจ้ามิได้เป็นสะใภ้แห่งสกุลจวินอีกแล้ว แต่ เจ้ายินดีจักเป็นลูกสาวของสกุลจวินของข้าหรือไม่ ? “
” ลุงสาม ? “
กวนเซียงฮั่นตกตะลึง แต่กำลังใจของนางก็ดีขึ้นเล็กน้อย นางเป็นทุกข์เนื่องจากการยกเลิกการแต่งงาน นั้นหมายความว่านางต้องกลับไปไปสู่สกุลกวน และจากนั้น นางต้องไปยัง มณฑลฉือฮั่น เพื่อทำให้พวกเขามีความสุข นางเต็มใจที่จักเสีสละนี้เนื่องจากนางไม่รู้ว่าจักทำสิ่งใด
ในทางตรงกันข้าม นางยินดีที่จักเผชิญความเหงาและความทุกข์ที่สกุลจวินหากนางสามารถเลือกได้ ไม่จำเป็นต้องพูดว่า นางไม่ต้องการจะแต่งงานกับคนชั่ว ลี่เติ้งหยวน ความรังเกียจที่มีต่อเขานั้นเพิ่มขึ้นเมื่อนางได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยที่หลังแผ่นผ้านั้น เพียงการได้มองไปยังขยะเช่นนี้สำหรับนางแล้วเป็นที่น่ารังเกียจอย่างมาก เช่นนั้น เช่นนั้น จักเป็นไปได้อย่างไรที่จักมีความคิดจะแต่งงานกับเขา และอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต …. ?
กวนเซียงฮั่นได้ฟัง จวินวูอี้ และ รู้ถึงความตั้งใจของเขานั้นไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนาง เขาเพียงเปลี่ยนวิธีการที่จักให้นางได้รับความคุ้มครองจากสกุล นางอดที่จักตื้นตันอย่างรุนแรงมิได้
” จิ้งฮั่น ข้า จวินวูอี้ ต้องการรับเจ้ามาเป็นลูกบุญธรรมหากเจ้ายอมรับ ข้าอาจมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน แต่กวนเชียงฮั่นจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสกุลจวิน และ ทุกคนจักต้องหลั่งเลือดให้แก่สกุลจวินหากเขากล้าทำผิดกับเจ้า แม้แต่สกุลกวนผู้เป็นสายเลือดของเจ้าก็ไม่เว้น ”
จวินวูอี้ คำรามทางจมูกเยือกเย็นหลังจากเขาเอ่ยสิ่งนี้
ริมฝีปาของกวนเชียงฮั่นสั่นกระพือ ร่างอันละเอียดอ่อนของนางสั่นอย่างรุนแรง แต่ นางก็ไม่ลังเลขณะที่นางคุกเข่าลงช้าๆ และ เอาหัวโขกกับพื้นอย่างรุนแรง จากนั้น นางเอ่ย
” ลูกสาว จิ้งฮั่น เคารพพ่อทูลหัว ”
” ดี ! ดี ! ดี ! ”
จวินวูอี้ดีใจอย่างมาก จนเขาถึงกับอุทานออกไปสามครั้ง จากนั้นเขาเอา จี้หยก ออกมาและส่งให้นาง
” จิ้งฮั่น พ่อทูลหัวขอมอบจี้นี้ให้แก่เจ้า มันคือสัญลักษณ์ของ ครอบครัวจวิน รับไป และจำไว้ว่าเจ้านั้นมิได้เป็นเพียงลูกสาวของสกุลกวนอีกต่อไป …. แต่เจ้ายังเป็นลูกสาวของสกุลจวินด้วย เช่นนั้น สกุลจวนจักต้องขอคำปรึกษากับสกุลจวินของเราในเรื่องการแต่งงานของเจ้า ! ”
กวนเซียงฮั่นรับหยกไป คำว่า จิ้งฮั่นเป็นลูกหลานของเรา ถูกสุลักไปบนพื้นผิวที่เรียบและมันวาวนั้น ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นลายมือของ จวินจ้านเเทียน เช่นนั้น ชัดเจนว่าสิ่งนี้ได้ถูกเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้มิได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเร่งรีบ กวนเซียงฮั่น ดูเหมือนกำลังสับสน ขณะที่นางเงยหน้าขึ้นมองจวินวูอี้
” ฮ่าฮ่า จี้หยก นี้ได้มาจากปู่ของเจ้าเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นปู่ของเจ้าเอ่ยว่า การแต่งงานของเจ้าเป็นโมฆะ นางจักมิใช่ สะใภ้ของสกุลเราเมื่อเป็นเช่นนั้น แต่ นางจะยังคงเป็นลูกสาวของเรา ! และข้าทำตามความต้องการของเขาสำเร็จแล้วในวันนี้ ”
จวินวูอี้หัวเราะและเอ่ยต่อ
” จิ้งฮั่นทุกคนได้เห็นถึงความทุกข์ทรมาณของเจ้า พวกเราไม่ปล่อยให้เจ้าเสียเวลาไปทั้งชีวิต และ ไม่มีบุรุษใดทำให้เจ้าอับอายได้ตราบใดที่ยังเหลือคนของสกุลจวินแม้เพียงคนเดียว ! ”
จวินวูอี้ ถอนใจยาวหลังจากเอ่ยสิ่งเหล่านี้ จากนั้นเขาเอ่ยต่อ
” วันนี้ผ่านไป และวันพรุ่งนี้จักมีศึกสงคราม เช่นนั้น ข้าจึงไม่รู้ว่าข้าจักได้มีวันเวลาเหล่านั้นอีกหรือไม่ เช่นนั้น … ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าว่า …ฮี่ฮี่ … ตั้งแต่ที่เจ้าเข้าร่วมสกุลจวิน … โม่เซี่ย … ฮี่ฮี่ … ได้กระทำเรื่องเล็กน้อย …แต่เจ้าถูกจำกัดอยู่ในฐานะของ พี่สะใภ้ของเขา แต่ ข้าจำกัดเหล่านั้นมิได้ขวางพวกเจ้าทั้งสองเอาไว้อีกแล้ว ….”
เขายิ้มแห้ง และ ไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ แต่ อีกสามคนที่เหลืออยู่ก็เข้าใจความหมายของเขาได้ …อย่างชัดเจน
นี่ทำให้ ทั้งสามตกตตะลึงอย่างมาก ตอนแรก ทั้งสามไม่เข้าใจจวินวูอี้ แต่ เขาลอบมองไปยัง ตู่กู้เซี่ยวอี้ อย่างรวดเร็วหลังจากเขาพูดจบ
นี่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าโม่เซี่ย แต่ข้ายังสามารถให้คำแนะนำแก่เจ้าได้ใช่ไหม ? เจ้าต้องการปล่อยมือจากสาวงามผู้นี้ หรือเจ้าต้องการยิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียวหรือไม่ เจ้าสามารถสังหารนกสองตัวได้ด้วยหินก้อนเดียว แต่ ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของเจ้า … ข้าอาจไม่ได้อยู่เพื่อเป็นสักขีพยานหรอกนะ …
วันนี้ข้าได้พูดวาจาต้องห้ามเหล่านี้หลังจากได้ผ่านความยากลำบากมา และ ข้าได้สูญเสียความเคารพในฐานะลุงสาม ! ข้าจักเอ่ยสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรเว้นแต่ข้าจักรู้ว่าข้าจะไม่รอดในศึกวันพรุ่งนี้ ? เจ้าคือลูกชายของพี่ชายข้า เช่นนั้นข้าจึงต้องทำหน้าที่แทนเขาเพื่อจับคู่ให้ลูกชายของเขา แต่การมุ่งเป้าไปที่ หญิงสาวของหลานชายที่ตายไปแล้วให้มาเป็นภรรยาของหลานชายที่ยังอยู่ … และนั่นคือคนที่ข้าเพิ่งรับมาเป็นลูกบุญธรรม … ฟังดูไม่น่าอภิรมย์… ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เจ้าต้องเข้าใจว่าการพูดแบบนี้มันยากกว่าที่จักตายนัก
จวินโม่เซี่ยมองไปยังลุงของเขาด้วยความประหลาดใจ
ลุงสาม ท่านขุดเรือลำนี้เพื่อหลานของท่าน ? ท่านคิดถึงเรื่องนี้หนึ่งวันก่อนศึกชีชะตา ? ข้าไม่ชื่นชมท่านหากเก็บความคิดเหล่านี้ไว้เมื่อท่านตาย แต่ข้าชื่นชมท่านที่กล้าเอ่ยออกมา !
ทั้งร่างของ กวนเซียงฮั่นเริ่มสั่น ใบหน้าอันงดงามของนางแดงก่ำ มันแดงไปจนถึงคอของนาง ความจริง ใบหูเล็กๆของนางกลายเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน นางรู้สึกเขินอายอย่างมากขณะที่ จ้องไปยังผู้ที่อยู่ข้างๆนาง ปากของนางอ้ากว้างราวฮิปโปขณะเหลือบมองไปยังจวินโม่เซี่ย แต่ นางก้มหน้าลงต่ำหลังจากนั้นไม่นาน
ตู่กู้เซี่ยวอี้ กำลังยืนอยู่ข้างๆพวกเขา นางราวกับโดนสายฟ้าฟาด ดวงตาของนางเบิกกว้าง และใบหน้าที่น่าเอ็ดดูของนางซีดเผือก ไม่มีร่องรอยของเลือดหลงเหลืออยู่เลย
ข้าถูกเรียกว่าเป็นสักขีพยานใช่หรือ ? และสวรรค์ ข้าได้เห็น ! แต่ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าไม่มีวันได้เห็นความสุขในชีวิตแต่่งาน ? ความรู้สึกนี้คืออะไร ?
เด็กสาวเริ่มเป็นกังวล ถึงผลประโยชน์ของนาง และเริ่มกระวนกระวายอย่างมากหลังจากนั้น นางมองไปยัง กวนเชียงฮั่น และ แววตาของนางเปลี่ยนไป ความเมตตาและใจดีของพี่สาวผู้นี้ได้กลายเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายภายในพริบตา .นางต้องการแย่งชิงผู้ชายของข้าไป !
คุยเรื่องใดกันก็ได้ ยกเว้นเรื่องนี้
เด็กสาวมีโทสะอย่างมาก นางกรอกตา และใช้สมองทั้งหมดเพื่อคิดหาวิธีการรับมือ
ตู่กู้เซี่ยวอี้ เคยรู้สึกยินดีมาตลอดเวลาเนื่องจากนางเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของจวินโม่เซี่ย ทุกคนกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ นักเลง และอันธพาล
เด็กสาวรู้สึกพอใจในความจริงนี้ เหมือนกันคนที่มีความสุขเนื่องจากได้ครอบครองสมบัติล้ำค้า ชัดเจนว่านางมได้เอ่ยความคิดนั้นออกมา
ทุกคนจักพยายามแย่งตัวเขาไปหากพวกนางรู้ถึงสิ่งนี้ พี่โม่เซี่ยเป็นของข้า ! เขาเป็นของข้าคนเดียว !
ดังนั้น ตู่กู้เซี่ยวอี้ จึงมีความรู้สึกอ่อนไหวกับจวินโม่เซี่ยอย่างมาก นางต้องการทำให้เขาเป็นของนาง …และไม่นานมันจะเป็นเช่นนั้น ! นางรู้ว่า ทองคำมักจะส่องประกายอยู่เสมอ เช่นนั้น นางจึงไม่อาจครอบครองเขาได้ หากผู้อื่นรู้ถึงสิ่งนี้ นางต้องการเก็บเขาไว้กับตัว จนกระทั่งเขาไม่เป็นคนดีสำหรับคนอื่น
แต่ สิ่งที่ผู้อาวุโสกำลังเอ่ยอยู่นี้ …
ที่องค์หญิงหลิงเมิงได้ทำสัญญาเลือดในวันนั้น แรงจูงใจนั้นต่างกัน แต่มันก็ยังทำให้ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ตกใจ อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกโชคดีเนื่องจาก จวินโม่เซี่ย ไม่รู้สึกอันใดกับนาง เช่นนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ยังมีอีกเหตุผลที่ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยังคงติดตาม จวินโม่เซี่ย มายัง นครสวรรค์ใต้ …
มันเป็นดั่งคำที่ว่า โจมตีก่อน…นั้นเป็นข้อได้เปรียบ จักเป็นการล่าช้า หากองค์หญิงตัดสินใจ และ ให้องค์จักพรรดิ ลงนามในราชกฤษฎีกาเพื่อการแต่งงาน
เช่นนั้น นางจึงวางแผนการอย่างรอบคอบเพื่อทำให้เขาหลงรัก และ แผนการของนาง ต้องการความช่วยเหลือจาก กวนเซียงฮั่น เพื่อทำให้มีโอกาสสำเร็จที่มากขึ้น แต่ แผนการของนางกลับต้องชะงักลงไปจากเสียงคำรามจากท้องฟ้าอันสดใจ เมื่อนางได้ยินสิ่งที่ ลุงสามจวินเอ่ยถึงความเกี่ยวพันของ จวินโม่เซี่ย และ กวนเซียงฮั่น แม่ไก่ถูกเปลี่ยนเป็นเป็ด … ผู้ช่วยกลายเป็นคู่แข่ง สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม นางได้กลายเป็นเหยื่อของความฉลาดของตัวเอง
เป็นไปได้อย่างไรกัน ?
” ทำไม่ได้ ! ”
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มีโทสะมากขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป หน้าอกเล็กๆของนางเริ่มเต็มไปด้วยโทสะในขณะที่นางครุ่นคิดถึงมัน และจากนั้น นางคำรามออกมาโดยไม่ตั้งใจ เสียงของนางดัง และ ดุร้าย ความจริง มันดุร้าย และ ดังอย่างมาก มันทำให้ทั้ง กระโจมสะเทือน และก้องสะท้อนไปชั่วครู่
อีกสามผู้ที่เหลือตกใจกับเสียงคำรามของนาง และสะดุ้งก่อนที่จะหันไปมองนาง
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิอาจอับอายได้ในเวลานี้ นางเบียดตัวขึ้นหน้า จากนั้น คว้าแขนของจวินโม่เซี่ย และประกาศ
” เขาเป็นของข้า และเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ! เจ้ามิอาจแย่งข้าไปได้โดยการแต่งงาน ! ”
จากนั้น นางรู้สึกผิดหลังจากได้ยินสิ่งนั้น และนางเริ่มสะอึกสะอื้น และร้องไห้ขณะที่นางเอ่ย
” ข้าชอบเขามานานแล้ว เจ้าจะแย่งเขาไปจากข้าได้อย่างไร ? เขาเป็นของข้า และเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ! ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าแย่งเขาไป …. “