ตอนที่ 350 วีรบุรุษจะไม่โดดเดี่ยว !

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ

น้ำเสียงของตู่กู้เซี่ยวอี้นั้นเหมือนกับเด็กที่โดนแย่งลูกอมไป  หรือ …​เหมือนกับน้ำเสียงของเด็กที่รอให้ผลไม้สุกอยู่ใต้ต้นไม้มาครึ่งปี  แต่จากนั้น ก็มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้น มองไปยังผลไม้ … และเริ่มถกกันถึงการแบ่งปันผลไม้นี้โดยไม่สนใจเด็กที่รอคอยอยู่ก่อนหน้า

 

พวกเขาลืมข้าไป !

 

นางบ้าคลั่ง และรู้สึกผิด

 

จวินวูอี้ และอีกสองผู้เบิกตากว้าง และหัวเราะลั่นในเวลาเดียวัน  การกระทำของสาวน้อยผู้นี้น่าเอ็นดูยิ่งนัก นางขับไล่ภาระอันหนักอึ้งในใจของจวินวูอี้ออกไปจนหมดสิ้น และทำลายความอับอายของ กวนเซียงฮั่น ที่มีอยุ่จนหมดไป

 

ทั้งสามมองไปที่นาง  เช่นนั้น ตู่กู้เซี่ยวอี้อดที่จะตอบสนองไม่ได้  นางบุ้ยปาก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ

” ของข้า ! ”

 

เมื่อนางเอ่ยจบ และรู้ตัวว่าได้ลืมเรื่องมารยาทของนางไป  ไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางและจวินโม่เซี่ยยังมิได้แม้แต่หมั้นหมายกัน เช่นนั้นนางจึงไม่อาจกระทำตัวไร้ความคิดแบบนี้ได้  ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายสามจวิน ก็ใกล้จะถึงเวลาที่จักจบสิ้นชีวิตลงแล้ว  นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นางไม่ควรสร้างความวุ่นวาย  อีกทั้ง นางได้กระทำสิ่งนี้ในขณะที่นางได้เป็นพยานรู้เห็น  เช่นนั้น แท้จริงแล้วนางไม่ควรทำเช่นนั้นเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น มีคำพูดใดหรือที่บอกถึงการแต่งงานของเขากับพี่สะใภ้ ?  นางได้ลืมไปว่า สถานะของนางนั้นเป็นเพียงลูกสาวของ สกุลตู่กู้

 

เด็กสาวจึงอดไม่ให้หน้าแดงด้วยความเขินอายได้  นางรีบปล่อยมือออกจากแขนของจวินโม่เซี่ย  กัดริมฝีปากเล็กน้อย และบิดตัวอับอาย  เด็กสาวไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใดเพื่อแก้ไขมัน

 

นางอ้าปาก แต่ไม่รู้ว่าต้องเอ่ยสิ่งใด  จวินโม่เซี่ย กวนเซียงฮั่น และ จวินโม่เซี่ยไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใดเพื่อให้สิ่งต่างๆราบรื่น  ทั้งสามยังไม่หายจากอาการตัวสั่นเนื่องจากกระทำที่กล้าหาญของเด็กสาว

 

ทั้งสามหยุดและมองตากันชั่วขณะ จากนั้น เด็กสาวก็กรีดร้องราวกับนก  นางเอามือกุมหน้า ซึ่งตอนนี้รุ่มร้อนไปด้วยความอับอาย และวิ่งออกไปรราวกับโดนหมาวิ่งไล่  และจากนั้น มีเสียง “ตุ๊บ” ดังขึ้น  แม้นว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่านางโดนอะไร

 

” โม่เซี่ย … ฮ่าฮ่า …. เจ้ามีเสน่ห์ยิ่งนัก  ไม่คาดคิดว่าจะทำให้สมบัติล้ำค่าของ สกุลตู่กู้หึงหวงเจ้าด้วยอารมณ์เสน่หาได้! “

 

จวินวูอี้ยิ้มด้วยความปิติ  กวนเซียงฮั่นอาจจะยังมิได้ตัดสินใจ แต่นางได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เด็กสาวตู่กู้นั้นได้มีความรู้สึกลึกล้ำกับหลานชายของเขา  ชัดเจนว่าเขาสามารถละทิ้งความกังวลต่างๆเกี่ยวกับการแต่งงานของหลานชายได้  ยิ่งกว่านั้น ไม่มีผู้ใดลืมถึงภูมิหลังของสกุลของเด็กสาว  ทั้งสองสกุลนั้นเเหมาะสมกันในเรื่องของสถานะทางสังคม  องค์จักรพรรดิอาจต่อต้านสกุลของพวกเขา  แต่ แม้แต่องค์จักรพรรดิจักต้องไตร่ตรองการกระทำของพระองค์ให้ดีขึ้นหาก สกุลจวินและสกุลตู่กู้มีสัมพันธ์กันโดยการแต่งงาน  ความดีของหลานชายของเขาก็เป็นที่เหมาะสม  เช่นนั้น ลุงก็คงไปยังอีกโลกหนึ่งได้ด้วยรอยยิ้ม … แม้นว่าร่างของเขาจักกลายเป็นซากศพโชคเลือดในวันพรุ่งนี้  มีเพียงสิ่งเดียวคือ …. มันอาจไม่มีโอกาสที่เขาจักได้ดื่มสุราในงานแต่งงานของหลายนชาย

 

คุณชายน้อยจวินอับอายยิ่งนัก  เขาอ้าปากเอ่ยสองสามครั้ง  แต่เขาก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้  เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อใดกันที่เขาได้กลายเป็นสิ่งของส่วนตัวของเด็กสาวผู้นั้น  ในที่สุดเขาก็อ้าแขนและยักไหล่อย่างไร้ทางเลือก  ดูราวกับเขาจะร้องไห้ ขณะที่ฝืนยิ้ม และเอ่ยขึ้นมาอย่างยยากลำบาก

” ข้าดูหล่อเหลา … นั้นมิใช่ปัญหาของข้า … ข้าจักผิดได้อย่างไร? “

 

สีหน้าของกวนเซียฮี่นเย็นชาอีกครั้ง  นางคำรามทางจมูก และยืนนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่  จากนั้น ใบหน้าของนางก็เริ่มแดงก่ำ  ความจริงมันเริ่มคล้ายดั่งเมฆสีแดงที่สดใส

 

จวินวูอี้ยิ้มอย่างมีความสุข  เขารู้สึกว่า เขามิได้กระทำตัวอย่างมีเกียรติของผู้อาวุโส  ยิ่งกว่านั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลุกสาวบุญธรรมที่เขาเพิ่งรับมา … เขาฝืนยิ้ม และโบกมือขณะเอ่ย

” เจ้ากลับไปได้ ข้าต้องการคิดถึงเรื่องศึกวันพรุ่งนี้เงียบๆ ”

 

จวินโม่เซี่ย และ กวนเซียงฮั่นมองหน้ากัน และถอยออกไป  คุณชายน้อยจวินต้องการเอ่ยบางอย่างกับ กวนเซียงฮั่น แต่นางหายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะที่พวกเขาออกจากกระโจม เนื่องจากสีหน้าของนางอับอายและเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น

 

จวินโม่เซี่ยถอนใจยาว และเงยหน้าขึ้นไปมอ’ดวงจันทร์บนท้องฟ้า  จากนั้นเขาแสร้งหลงตัวเองและหงุดหงิด  จากนั้น เขาก้มหน้า และพึมพัมกะลิ้มกะเหลี่ย

” ข้าสามารถทำให้สาวงามเช่นนั้นหลงรักข้า  ตัวตนอันงดงามของข้าทำให้สาวงามเเขินอาย หญิงสาวเเหล่านั้นต้องการหนีตามข้ามา ”

เขาเดินตรงไป และกลับไปยังกระโจมของเขาขณะเอ่ยวาจาชื่นชมตัวเอง

 

ภายในกระโจม ….

 

จวินวูอี้สะบัดปลอกแขน และดับแสงไฟภายในกระโจม  ทั้งกระโจมถูกเปลี่ยนให้ดำมืด  ไม่นานจากนั้น แสงจันทราอันอ่อนโยนเริ่มสาดเข้ามา  ไส้เทียนที่เพิ่งดับไปยังคงส่งแสงสีส้ม  ควันจางๆยังคงล่องลอยออกมา … ค่อยๆลอยหายไปในอากาศเบื้องบน

 

เงามืดของจวินวูอี้ในชุดสีดำค่อยๆหลบซ่อนเข้าไปในความมืด  แต่มันยังคงไร้การเคลื่อนไหว …

 

สามพี่น้องตงฟางวางมือลบนกระบี่ในขณะที่พวกเขายืนอยู่ด้านนอก  พวกเขาไม่เคลื่อนไหม และไม่เอ่ยวาจาใด  พวกเขาตัดสินใจอยู่กับน้องชายของพวกเขาอย่างเงียบๆ

 

คืนนั้น อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่จวินวูอี้จักมีชีวิต … คืนสุดท้ายในชีวิตของ คุณชายสามจวิน  พี่น้องร่วมสายเลือดของเขากำลังไปสู่แดนมรณะ  จากนั้นขาก็จักอยู่ห่างไกลจากผู้ที่เคยใกล้ชิด  แต่ วีรบุรุษ ก็มิได้อยู่เพียงลำพังแม้นจะเป็นช่วงเวลาสุดท้าย

 

พวกเราจักอยู่เป็นเพื่อนเขา !

 

กวนเซียงฮั่นยืนอยู่ไม่กลจากกระโจมขอจวินวูอี้  น้ำตาไหล่หยดลงมาจากใบหน้าอันงดงามของนางภายในความเงียบงัน  นางยืนนิ่ง และไม่กล้าเอ่ยวาจาใจ

 

ท่านลุง … พ่อทูลหัว ท่านจักไม่โดดเดี่ยวในคืนนี้

 

คืนแรกที่นางได้เป็นลูกสาวของเขา อาจจะเป็นคืนสุดท้ายเช่นกัน …

 

ทั่วทั้งสนามเงียบสนิท  กลองทหารที่มาจากกองทัพแห่งเทียนเชียง  พวกเขาสวมหมวก และใส่ชุดเกราะ พวกเขายืนตัวตรงราวหอกอยู่ภภายกระโจมอย่างเป็นระเบียบ  พวกเขาาเป็นยอดบุรุษ แลมีแววตาที่กล้าหาญ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จักหายใจโดยไร้เสียง …

 

พวกเขามาเพื่อสู้รบ  เช่นนั้นพวกเขาอาจถูกขอให้ละทิ้งชีวิตในการทำงานนี้  แต่ ผู้บัญชาการของพวกเขาเลือกที่จะบุชายัญตัวเองเพียงผู้เดียว

 

แม่ทัพจะออกรบพพรุ่งนี้

 

แต่คืนนี้เราจะอยู่เป็นเพื่อนเขา !

 

ท่านแม่ทัพจะไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว ! วีรบุรุษไม่ควรอยู่เพียงลำพัง !

 

ขุนพลเลือด เป็นวีรบุรุษของเหล่าทหาร  ชื่อนี้จักถูกสลักไว้ในหัวใจของเหล่าทหาร เช่นเดียวกับพี่ชายของเขา จวินวูเห่ย ขุนพลขาว ! พวกเขาจักอยู่อย่างอมตะภายในหัวใจของพวกเขา !

 

และสำเร็จของพกวเขาเช่นกัน …

 

ความสำเร็จของ ขุนพลเลือด ผู้เป็นตำนาน !

 

แสงอันงดงามและเยือกเย็นของจันทราค่อยๆคืบคลานและสาดส่องขึ้นบนท้องนภา  มันอาบไปทั่งทั้งป่าและทิวเขารอบๆ นครสวรรค์ใต้ อย่างงดงงาม  แต่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจักต้องมีคนหลั่งเลือดมากมายเท่าไหร่ในการต่อสู้วันพรุ่งนี้

 

ทันใดนั้น เงามืดจางๆ กระโดดนเข้าออกกระโจม และหายไปในอากาศ … ความจริงแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะหลอมลวมเข้าไปกับกระโจม  สามพี่น้อง เทพเชวียนตงฟางยืนอยู่ใกล้ที่สุด  พวกเขาสามารถรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เหนือหัวของพวกเขาอย่างแผ่นเบา

 

แต่ พวกเขาต้องตกตะลึงเนื่องจากไม่พบร่องรอยของสิ่งใด …  เขารู้สึกถึงมันอย่างแผ่วเบา  แต่ เขามิได้สนใจ ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย

 

มันอาจจะเป็นยอดมือสังหารผู้ที่ถูกส่งมาสังหารเขา  แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นอาจเกิดขึ้นได้มิใช่หรือ ?  เขาพร้อมเดินทางสู่ปรโลกแล้วด้วยการตายในวันาพรุ่งนี้  เช่นนั้น มันจะะเป็นเรื่องใหญ่อันใด ?

 

ดังนั้น เขาจึงมิได้สนใจ

 

และ ผู้อื่นก็มิได้รู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้

 

ในที่สุด จวินโม่เซี่ย ก็ละะสายตาจากคนสุดท้ายที่เขาต้องการช่วยเหลือในการต่อสู้ และ เก็บขวดเล็กๆใส่กลับเข้ากระเป๋า

 

ข้าหวังว่า ขวดของกระเรียนคอยาวจะได้ผล  ข้าจักต้องรับมือกับสายน้ำที่เชี่ยวกราดเพื่อช่วยเหลือทุกคนหากไม่เป็นเช่นนั้น

 

แต่ มันจะไม่เป็นเรื่องน่าประะหลาดใจหรอกหรือ หาากลุงสามกลับมาอย่างผลอดภัยในเมื่อเขาคิดว่ามันจะจบลง ?

 

แสงจันทราค่อยๆอ่อนลง และแสงทางทิศตะวันออกค่อยๆสว่างจ้า

 

แสงแห่งอรุณมักติดตามความมืดมิดอยู่เสมอ

 

จวินวูอี้ค่อยๆลุกขึ้น  จากนั้น เขาเดินสองก้าว และนั่งลงบนเก้าอี้เลื่อนอย่างลังเล  ตอนนี้ขาของเขาหายดีแล้ว  การเคลื่อนไหวและฝีมือที่ใช้การไม่ได้ของเขาในช่วงหลายปีมานี้ได้รับบการฟื้นฟู แต่เขายังไม่อาจแสดงมันต่อหน้าทุกคนได้ในเวลานี้เนื่องจากมันอาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ไม่จบสิ้นต่อสกุลจวินหากเขาทำเช่นนั้น  ดังนั้น เขาจึงต้องหลับตาและตายด้วยหัวใจที่ขัดแย้งเช่นนี้ !

 

อย่างไรผลมันก็จะเป็นเช่นเดียวกันเนื่องจากข้าต้องเผชิญหน้ากับ อสูรเชวียนระดับสูงเช่นนี้  ไม่ว่าอย่างไรรข้าก็จะต้องตาย เช่นนั้น … จำเป็นอันใดที่จะต้องสร้างข้อกล่าวหาและปัญหาที่ไม่จำเป็นกับสกุลของข้า …

 

เขาค่อยๆหันเก้าอี้เลื่อนของเขาอย่างช้าๆ  จากนั้น เขาก็โบกมือขวา และ กระบี่บรรพกาลก็ลอยขึ้นในอากาศและเข้าสู่มือของเขา  เขาเลิกม่านและออกไป แต่ มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ภายนอก  สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจ  ความจริง มันทำให้เขาสาะดุ้งเล็กน้อย

 

แม้แต่คนที่สงบนนิ่งเช่น จวินวูอี้ ก็ต้องหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็นอยู่ด้านนอก

 

พี่น้องตกฟางที่กำลังยืนอยู่ข้างนอก  พวกเขากำลังรอ จวินวูอี้  ตงฟางเหวินชิง ยิ้มขณะที่เขารีบเดินมาข้างๆเขา และ เริ่มดันเก้าอี้เลื่อน  มีผู้คนมากมายอยู่ทั้งสองฝั่ง  นายทหารและผู้คนเกือบสองหมื่นยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง  พวกเขายืนเงียบๆอ่างเป็นระเบียบ  ดวงตาของพวกเขาเผยถึงความเคารพขณะที่มันแดงก่ำไปด้วยความสะเทือนใจ

 

ดวงตาของจวินวูอี้ก็แดงเช่นกันขณะที่เขาเอ่ย

” เกิดอะไรขึ้น ?  ทุกคนควรจะไปได้แล้ว  มันไม่ใช่ว่าเราจะจากกันตลอดไป !  เช่นนั้น ทั้งหมดนี้คืออะไร ? “

 

ไม่มีผู้ใดขยับตัวเลยแต่น้อย  ไม่ตายจากกันอะไรกัน ?  พวกเขารู้ทุกอย่าง !

 

จวินวูอี้เงียบอยู่ชั่วครู่  เขามองไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายทั้งสองฝั่ง  สีหน้าของท่านแม่ทัพซับซ้อน  และจากนั้นเริ่มสงบนิ่งขณะที่ออกคำสั่งอย่างนุ่มนวล

 

” ใครที่ควรไปออกศึกในวันนี้ กาวขึ้นมาข้างหน้า ! “

 

บุรุษสามร้อยก้าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงจากคำสั่งของจวินวูอี้  มีเพียงไม่กี่คนที่ลังเลเล็กน้อยในตอนแรก แต่ในที่สุด พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะถอยหลัง ดังนั้น ตอนนี้จึงมี สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังของจวินวูอี้

 

ตงฟางเหวินชิงค่อยๆดันเก้าอี้เลื่อน และชายสามร้อยที่อยู่หลังเขาก็ก้าวตามไปด้วย  พวกเขากำลังเคลื่อนตัวออกไป เมื่อมีเเสียงตะโกนมาขดจังหวะของพวกเขา

” เดี๋ยวก่อน ! “

 

จวินโม่เซี่ยแสดงสีหน้าจริงจังขณะที่เขาโบกมือ

” เราจะไม่ดื่มเพื่อส่งวีรบุรุษแห่งเทียนเชียงไปออกศึกได้อย่างไร ?!  ข้ามีสุราชั้นดีที่คู่ควรกับโอกาสนี้ !  โม่เซี่ยต้องการให้เหล่าบุรุษปลอดภัยในการศึก และหวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างมีชื่อเสียง ! ”

 

มีใครบางคนปรากฏออกมาจาด้านหลังของจวินโม่เซี่ย คนผู้นี้ถือเหยือกสุราอยู่  จากนั้นมีคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้น และยื่นจอกให้กับทุกๆคน  จากนั้นสุราถูกรินใส่จอกเหล่านั้น

 

มีร่องรอยแห่งความโศกเศร้าในแววตาส่วนลึกของจวินโม่เซี่ย  เขาอาจขัดแย้งกับพวกเขาบางคน แต่ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นยืนอยู่ด้านหลังของท่านลุง  ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ยืนอยู่ด้วยความภูมิใจแม้นจะรู้ว่าจะต้องตาย  ความจริง ไม่มีพวกเขาคนใดตื่นกลัว

 

นั่นก็เพียงพอที่จะาได้รับความเคารพจากจวินโม่เซี่ย

 

พวกเขายืนหยัดต่อความทุกข์ยากเช่นนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนดีหรือไม่  และ นี้ทำให้พพวกเขาเป็นวีรบุรุษ !  ความจริง มีเพียงคนเช่นนี้ที่คู่ควรกับคำว่า วีรบุรุษ !

 

วีรบุรุษไม่มีคำว่าดีหรือไม่ดี !

 

แต่ข้าขอโทษ !  ข้าสามาถช่วยเจ้าได้ !  มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับข้า  แต่ข้าไม่อาจทำมันได้  ผู้คนจะต้องตายในการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการต่อสู้ที่เราต้องพ่ายแพ้ …

 

เพื่อลุงสาม … เพื่อสกุลจวิน ข้ามิอาจช่วยเหลือเจ้าได้ !

 

ข้าขอโทษ