ตรงข้อต่อนิ้วเคาะแก้วน้ำเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันทัชก็ยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “หากคำพูดนี้ให้ยายที่ล่วงลับไปแล้ว้ได้ยิน ผมสงสัยเบาๆ ว่ากลางคืนเธอจะมาหาปู่ไหม……”
คุณท่านตบโต๊ะ จ้องเขม็งด้วยความโมโห ทั่วร่างเต็มไปด้วยน่าเกรงขาม
“ผมรักผู้หญิงที่อยู่กับผมในตอนนี้ เธอทำให้ผมหลงรัก และหลงใหลมาก แถม เธอยังท้องลูกของผมอยู่ ความรู้สึกของการถูกพันธนาการเช่นนี้มันวิเศษมาก……” ฉันทัชพูด อย่างช้าๆ คำพูดดูเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่าง และรอยยิ้มก็ไหลออกมาจากดวงตา
คุณท่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อน หลังจากนั้น ถึงจับประเด็นได้ “เดี๋ยวก่อน ท้องลูกของแก ผู้หญิงคนนั้นท้องเหรอ”
“ใช่ครับ เกือบสองเดือนแล้ว……” เขากล่าว
“คราวนี้รับมือยากแล้ว กลุ้มใจจริง ฉันไม่ชอบจัดการกับสิ่งที่ทำให้เสียสภาพจิตแบบนี้ด้วยสิ เรื่องแบบนี้คราวหน้าไม่ต้องมาหาฉันอีก” คุณท่านวินาทีก่อนยังกลุ้มใจอยู่เลย วินาทีหลังก็ถามอย่างฉับไว“ฉันจะได้พบเธอเมื่อไหร่”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ แต่ว่า ผมจะจัดการเองครับ” รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉันทัชแผ่ขยายออกไป
“ฉันแก่มากแล้วนะ สายตาก็พร่ามัว ร่างกายก็ทรุดโทรม แถมยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะยุ่งวุ่นวายเรื่องพวกแกเลย หรือว่าอยากเห็นฉันเหนื่อยตายให้ได้หรือไง” คุณท่าน เอ่ยเสียงดัง ราวกับถูกใครรบกวนจนอารมณ์เสียอย่างหนัก จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง“เรื่องของเอวา แกต้องจัดการให้ดี ยกเว้นบางสิ่งบางอย่าง นอกนั้นอะไรที่เธออยากได้แกต้องให้หมด มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าตระกูลหฤทัยไพรุณเป็นหนี้เธอ ฉันต้องการให้ในสิ่งที่เธอต้องการ แต่เธอสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันกลับไม่สามารถให้ได้”
หลานชายของเขาอายุสามสิบสี่ จะถึงสี่สิบแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่มีลูกได้ แน่นต้องเก็บเอาไว้“แน่นอนครับ……”
คุณท่านจิบน้ำ “ เอวาที่จริงแล้วก็เป็นเด็กดีเข้าอกเข้าใจคนอื่น ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้แกลำบากใจเหรอ เรื่องท้องบอกพ่อแม่แกหรือยัง”
ฉันทัชส่ายหัว “ช่วงนี้ยังไม่มีแผนจะบอกพวกเขาครับ”
“ทำไมล่ะ” คุณท่านไม่เข้าใจ หลานชายคนนี้ของเขาเป็นคนซับซ้อน ในใจลึกๆนั้น เดายากเหลือเกิน
“เธอเป็นคนอ่อนไหวง่าย ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเป็นเพราะลูก หรือเพราะความรับผิดชอบถึงคบกับเธอ ผมจะเกลี้ยกล่อมพวกเขาก่อน แล้วค่อยบอกเธอเรื่องการตั้งครรภ์ ก่อนจะถึงตอนนั้นปู่อย่าเพิ่งพูดออกไปนะครับ……”
สายตาเขาสุภาพอ่อนโยน ภายในใจมีการวางแผนและประเมินการแล้ว ว่าต้องปกป้องเธอให้ครบด้าน ไม่ให้เธอคิดฟุ้งซ่าน และไม่ต้องการทำให้เกิดความเหินห่างโดยไม่จำเป็นระหว่างคนทั้งสอง
คุณท่านตบโต๊ะ ความคิดนี้ช่างละเอียดอ่อนจริงๆ และคิดได้ลึกได้ดีจริง แต่ก็ดูออก ว่ามีใจ ให้ผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
ตอนฉันทัชจากไป ก็พยุงชายคุณท่านออกจากห้องสมุดด้วยกัน ในห้องโถง เขาเอามือกุมหน้าอก พลางไอเล็กน้อย แล้วโวยวายใส่คุณพ่อธนพงษ์คุณแม่ธันยวีร์ ถ้าไม่อยากให้เขาอกแตกตาย ก็อย่าเอาเรื่องอะไรมารบกวนเขาอีก
คุณพ่อธนพงษ์คุณแม่ธันยวีร์ตอบตกลงอย่างซ้ำไปซ้ำมา
ภายในตระกูลหฤทัยไพรุณ ไม่มีใครกล้ามายั่วคุณท่านโมโห
ฉันทัชขับรถ จากไป เมื่อขับผ่านไปริมถนน ก็เห็นมีดอกกุหลาบแดงขายอยู่ เขาจอดรถ แล้วซื้อหนึ่งช่อ
ยู่ยี่ยังไม่ได้นอน ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองดู ยามราตรีที่เจริญรุ่งเรืองและสวยงามใต้ฝ่าเท้า ความงดงามช่างดึงดูดสายตา
ขายาวที่มีเสน่ห์ก้าวเข้ามา ฉันทัชกอดเธอจากด้านหลัง และถามเธอ “สวยไหม”
“สวยค่ะ” เธอหันกลับมา จ้องมองเขา แล้วเอาแขนโอบรอบคอเขา
จับมือเธอไว้แน่น ปลายนิ้วหยาบลูบหลังมือเธอเบาๆ เขาหยิบดอกกุหลาบออกมา “ให้คุณ”
ยู่ยี่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก รับไว้ แล้วยิ้มเบา ๆถามเขา “ฉันเป็นผู้หญิงคนที่เท่าไหร่ที่คุณให้ดอกไม้คะ”
“คนแรก” ฉันทัชนั่งลงทั้งที่ยังกอดเธอ ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าภายในใจถูกเติมเต็ม
“ฉันไม่เชื่อค่ะ ที่นี่มีนิตยสารเล่มหนึ่งแนะนำคุณด้วย โดยบอกว่าคุณแต่งงานสองครั้งแล้ว และคุณกับภรรยาคนแรกของคุณรักกันมาก” ยู่ยี่เขย่านิตยสารในมือเบาๆ
ฉันทัชไม่ปฏิเสธ มือใหญ่แตะที่ท้องของเธอ แล้วพูดอย่างซาบซึ้ง“ตอนวัยรุ่นมักทำอะไรเด็กๆและหยิ่งทะนง ตอนนั้นคิดว่าการให้ดอกไม้ทำนั้นเชยมาก จึงไม่มีความคิดเช่นนั้น จึงไม่มีความคิดที่จะไปทำเรื่องเช่นนั้น แต่เมื่ออายุเข้าใกล้สี่สิบถึงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องงดงามมาก ตอนนี้มาทำ รู้สึกว่าผมไร้สาระมากไหม”
ยู่ยี่ยิ้ม “ไม่เลยค่ะ แต่กลับรู้สึกขอบคุณมากที่ให้ความซาบซึ้งนี้ให้กับฉัน แต่ก็อยากรู้จริงๆ ว่าคุณในวัยรุ่นมักทำอะไรเด็กๆอย่างไงคะ”
เธอพบเขา ตอนเขาอายุสามสิบสี่แล้ว สิ่งที่เห็นคือความเป็นเขาที่เป็นผู้ใหญ่ ลึกซึ้ง เอาใจใส่ อบอุ่น และสง่า
เขาในวัยรุ่น มันเป็นยังไงนะ
“นั่นมันจะทำลายภาพลักษณ์ของผมในใจของคุณได้นะ……” เขายิ้มจางๆ
“ฉันไม่สนค่ะ” ยู่ยี่คิดอะไรออก นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูด “ภรรยาคนแรกของคุณเสียชีวิตแล้วเหรอคะ”
หน้าอกฉันทัชเกิดการกระเพื่อมเป็นจังหวะเบาๆ เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วตอบเบาๆ “อืม……”
เขาไม่ได้คิดจะพูดอะไรต่ออีกไป ยู่ยี่ก็ไม่คิดจะถามต่ออีก
นิตยสารเล่มนั้นกล่าวไว้ว่า ภรรยาคนแรกของเขาเสียชีวิตแล้ว ส่วนภรรยาคนที่สองของเขาก็ป่วยหนัก และตอนนี้หย่าขาดกันแล้ว
สำหรับ สาเหตุที่ภรรยาคนแรกเสียชีวิตนั้น ข้างในไม่ได้เขียนอธิบายไว้ และเนื้อหาไม่มีการพูดเน้นอะไร แต่เธอกลับรู้สึก ว่าในเนื้อหาพวกนั้นเหมือนกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวซวย ที่ทำให้คู่ของตัวเองต้องซวยไปด้วย คำพูดเช่นนี้ เธอไม่เชื่อ
เมืองS
เรนนี่และหัสดินทะเลาะกันมานานสองวันนี้แล้ว และสองวันนี้ หัสดินไม่ได้ติดต่อเรนนี่เลย สวนเรนนี่ก็ไม่กลับบ้าน
หัสดินยังอยู่ในช่วงที่ค่อยโทษตัวเอง
ส่วนเรนเมื่อรอแล้วรอแล้วก็ไม่มีสายจากเขา จึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะอยู่อีกต่อไป ได้ทำการกลับตระกูลภูษาธรด้วยตัวเอง
ทันทีที่เธอไปถึงห้องโถง เรนนี่ก็โดนชฎารัตน์ต่อว่าชุดใหญ่ เพราะวันนั้นเธอไม่ได้กลับตระกูลภูษาธรโดยทิ้งแขกให้นั่งรอเก้อ ในฐานะลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาในบ้าน ไม่รู้สึกว่ามันไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ
เรนนี่หายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอารมณ์เข้าไว้ รอชฎารัตน์พูดให้พอ ตำหนิให้พอ เธอถึงจะขึ้นไปชั้นบน หัสดินกำลังนอนอยู่
“คุณกลับรู้สึกผิดต่อยู่ยี่ และลูกที่อยู่ในท้องห้าเดือนของเธอ เพราะตัวเองไม่ระวังถึงแท้งเอง ส่วนลูกของฉันเพิ่งครบเดือน ดื่มยาทำแท้งต่อหน้าคุณนะ เธอเป็นลูกของคุณนะ หรือลูกของฉันไม่ใช่ลูกของคุณ ใช่ไหม ”เรนนี่พูด เสียงเย็นชา “เลือดไหลออกมาร่างกายส่วนล่างของฉันแบบนั้นนอนรักษาไปหลายวัน ฉันที่เป็นแบบนี้ มันเป็นอะไรกันแน่ ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาหัสดินก็ขยับ
การกระทำเล็กน้อยนี้ไม่สามารถหนีสายตาของเรนนี่พ้นได้ เธอเห็นอย่างชัดเจน เพราะ เธอค่อยสังเกตหัสดินมาตลอด โดยไม่กะพริบตาเลยสักนิด
นี่หมายความว่า หัสดินไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด เขายังมีความรู้สึก และการรับรู้อยู่
ดังนั้น เธอจึงพูดต่อ “ลูกนั้นก็อยู่ที่ท้องของฉันมานานเหมือนกัน ฉันก็รู้สึกผูกพันกันเขา ก็มีความรู้สึก คุณคิดว่าลูกของเธอนั้นเจ็บปวดมาก แล้วลูกของฉันล่ะแท้งไปอย่างนั้น มีใครเป็นห่วงบ้าง”
ในขณะที่พูดเช่นนี้ นัยน์ตาเรนนี่ก็รวบรวมละอองน้ำไว้ ราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
สายตาหัสดินตกอยู่ที่ตัวเธอ นึกถึงเรื่องราวในหลายวันก่อน ร่างกายส่วนล่างของเธอไหลเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไปจดจำเรื่องราวแบบนี้ เเต่เป็นเพราะมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา และเป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น มันช่างโหดร้าย และจำได้ไม่ลืม