TQF:บทที่ 634 นักต่อราคาชั้นยอด (2)

 

 

“ช่างเถอะๆ เจ้าเอาไปเถอะ ถือว่าข้าไปเอาของให้เจ้าก็แล้วกัน” เถ้าแก่จำใจตกลง เขาเถียงสู้แม่นางคนนี้ไม่ได้จริงๆ กับรูปสลักเทพมารขี้เหร่ตนนั้นก็อยากจะขายออกไปไวๆ ไม่เห็นจะได้ไม่รำคาญใจ

 

ต่อราคาสำเร็จ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้มพิมพ์ใจ อดชมไม่ได้ “เถ้าแก่นี่เป็นคนดีจริงๆ ที่จริงเจ้าก็ไม่ได้หาของเปล่าๆปลี้ๆนะ ก็มีรายได้ตั้ง 3 หินพลังวิญญาณแน่ะ”

 

“พรืดด”

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

คนที่มุงอยู่ที่นี่ขำออกมาหมด มองสลับไปมาระหว่างพ่อค้าที่ทำตัวไม่ถูกและแม่นางโฉมงามแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้

 

โดยเฉพาะหยูเฮงน้อยที่หัวเราะไม่หยุด โยนหินพลังวิญญาณให้พ่อค้า 10 เม็ดก็อุ้มเอารูปปั้นออกไป

 

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนพ่อค้าก็ได้สติ เพิ่งจะรู้ตัวว่าเจอแม่นางที่เก่งกาจในการต่อราคา รูปปั้นที่ตัวเองเอามาอย่างเหน็ดเหนื่อยถึงได้ขายออกไปถูกๆแบบนั้น

 

เขายื้มเฝื่อนๆกับผู้คนที่เดินออกไปไกลแล้วพลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าหากลูกค้าที่เจอเก่งกาจในการต่อราคาแบบนี้ทุกคนละก็ พวกเขาก็ไม่ต้องหาหินพลังวิญญาณไว้กินข้าวแล้ว

 

เหล่าคนมุงดูก็เดินออกกันไปแล้ว เหลือเพียงเจ้านายและคนรับใช้คู่หนึ่งที่ยังไม่ได้ไปไหน กลับเดินตามหลังพวกนางอยู่ไม่ห่าง

 

เหมือนสะกดรอย แต่ก็ไม่น่าใช่ คน 2 กลุ่มมีระยะห่างประมาณ 10 เมตร สามารถมองเห็นอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เหมือนตั้งใจสะกดรอย

 

ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเมื่อได้เริ่มต่อราคาแล้วก็เหมือนเสพติดซะงั้น นางต่อราคากับพ่อค้าแม่ค้าไปเรื่อยๆ หลังจากศึกน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง ของเล่นทุกอย่างก็ซื้อกลับมาในราคาที่ถูกลงกว่าครึ่ง

 

เห็นถึงความเก่งกาจของนาง พี่น้องตระกูลฟางที่ตะลึงและไม่เข้าใจในตอนแรกก็ชินซะแล้ว จนสุดท้ายเมื่อเห็นนางไม่ค่อยต่อราคานึกว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่าซะอีก

 

ส่วนหยูเฮงน้อยฉลาดหลักแหลมมาก เห็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็เริ่มต่อราคากับพ่อค้าแล้ว จนสุดท้ายเหล่าพ่อค้าถูกต่อจนจะร้องไห้ยังไม่มีน้ำตา แทบจะยกของเล่นให้พร้อมแถมหินพลังวิญญาณให้หยูเฮงน้อยไปด้วย

 

อาจารย์เด่นก็มีศิษย์ดีแบบนี้แหละ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพึงพอใจมาก

 

หยูเฮงน้อยได้ลิ้มลองความสนุกของการต่อราคาก็เพลิดเพลินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันเวลาที่เหลือหากนางรู้สึกเบื่อ ก็จะออกไปเดินเล่นแล้วต่อราคากับพวกพ่อค้าไปครึ่งค่อนวัน

 

นางต่อราคาเก่งขนาดนี้ด้วยอายุแค่นี้ ชื่อเสียงจึงกระฉ่อนไปทั่วชิงยาง

 

จนเหล่าพ่อค้าเมื่อเห็นเด็กสาวก็คิดว่าเป็นนางไปหมด ไม่ทันทีที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร สัญชาตญาณแรกก็โพล่งออกไปว่าห้ามต่อราคา

 

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หยูเฮงน้อยหัวเราะอยู่นาน คนที่รู้เรื่องก็แค่ส่ายหน้าและคิดว่าตลกดี เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็น

 

แต่เพศสตรีต่างมีสัญชาตญาณแบบนี้เหมือนกัน เหล่าหญิงสาวในชิงยางก็เริ่มชอบต่อราคาเวลาซื้อของ

 

แค่กๆ ไปไกลแล้ว

 

พวกนางเดินอยู่นาน ของที่ซื้อไว้ก็ไม่น้อย โดยเฉพาะหยูเฮง แทบจะใส่ของในแหวนมิติจนเต็มหมดแล้ว แม้ว่าพ่อค้าบนถนนเส้นนี้จะถูกต่อราคากันไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังนึกขอบคุณนางอยู่ที่ช่วยซื้อของที่ขายไม่ออกไปตั้งเยอะ

 

“เอ๋ ข้างหน้าคนเยอะจัง…”

 

หยูเฮงน้อยอุทานเบาๆเมื่อเห็นข้างหน้านี้มีคนเข้าออกมากมาย ราวกับตลาดนัด เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองตามไปก็เห็นป้ายที่เขียนว่าตึกจงหยวน คลี่ยิ้มบางๆ

 

หยูเฮงน้อยก็เห็นแล้ว ยิ้มแย้มออกมาทันที “ที่แท้ก็ถึงที่นี่แล้ว เราไปดูกันหน่อยว่าค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง”

 

หยูเฮงน้อยตะโกนไปพลางพุ่งเข้าไปที่ร้านค้าตึกจงหยวน

 

การปรากฏตัวของร่างเล็กๆนี้เป็นที่สนใจของเผ่าอสูรที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าทันที พวกมันเห็นหยูเฮงน้อยและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยินดีปรีดาจะเดินเข้ามาต้อนรับ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองความคิดพวกมันออกก็รีบส่งกระแสจิตไปให้ ทำกับพวกตัวเองเหมือนคนทั่วไปก็พอ อย่าให้คนอื่นเห็นถึงความผิดปกติ

 

คนของเผ่าอสูรเข้าใจทันที แต่ก็ยังต้อนรับพวกนางเข้าไปอย่างนอบน้อมและเฝ้าอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม

 

หลังจากที่พวกนางเข้าไปแล้ว หากสมาชิกของเผ่าอสูรเห็น 2 คนที่คุ้นเคยก็ต่างเผยรอยยิ้มดีใจ พวกมันที่ได้รับกระแสจิตไม่ได้เข้ามาเรียกหา เพียงแต่ต้อนรับด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างมาก

 

1 ในเด็กเผ่าอสูรไปแจ้งผู้เฒ่าหยิงอย่างด่วนที่สุด

 

ลูกค้าคนอื่นก็มองคนงานในตึกจงหยวนต้อนรับสาวงามทั้ง 2 อย่างนอบน้อมด้วยสายตาตะลึง ใครๆก็รู้ว่าคนของตึกจงหยวนแม้จะนอบน้อมแต่ก็ห่างเหินไม่ว่ากับใคร สาวงาม 2 คนตรงหน้านี้ไม่รู้ว่าเป็นใคร ถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนงานตึกจงหยวน

 

แน่นอนว่าพี่น้องตระกูลฟางที่ตามมาด้วยไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สาเหตุหลักก็เพราะพวกเขาพี่น้องก็เพิ่งเคยมาดูทรัพยากรที่ตึกจงหยวนนี้เป็นครั้งแรก และก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ความสนใจของพวกเขาถูกดึงดูดไปอย่างรวดเร็วจึงไม่ได้สนใจอย่างอื่น

 

ผู้เฒ่าหยิงที่อยู่สวนด้านหลังเมื่อได้ข่าวก็โผล่มาที่ชั้น 1 ด้วยความเร็วสูงสุด และก็ได้เจอคนคุ้นเคยจริงๆ เขาไม่ได้เดินเข้ามาเลย แต่ส่งเสียงผ่านกระแสจิต “คุณหนู แม่ทูนหัวของข้า ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ถ้ายังไม่มาข้าก็ฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว”

 

“ทำไมเหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย

 

“คุณหนู ท่านยังไม่รู้สินะ ทรัพยากรของเราใกล้จะขายหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่ข้าคอยจำกัดละก็ ขายหมดไปตั้งแต่ไมกี่วันก่อนแล้ว ไม่มีวิธีอะไรแล้วจริงๆ มีคนมารับซื้อที่นี่ทุกวัน ถ้าข้าไม่เอามาขายเราก็ไม่ต้องทำมาค้าขายแล้ว”

 

“หรือว่าตอนเช้าเพิ่งเปิดร้านของก็ถูกซื้อไปจนหมดแล้วเหรอ”

 

“ใช่แล้วคุณหนู ท่านไม่รู้สินะ เมื่อครึ่งเดือนก่อนมีคนตีกันแย่งทรัพยากรทุกวัน ทรัพยากรที่แต่เดิมข้าเตรียมไว้สำหรับหลายเดือนก็หมดเกลี้ยงตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน ของที่ท่านให้ข้าขายใน 1 ปีก็เหลือไม่เยอะแล้ว ถ้าท่านไม่มาอีกตึกจงหยวนของเราคงต้องปิดทำการแล้ว”

 

ได้ฟังคำพูดตัดพ้อแบบนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีความรู้สึกอยากจะหัวเราะแต่ก็คิดว่าไม่ควร นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล้นยังไม่ขนาดนี้เลยนะ

 

แม้ว่าจะมีคนมาซื้อมากมายในทุกๆวัน แต่การปล่อยของจำนวนมหาศาลในคราเดียวก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

——————————–