TQF:บทที่ 633 นักต่อราคาชั้นยอด (1)

 

 

 

คนทั้งหมดเดินเที่ยวเล่นซื้อของที่ตัวเองชอบอย่างมีความสุข โดยเฉพาะพี่น้องตระกูลฟางที่พอได้เห็นหินพลังวิญญาณเป็นกอบเป็นกำในแหวนมิติแล้วปิติไปทั้งร่าง

 

หยูเฮงน้อยก็เช่นกัน ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ขอแค่เข้าตาแล้วนางชอบ นางก็ซื้อไว้หมด ส่วนเรื่องเล็กๆอย่างต่อราคานางไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ จนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวทนดูไม่ไหวต้องออกโรงเอง เบียดขึ้นไปด้วยท่วงท่าต่อราคาจากชาติก่อน

 

“ช้าก่อนน…”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจับมือเล็กๆที่กำลังจะล้วงหินพลังวิญญาณของหยูเฮงน้อยไว้ หยิบรูปปั้นสลักไม้เทพมารขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ แล้วชำเลืองมองคนตรงหน้า พ่อค้าท่าทางอายุ 40 กว่าปี ตาเล็กๆของเขาเป็นประกายที่ดูรู้เลยว่าเป็นคนหลักแหลม

 

“เถ้าแก่ ของชิ้นนี้นี่วางไว้หลายปีแล้วไม่มีคนซื้อใช่มั้ย”

 

“แม่นาง เจ้าล้อเล่นรึเปล่า ของชิ้นนี้เป็นสินค้าใหม่ที่ข้าเพิ่งรับซื้อมาได้ไม่กี่วัน” พ่อค้าอธิบายคอตั้งราวกับถูกใส่ร้ายจริงๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะพลางส่ายหน้า “ข้าไม่เชื่อ เถ้าแก่ ของชิ้นนี้เป็นของที่ไม่มีใครเท่านั้นเอง ไม่ใช่แค่วัสดุไม้ธรรมดา เจ้าดูสิ ลายเส้นบนหน้ามันก็บิดเบี้ยว จมูกเหมือนเอียงๆ แล้วยังจะหนวดนี่อีก ต้องเท่ากันทั้ง 2 ฝั่งสิ แต่หนวดนี่ข้างนึงยาวข้างนึงสั้น ฝีมือแย่ไปรึเปล่า ของไม่มีคุณภาพชัดๆ ข้าว่าเจ้าเอาของที่เขาทำเสียมาขายใช่มั้ยล่ะ ยังกล้าขาย 30 หินพลังวิญญาณอีกเหรอ เจ้าไปปล้นเอาไม่ดีกว่าเหรอ มาหลอกเด็กบ้านเรา อายมั้ยน่ะ”

 

“ทะ ที่ไหนกัน”

 

เถ้าแก่ถูกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจิกกัดจนอับอายหน้าแดง เหมือนกับทำเรื่องไม่ดีแล้วถูกจับได้ รีบส่ายหัวพร้อมเอ่ย “ไม่ใช่สักหน่อย แม่นางตาฝาดรึเปล่า ข้ามองว่ารูปปั้นนี้สมจริงเหมือนกับมีชีวิต จะเป็นของไม่มีคุณภาพได้ยังไง ข้าไม่เชื่อ”

 

“ไม่เชื่ออะไร เจ้าดูนี่สิ นอกจากจะหน้าตาขี้เหร่แล้ว ยังสลักได้ไม่ดีอีกด้วย ไม่มีความน่าเกรงขามอะไรเลย ลูกตาอย่างกับกระดิ่ง ของแบบนี้ยังเอามาขายอีก เจ้านี่หลอกเด็กชัดๆ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดจาไม่ชอบใจของสิ่งนี้เป็นชุด ราวกับของที่นางถืออยู่เป็นไม้กะโหลกกะลาเท่านั้น

 

พี่น้องตระกูลฟางข้างๆนิ่งไป พวกเขาไม่เข้าใจว่าด้วยฐานะและความร่ำรวยของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวทำไมยังต้องต่อราคากับพ่อค้าอีก หินพลังวิญญาณไม่กี่สิบเม็ดเท่านั้น ไปกินข้าวที่ร้านอาหารก็แค่ราคาเหล้า 1 ขวดหรืออาหาร 1 จานเท่านั้น

 

ตรงกันข้าม ตาของหยูเฮงน้อยเป็นประกายเมื่อได้ยินเหตุผลที่ต่อราคา ใบหน้าเล็กๆของนางยิ้มออกมาอย่างสดใสด้วยความสนใจ

 

การต่อราคาแบบนี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนรอบข้างที่ผ่านไปผ่านมา ต่างล้อมเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

ขณะเดียวกันก็มีเจ้านายและคนรับใช้ที่แต่งตัวหรูหราผ่านมาทางนี้พอดี พวกเขาเห็นว่ามีคนมุงกันที่นี้ก็หยุดลงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน เมื่อทอดสายตาไปยังเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มีความตะลึงในแววตา

 

หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นพี่น้องตระกูลฟางข้างๆ ชะงักไปนิดหน่อย จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ นัยต์ตาลึกล้ำมีแววหมดสนุก

 

เขายืนอยู่ในฝูงชนและสอดส่องสายตาไปยังเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยไม่หยุด ขณะเดียวกันก็หูตั้งคอยฟังบทสนทนาระหว่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและพ่อค้า

 

“เถ้าแก่ ข้าไม่ได้โกหกนะ เจ้าลองเอาไปดูดีๆสิจะได้รู้ว่าข้าพูดจริงรึเปล่า อย่าว่าแต่รูปลักษณ์ของเทพมารนี้ที่ถูกสลักไว้ไม่ดี แม้แต่ชุดบนตัวก็เย็บไม่ประณีต มุมเสื้อตรงนี้ขาดไปนิดนึง เจ้าลองพูดซิว่าใช่ของไม่มีคุณภาพรึเปล่า เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะไถหินพลังวิญญาณน้องข้าหรอกใช่มั้ย ถ้าทำแบบนี้ก็จะไร้คุณธรรมไปนะ มีอย่างที่ไหนหาเงินอย่างใจดำขนาดนี้”

 

“นี่ นี่ก็แค่ปัญหาเล็กๆเท่านั้น แม่นางอย่าพูดให้มันน่าเกลียดนักสิ ถ้าพวกเจ้าชอบจริงๆละก็ ไม่ต้องสนใจปัญหาเล็กๆพวกนี้หรอก”

 

พ่อค้าที่หน้าดำหน้าแดงรู้ดีว่าของชิ้นนี้มีเสียหายและไม่ประณีตอยู่บ้าง แม่นางคนนี้ท่าทางไม่ยอมง่ายๆ จึงได้แต่เกลี้ยกล่อมด้วยถ้อยคำดีๆ

 

“ไม่ได้…”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวทันที สีหน้าขึงขังและจริงจัง “ซื้อของทั้งทีก็ต้องซื้อของดี จะซื้อลวกๆได้ยังไง ถ้าหากเจ้าไปซื้อเสื้อใหม่ พอซื้อกลับมาใส่แล้วเห็นว่ามันเป็นรูหลายรูเจ้าจะเจ็บใจมั้ย เหมือนๆกันนั่นแหละเถ้าแก่ รูปสลักไม้นี้แพงเกินไป เจ้าลดราคาหน่อยข้าก็จะไม่พูดมากกับเจ้าอีก น้องสาวข้าก็ชอบด้วย”

 

“งั้นเจ้าว่าเท่าไหร่” เถ้าแก่พูดจนหมดอารมณ์ ถามตามคำของนาง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่แม้แต่จะคิด สัญชาตญาณล้วนๆ อ้าปากปุ๊บก็บอกราคาในใจออกไป “10 หินพลังวิญญาณ”

 

“ไม่ได้ ข้ารับมาก็ 7 หินพลังวิญญาณแล้ว ขายให้เจ้า 10 หินพลังวิญญาณเสียเปรียบแย่” พ่อค้าร้อนรนในใจจนเผลอเปิดเผยราคาต้นทุนออกไป

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตาเป็นประกาย รีบดึงหน้าไว้ “เถ้าแก่ เจ้าได้กำไรนี่ แค่เปลี่ยนมือแบบนี้ก็ได้ 3 หินพลังวิญญาณแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรอีก อย่าลืมสิ รูปสลักของเจ้าเป็นของไม่มีคุณภาพ ท่าทางน่าเกลียด ขาดนี่ขาดนั่น เจ้าขายออกก็บ้าแล้ว มีแต่น้องสาวข้านี่แหละที่อายุน้อย ชอบของแปลกๆ ข้าจะบอกให้นะ นอกจากพวกเราแล้วไม่มีใครจะซื้อของขี้เหร่แบบนี้หรอก ข้าว่าเจ้าน่ะขายให้พวกเราเถอะ”

 

การประลองอันยอดเยี่ยมของทั้ง 2 ทำให้ฝูงชนอึ้งไปหมด ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่เคยเห็นคนต่อราคา แต่คนที่ต่อโหดเกินครึ่งราคาแบบนี้ต่างเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

 

แน่นอนว่ามีคนอีกมากที่อยากดูว่าแม่นางรูปงามคนนี้จะต่อราคาได้สำเร็จมั้ย ดังนั้นทุกคนจึงกลั้นลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง มองนางแผลงฤทธิ์นิ่งๆ

 

“เรื่องนี้ เรื่องนี้….”

 

แม้จะมีคนมุงไม่น้อย แต่ใจของพ่อค้าก็วนเวียนอยู่กับรูปแกะสลักเทพมารรูปนี้ เขาขมวดคิ้วพลางมองไปที่รูปปั้นที่ขี้เหร่นิดๆ น่าเกลียดนิดๆ และสกปรกนิดๆ เหมือนว่าจะวางขายมากว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ไม่มีคนมองมันเลย

 

ขาย 10 หินพลังวิญญาณตัวเองก็ไม่ขาดทุนจริงๆ แต่ถ้าขายไม่ออกไปเรื่อยๆแบบนี้ตัวเองจะขาดทุนเยอะ เขากัดฟัน “ก็ได้แม่นาง มีอะไรเราค่อยพูดค่อยจากัน ของชิ้นนี้ขายให้เจ้าก็ได้ เจ้าให้หินพลังวิญญาณเพิ่มอีก 2 เม็ดของชิ้นนี้ก็เป็นของพวกเจ้า”

 

“ไม่ได้ บอกว่า 10 เม็ดก็ 10 เม็ด” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลียนแบบท่าทางยืดอกของหยูเฮงน้อย พูดอย่างยึดมั่นในหลักการ “พูดแล้วไม่คืนคำ จะทำมาค้าขายต้องมีความน่าเชื่อถือสิเถ้าแก่ จู่ๆจะมาเพิ่มราคากลางทางแบบนี้ได้ยังไง 10 หินพลังวิญญาณนั่นแหละ”

 

เพิ่มราคากลางทาง?

 

คำๆนี้ทำให้คนที่มุงอยู่นึกอยากจะขำ ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าน่ะตัดราคาเขาไป 2 ใน 3 แล้วยังไม่ให้เขาเพิ่มอีกสักหน่อยด้วย

————————