บทที่ 173: อสูรกายเต่าดำ

อาวุโสเคราจับหนวดของเขาพร้อมถอนหายใจและกล่าวว่า “เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของเต่าดำอสูรกายในตำนานหรือไม่?”

“เต่าดำอสูรกายในตำนาน?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมขมวดคิ้วแน่น “ตำนานเล่าว่ามันคือบุตรแห่งพระเจ้า และความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับอสูรกายระดับต้าเชิ่ง!”

“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะมีอยู่น้อยนิด แต่การถือกำเนิดของพวกมันได้สร้างคลื่นลูกใหม่ในโลกนี้ด้วยความสามารถมากมายที่พวกมันมี มีเพียงไม่กี่ตนที่โชคดีเกิดมาเป็นเปลือกลายธารเช่นนี้ เต่าทะเลเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์มากมาย ระดับพลังของมันใกล้เคียงกับคำว่าตำนานอย่างถึงที่สุด!” อาวุโสเคราอธิบายต่อ “สิ่งนี้คือลายเส้นสายธารโลหิตพิเศษที่ได้รับการปรับแต่งมาจากเต่าดำในตำนาน!”

“สิ่งของพิเศษงั้นหรือ?” ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างและรีบกล่าวออกไป “มันพิเศษอย่างไร?”

“เป็นสิ่งที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว!” อาวุโสเคราอธิบายเสริม “หลังจากที่เจ้าใช้มัน เจ้าจะต้องจารึกลายโลหิตเช่นนี้ไว้บนร่างกายของตนเอง จากนั้นรอให้มันเติบโตตามธรรมชาติ!”

“ว่าอะไร?” ในขณะที่เขาได้ยินเขาสนใจมันอย่างมากพร้อมถามต่อ “อะไรคือจารึกโลหิต?”

“มันสามารถใช้งานได้หลากหลาย” อาวุโสเครากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ประการแรก นี่คือต้นกำเนิดของลายเส้นสายธารโลหิตของเต่าดำในตำนาน หลังจากที่จารึกลงบนร่างกายแล้ว เลือดของเจ้ากับมันจะผสมกัน ไม่เพียงแต่ร่างกาย เส้นลมปราณ และสัมผัสวิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยให้เจ้าเข้าใจทักษะต่าง ๆ มากขึ้น สิ่งนี้เป็นเพียงหนึ่งในของไม่กี่อย่างที่สามารถเพิ่มความสามารถได้มากขนาดนี้ อีกทั้งมันคุ้มค่าไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่ทำให้สามารถผ่านพ้นสภาวะตีบตันได้!”

“นอกเหนือจากนั้น มันจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างตนเองกลายเป็นสายธารศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องร่างกายของเจ้า ในขณะที่เจ้ากำลังต่อสู้ มันจะปรากฏขึ้นมาปกป้องเจ้าโดยอัตโนมัติ สามารถดูดซับแรงการโจมตีและช่วยควบคุมปราณจิตวิญญาณของเจ้าได้ ในส่วนอื่นของการโจมตีจะถูกควบคุมโดยเทพเจ้าเต่าดำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อการก่อตัวของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดเสร็จสิ้นแล้วมันสามารถโต้กลับด้วยพลังที่มหาศาล!” อาวุโสเครากล่าวพร้อมอธิบายต่อ “ดังนั้นหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามของเจ้าจะต้องเอาชนะสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดได้เท่านั้น นั่นจะทำให้เจ้าแทบไร้เทียมทาน!”

“โอ้!” เจ้าอ้วนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงร่างกายหรือสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้อง มันคือสิ่งของที่ผู้ฝึกตนทุกคนต้องการมัน ดังนั้นเขาจึงถามออกไปอย่างมีความสุข “สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของมันแข็งแกร่งมากเพียงใด?”

“ความแข็งแกร่งของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้า ยิ่งร่างกายของเจ้าสามารถอดทนได้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้พลังของมันมากขึ้นไปเท่านั้น” อาวุโสอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “จากความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้าที่ถูกปรับปรุงโดยลายเส้นสายธารโลหิต ข้าคิดว่ามันน่าจะมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตัน ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันกับเจ้าจะไม่สามารถต่อกรกับเจ้าได้โดยที่เจ้าเพียงยืนเฉย ๆ ไม่ต้องขยับตัวแม้สักนิด และรับการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาจะต้องพบเจอกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์!”

“ช่างเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น

“ฮ่าฮ่า นี่ยังไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของมัน ทักษะลับของมันนั้นถูกซ่อนไว้และเจ้าต้องค้นหามันด้วยตนเอง” อาวุโสเครากล่าวด้วยรอยยิ้ม “นอกเหนือจากลายเส้นสายธารโลหิตแล้วยังมีเต่าทองโลหิตซึ่งถูกปรับแต่งมาจากอสูรกายในตำนานเช่นกัน ถ้าหากเจ้านำมันมารวมเข้าด้วยกัน ความสามารถของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อถึงเวลานั้นแน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับเจ้า!”

“แล้วข้าจะได้รับเต่าทองโลหิตได้อย่างไร?” เจ้าอ้วนรีบถาม

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาวุโสเครากล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ถ้าหากข้ารู้ ข้าจะบอกกับเจ้าได้อย่างไร? เต่าดำในตำนานพบเจอได้ยากยิ่งและเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่มีวันจะได้พบ สำหรับเต่าทองโลหิตมันยิ่งพบพานยากยิ่งกว่า แม้ว่าเจ้าจะพบเจอมันแต่ก็ไม่อาจเอาชนะมันได้ สิ่งที่ข้าได้รับมานี้คือผู้ฝึกตนระดับต้าเชิ่งพบมันเข้าโดยบังเอิญเท่านั้น ถ้าหากเจ้าต้องการเต่าทองโลหิต มันก็ไม่ต่างงมเข็มในมหาสมุทร แม้ว่าอายุของเจ้าจะยืนยาวเป็นหมื่นปี ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าจะค้นพบมัน!”

ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก นับว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาได้รับลายเส้นสายธารโลหิต ในเวลานี้เขาได้เจอกับเรื่องที่ตื่นเต้นและมันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่เหตุใดอาวุโสผู้นี้จึงมอบมันให้กับเขาแทนที่จะใช้มันกับตนเอง? หรือว่าจะมีเหตุผลซ่อนอยู่เบื้องหลัง?

เมื่อคิดเช่นนี้ เจ้าอ้วนถามออกไปอย่างระแวดระวัง “อาวุโสนี่เป็นข้อเสนอที่ดีมาก เหตุใดท่านจึงไม่คิดจะใช้มัน?”

“เฮ้อ!” อาวุโสเคราถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ความสามารถของมันเหมาะกับผู้ที่ฝึกฝนร่างกาย มันจะเป็นเรื่องลำบากถ้าหากข้าใช้มันเอง ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะเก็บมันไว้เพื่อแลกกับสมบัติวิญญาณที่ข้าต้องการ แต่ก็แย่นักที่ข้าไม่อาจค้นพบคนที่จะแลกเปลี่ยนกับของชิ้นนี้เลย อีกทั้งเวลาของข้าใกล้หมดลงและติดขัดอยู่ตรงนี้มาเนิ่นนาน ข้าต้องช่วยเหลือชีวิตของตนเองก่อน!”

หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “อาวุโส ศิษย์เข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่ว่าข้อเสนอนี้ไม่เหมาะสมที่จะแลกเปลี่ยนกับชาหม้อเล็ก ๆ เช่นนี้ ศิษย์ไม่สามารถรับมันไว้ ดังนั้นข้าขอให้ท่านมอบยันต์สายฟ้าให้กับข้าแทนที่จะเป็นสิ่งของชิ้นนี้!”

อาวุโสเครารู้สึกร่าเริงขึ้นมาทันที ในตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีความหวังอีกต่อไป แต่เขาไม่ได้คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบโยนยันต์สายฟ้าออกมาพร้อมกับคว้าหม้อชาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นหัวเราะออกมาดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ “ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าช่างใจกว้างยิ่งนัก! ข้าจะจดจำเรื่องเหล่านี้ไว้ในใจ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เมื่อเห็นเช่นนั้น อาวุโสเคราแทบจะตายตกไปเพราะความโกรธ เขากล่าวออกมาอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าโง่ ข้ายินดีที่จะขาดทุนแต่ทำไมเจ้ากลับไร้สมองเช่นนี้?”

อาวุโสใบหน้าสีแดงอยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะกลับกลายเป็นเช่นนี้

เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มปีศาจ “ฮี่ฮี่ อาวุโสอย่าได้กังวลไปเลย ลายเส้นสายธารโลหิตนั้นก็เป็นสิ่งที่ศิษย์ต้องการเช่นกัน!”

“เจ้ายังต้องการมันอีกหรือ?” อาวุโสเคราคำรามออกมา “เป็นไปไม่ได้ เจ้าคิดว่าจะเอาอะไรออกมาล่อลวงข้าได้อีกงั้นหรือ?”

เจ้าอ้วนตอบกลับด้วยท่าทีที่สงบ “แม้แต่ชาวิถีเต๋างั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่….” อาวุโสเคราตอบได้เพียงเท่านั้น เขาหยุดปากทันทีเพราะรู้สึกว่ามีอะไรผิดพลาด พร้อมกับถามออกไปอย่างรวดเร็ว “อะไรนะ? ชาวิถีเต๋า? อ้วนน้อย เจ้ายังพอมีชาวิถีเต๋าอยู่อีกงั้นหรือ?”

“ฮี่ฮี่!” เจ้าอ้วนยิ้มพร้อมกับถือยันต์หยกไว้ในมือและอธิบาย “ศิษย์มีชานี้อยู่สองถุงและมอบครึ่งหนึ่งให้กับศิษย์น้องหงหยิงไปแล้ว มันยังเหลืออีกเล็กน้อยและสามารถชงได้อีกหนึ่งหม้อ”

อาวุโสเครารับกล่องหยกมาด้วยความร่าเริงและตรวจสอบด้านในอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีใบชาอยู่เพียงเล็กน้อยแต่มันก็เพียงพอสำหรับชาหนึ่งหม้อ!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าอ้วน เจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ!” อาวุโสเครากล่าวออกมาอย่างร่าเริง ปราศจากคำพูดใด เขามอบลายเส้นสายธารโลหิตให้กับเจ้าอ้วนทันทีพร้อมกล่าวว่า “สิ่งนี้เหมาะสมกับเจ้า แต่จงจำไว้ว่าถ้าหากร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งมากพอ เจ้าสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ แต่ถ้าหากไม่มากพอ ร่างกายของเจ้าจะระเบิดออกเพราะปราณจิตวิญญาณอันมหาศาล!”

เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของเขาลดลงสักเท่าไหร่ เขารับมันไว้พร้อมกล่าวอย่างอ่อนน้อม “ข้าขอขอบคุณท่านอาวุโส!”

“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย!” อาวุโสเครากล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

เมื่อเห็นว่ามีสองคนที่ได้รับสิ่งของแต่ว่าเขาเป็นผู้เดียวที่ไม่ได้รับอะไรเลย เขาจะไม่รู้สึกผิดหวังได้อย่างไรกัน? จึงได้แต่กล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง “อ้วนน้อยเจ้ายังพอมีชาวิถีเต๋าเหลืออยู่บ้างไหม?”

“ข้าไม่มีมันเหลือแล้วขอรับ!” เพื่อพิสูจน์ความไร้เดียงสาของตนเอง เขาหยิบแหวนมิติออกมาพร้อมกล่าวว่า “อาวุโสสามารถตรวจสอบได้ถ้าหากไม่เชื่อใจข้า?”

อาวุโสใบหน้าสีแดงตรวจสอบมันพร้อมกับพบว่าเจ้าอ้วนไม่ได้กล่าวเท็จ เขาจึงพูดออกมาอย่างผิดหวัง “เจ้าไม่ได้ลำเอียงใช่หรือไม่? ทำไมมีเพียงข้าที่ไม่ได้รับมัน? ข้ายอมรับว่าข้อเสนอของข้าไม่อาจเทียบกับลายเส้นสายธารโลหิตได้ แต่ยันต์สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นเปรียบได้กับขยะ จะเปรียบเทียบกับเสื้อคลุมแห่งธาตุทั้งห้าของข้าได้อย่างไร? เจ้าจะต้องอธิบายข้ามาในวันนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าอ้วนตกใจทันที ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเปรียบได้กับภูเขาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ถ้าหากอาวุโสใบหน้าสีแดงต้องการสร้างปัญหา แน่นอนว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้

อย่างไรแล้วอาวุโสอีกสองท่านต่างได้รับสิ่งของจากเขา ทั้งสองย่อมไม่อาจทนเห็นเจ้าอ้วนถูกรังแกได้ พวกเขาพยายามเรียกสติของอาวุโสใบหน้าสีแดงให้กลับคืน

อาวุโสเครากระซิบเขา “ดูเจ้าทำตัว เจ้าคืออาวุโสเฟินเสินนะ!”

อาวุโสอีกคนรีบกล่าวเสริม “ใช่แล้ว เจ้าเสียมารยาทต่อหน้าศิษย์ได้อย่างไร! ก่อนหน้านี้เจ้าเคยกล่าวไว้ว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับเขาถ้าหากเขาไม่เลือกเจ้า แล้วตอนนี้เจ้ากลับคำพูดแล้วงั้นหรือ?”

“ข้าสร้างปัญหาอะไรให้กับเขา? ข้าเพียงต้องการคำอธิบาย!” อาวุโสใบหน้าสีแดงกล่าวอย่างหดหู่

“ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเช่นเจ้าต้องการคำอธิบายจากศิษย์ระดับปฐมภูมิงั้นหรือ? ไม่ใช่ต้องการจะสร้างปัญหาให้กับเขาหรือไร?” อาวุโสหัวโล้นกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ใช่แล้ว เจ้าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง!” อาวุโสเครากล่าวเสริม “เวลาล่วงเลยมาเนิ่นนานแล้ว เราไม่ควรชักช้าและรีบออกไปเสียที กลับสำนักกันเถิด!”

“ตกลง เราจะออกไปเดี๋ยวนี้!” อาวุโสหัวโล้นตอบกลับ พวกเขาไม่รอคำตอบจากอาวุโสใบหน้าสีแดงแต่อย่างใดพร้อมกับพากันออกไปทันที

ในขณะนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะบอกลาเจ้าอ้วน “อ้วนน้อย แล้วเจอกันใหม่!”