บทที่ 172: ลายเส้นสายธารโลหิต

“ฮ่าฮ่า สาวน้อยผู้นี้ยังรู้จักอายอยู่บ้าง!” อาวุโสทั้งสามหัวเราะร่าออกมา

เจ้าอ้วนรู้สึกอับจนหนทางเมื่อมองเห็นอาวุโสเหล่านี้ แต่พวกเขาทั้งหมดคืออาวุโสที่แข็งแกร่งและเขาไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้ เขาจึงยิ้มและกล่าวออกมา “ท่านอาวุโสทั้งสาม ท่านมีความสุขหรือไม่หลังจากได้รับชาวิถีเต๋าแล้ว?”

มันคงไม่ผิดอะไรถ้าเจ้าอ้วนไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ในตอนนี้มันช้าไปเสียแล้ว หลังจากเขากล่าวเช่นนั้นออกมาอาวุโสทั้งสามเปลี่ยนสีหน้าของตนเองทันทีพร้อมแทบจะอกแตกตายอยู่ตรงนั้น

อาวุโสคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างอารมณ์เสีย “อย่ากล่าวถึงมันอีก ข้าไม่อยากกล่าวถึงเหล่าเด็กน้อยและภรรยาผู้ที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างได้!”

“ว่าอะไร?” เจ้าอ้วนรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาด ดังนั้นเขารีบถามอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”

“เหอะ เราจะไม่คุยถึงเรื่องนี้!” อาวุโสอีกคนกล่าวอย่างขมขื่น “ช่วยแสร้งทำเป็นว่าเราไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ข้าเกรงว่าถ้าหากเจ้ารู้จ้าวสำนักอาจมีความคิดที่จะปิดปากเจ้า!”

“เป็นเช่นนั้น!” อาวุโสอีกคนกล่าวด้วยใบหน้าแดงจัด “หยุดกล่าวถึงเรื่องนี้เสีย เรามาพูดเรื่องที่สำคัญกว่านี้เถิด!” แม้ว่าอาวุโสเหล่านี้จะดูเหมือนไร้ความปราณี แต่ทว่าปากของพวกเขายังคงปิดสนิท เขารู้ว่าควรพูดสิ่งใดหรือไม่ควร ถ้าหากคำกล่าวที่ว่าภรรยาจ้าวสำนักนำชาวิถีเต๋าไปล้างเท้าถูกเผยแพร่ออกไป แน่นอนว่านางจะต้องถูกหัวเราะเยาะจากผู้ฝึกตนทั่วทุกมุมโลกและชื่อเสียงของนางไม่อาจกลับคืนมาได้อีกครั้ง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่บอกกล่าวกับเจ้าอ้วน

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ตอบ เจ้าอ้วนไม่กล้าที่จะถามเซ้าซี้อีกต่อไป แต่เขาสามารถเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขากล่าวได้ อย่างเช่นพวกเขาไม่สามารถจัดการกับใบชาที่เขามอบให้หงหยิงได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

แม้เขาจะคิดเช่นนั้น แต่เจ้าอ้วนก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดและถามออกไปว่า “แล้วท่านอาวุโสทั้งสามมาหาข้าที่นี่ด้วยเหตุใดงั้นหรือ?”

“เหอะเหอะ เรื่องนั้นง่ายมาก ข้าต้องการซื้อหม้อชาที่เจ้ากำลังดื่มอยู่ในตอนนี้!” อาวุโสอีกคนกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ไม่ใช่เขาที่จะซื้อมัน ข้าต่างหากที่ต้องการซื้อ!” อาวุโสอีกคนกล่าวด้วยใบหน้าแดงจัด

“มันต้องเป็นข้า ขายมันให้กับข้าผู้นี้เถิด ข้าจะจ่ายให้อย่างงาม!” อาวุโสมีเครากล่าวออกมาอย่างกังวล

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เจ้าอ้วนเข้าใจได้ทันทีว่าชานี้คือสิ่งที่มีมูลค่าอย่างมาก อีกทั้งอาวุโสทั้งสามต้องการมันมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับให้ซื้อมัน ถ้าหากเจ้าอ้วนเล่นตุกติกแน่นอนว่าเขาจะถูกข่มขู่

ดังนั้นเขายิ้มและกล่าวออกมาว่า “ฮี่ฮี่ อาวุโสทั้งสามต้องการซื้อมัน แต่ข้ามีเพียงหนึ่งหม้อเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าข้าไม่สามารถขายมันให้ท่านทั้งสามได้ แต่ด้วยความเป็นศิษย์ผู้น้อยของข้า ก็ไม่อาจเลือกได้ว่าจะให้ขายมันให้ผู้ใด เพราะมันคงไม่ดีถ้าหากข้าไม่รักษาใบหน้าของอีกสองคนที่เหลือ สิ่งนี้ทำให้ข้าลำบากใจยิ่งนัก!”

อาวุโสทั้งสามเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมอย่างมากและพวกเขาเข้าใจว่าเจ้าอ้วนกล่าวอะไร พวกเขากล่าวออกมาพร้อมกัน “กล่าวเรื่องไร้สาระ กล่าวสิ่งที่เจ้าต้องการมาได้เลย!”

“ฮี่ฮี่ ข้าไม่ควรจะกล่าวสิ่งใดที่นี่ แต่เนื่องจากท่านอาวุโสทั้งสามขอร้อง และศิษย์ไม่อาจตัดสินใจได้จึงขอให้เปิดการประมูลกัน!”

“ประมูล?” อาวุโสหัวโล้นขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “เราจะประมูลกันอย่างไรจึงจะยุติธรรม!?”

“ถูกต้อง เราจะกำหนดราคาได้อย่างไรสำหรับชาหม้อนี้!” อาวุโสอีกคนกล่าวเสริม

“ใช่แล้ว เราเป็นสหายกันมานานหลายร้อยปีแล้ว คงไม่สามารถตัดขาดกันได้เพียงเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ถูกต้องหรือไม่?” อาวุโสอีกคนกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกว่าแผนการที่จะให้พวกเขาประมูลแข่งกันนั้นล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากสาปแช่งอยู่ภายในใจ ‘จิ้งจอกเฒ่า!’ ดังนั้นเขาจึงกล่าวข้ออ้างออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ตกลง ศิษย์ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่อาจมอบมันให้กับท่านทั้งสามได้ ดังนั้นศิษย์คิดว่าท่านอาวุโสทั้งสามควรจะเสนอราคามา จากนั้นศิษย์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับข้า และไม่ว่าข้าจะเลือกผู้ใดหวังว่าอาวุโสจะเข้าใจข้าด้วย!”

“อืม เป็นความคิดที่ดี!” อาวุโสอีกคนกล่าวออกมาพร้อมกับพยักหน้า

“ข้าคิดว่านี่คือข้อตกลงที่ดี การประมูลเพียงครั้งเดียวเช่นนี้หลีกเลี่ยงการปะทะได้!” อาวุโสอีกคนกล่าว

“อีกอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งใด แน่นอนว่าเราจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้าเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ!” เจ้าอ้วนคำนับให้กับพวกเขาพร้อมกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าอาวุโสท่านใดจะเสนอเป็นคนแรก?”

เมื่ออาวุโสทั้งสามได้ยินเช่นนั้น พวกเขาลังเลและเหลือบมองกัน

แน่นอนว่าทุกคนต้องการเป็นคนสุดท้ายเพื่อเสนอราคาที่มากที่สุด ไม่มีผู้ใดโง่เขลาจึงไม่สามารถแสดงความเด็ดขาดได้ ทั้งหมดยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะก้าวขาออกมาด้านหน้าได้

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้เจ้าอ้วนรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “ท่านอาวุโสทำไมพวกท่านไม่หยิบข้อเสนอที่ท่านต้องการเสนอออกมาพร้อมกันและปิดกั้นการมองเห็นมันล่ะ อีกอย่างท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้อีกด้วย และจะไม่เสียใจที่นำมันออกมา! อย่างนี้ได้หรือไม่?”

“ประเสริฐ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาวุโสทั้งสามหยักหน้าพร้อมกับโบกมือพร้อมกัน ปรากฏสามข้อเสนอขึ้นมาตรงหน้าของเจ้าอ้วน เนื่องจากที่มันถูกปกคลุมด้วยแสงสีเขียว เจ้าอ้วนจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่พวกเขานำออกมาได้ แต่เพียงแค่คิดว่ามันถูกนำออกมาโดยผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินคงไม่ใช่อุปกรณ์ธรรมดา

ภายในใจของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความสุข แต่เขายังคงอยู่ในท่าทีที่สงบและกล่าวว่า “ในตอนนี้ทุกท่านหยิบมันออกมาแล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ข้าอยากรู้ว่าอาวุโสท่านใดต้องการจะนำเสนอมันให้กับข้าก่อน?”

“ข้าก่อน!” อาวุโสใบหน้าสีแดงกล่าวออกมาพร้อมกับกระโดดมาด้านหน้า ในขณะที่เขาโบกมือเท่านั้น แสงสีเขียวหายไปทันทีและเปิดเผยสิ่งนั้นออกมา มันคือเสื้อคลุมห้าสี แต่เจ้าอ้วนไม่เข้าใจว่ามันคือสิ่งใด ข้อเสนอนี้มีความสวยงามและการตัดเย็บที่ดีมากพร้อมกับมีปราณจิตวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าเล็ดลอดออกมาจากมัน

อาวุโสกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “มันคือเสื้อคลุมแห่งธาตุทั้งห้า เป็นผลิตภัณฑ์ของข้าเองเมื่อแปดร้อยปีก่อน ข้าปรับแต่งมันหลายครั้งและบรรจุชีวิตกับจิตวิญญาณของข้าไว้มากมาย ในตอนแรกข้าต้องการปรับแต่งให้มันกลายเป็นสมบัติวิญญาณ แต่ว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนข้าได้รับเสื้อคลุมที่เป็นสมบัติวิญญาณมา ข้อเสนอนี้จึงไม่ได้มีความสำคัญกับข้าอีกต่อไป แต่หลังจากที่ข้าปรับแต่งมันด้วยจิตวิญญาณของข้านานนับหลายร้อยปี ในตอนนี้แม้ว่ามันจะยังคงไร้จิตวิญญาณแต่ว่ายังคงมีร่องรอยของวิญญาณอยู่เล็กน้อย ข้าคิดว่ามันจะต้องกลายเป็นสมบัติวิญญาณได้ถ้าหากมันได้รับเวลาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย! หนุ่มน้อย! การฝึกฝนของเจ้านั้นเต็มไปด้วยธาตุทั้งห้าและข้อเสนอนี้เหมาะกับเจ้ามาก ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ล้ำค่ามากนัก แต่ในอนาคตมันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมาก แล้วเจ้าจะรออะไรอยู่? สมบัติวิเศษสุดล้ำค่าเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในตอนนี้!”

เมื่ออาวุโสคนนี้กล่าวจบ ดวงตาของเจ้าอ้วนแทบจะหลุดออกจากเบ้า แน่นอนว่าข้อเสนอนี้เหมาะกับเขามาก แม้ว่าระฆังทองแดงจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเปิดเผยมันได้โดยง่าย อีกทั้งการป้องกันของมันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบดั่งเช่นข้อเสนอนี้ที่เต็มไปด้วยพลังของธาตุทั้งห้า ด้วยเหตุนี้เจ้าอ้วนอาจจะหลบหนีจากอันตรายได้ก่อนที่มันจะมาถึงตัวเองก่อนสักสองถึงสามพันลี้ นี่เป็นสมบัติวิเศษที่จะทำให้เขารอดชีวิตได้! สำหรับชาเพียงครึ่งหม้อแล้วได้รับข้อเสนอนี้ นับว่าเป็นของขวัญจากสวรรค์! แต่ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังจะพยักหน้าของเขา อาวุโสอีกคนไอออกมาเพื่อขัดจังหวะทันทีพร้อมกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม ข้าแนะนำว่าให้เจ้าตัดสินใจหลังจากที่ได้เห็นข้อเสนอของข้าก่อน! แน่นอนว่าเสื้อคลุมแห่งธาตุทั้งห้าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันอาจจะไม่เหมาะกับเจ้า! เชื่อข้า สิ่งที่ข้าเสนอให้เจ้าอาจจะมีประโยชน์มากกว่า!”

“ว่าอะไร?” ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารีบถามออกไปทันที “ข้าต้องการเห็นข้อเสนอของท่าน!”

“จงจับตาดูให้ดี!” จากนั้นอาวุโสโบกมือทันทีเพื่อปลดปล่อยแสงสีเขียวและปรากฏแถบหยกเก่าแก่ออกมา พร้อมกับเริ่มอธิบายทันที “เจ้าคือผู้ฝึกตนสายฟ้าใช่หรือไม่? อีกทั้งเจ้ายังฝึกฝนสายฟ้าแห่งธาตุทั้งห้าอีกด้วย ถูกต้องหรือไม่?”

“ขอรับ!” เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า “ศิษย์เป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าแห่งธาตุทั้งห้า!”

เจ้าอ้วนรู้สึกประหลาดใจที่เหล่าอาวุโสเหล่านี้รู้จักเขา แม้แต่จ้าวสำนักยังรู้จากการบอกกล่าวของเขา

“ใช่แล้ว!” ชายชรายิ้มออกมาอย่างร่าเริง “นี่เป็นยันต์สายฟ้าแห่งธาตุทั้งห้าในสมัยโบราณ ซึ่งรวบรวมเวทมนตร์สายฟ้าและความรู้ของผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้านับยี่สิบคน!”

เหตุผลที่มันมีจำนวนมากถึงขนาดนั้นเพราะว่ามันเต็มไปด้วยอสนีขั้วบวกและลบรวมกัน ยันต์สายฟ้าที่ได้รับการสะกดแล้วนั้นมีมูลค่าอย่างมาก เรียกได้ว่ามันคือสมบัติขนาดย่อม แต่เจ้าอ้วนนั้นสามารถใช้สายฟ้าอสนีขั้วลบได้เพียงสิบชนิดเท่านั้น นอกจากนั้นอาคมชนิดนี้ถือว่าหาได้ยากอย่างยิ่งและคงจะเก็บรวบรวมได้ช้าถ้าหากเขาทำเอง ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันมีค่ามากกว่าเสื้อคลุมแห่งธาตุทั้งห้า

แน่นอนว่าอาวุโสหัวโล้นเห็นว่าเจ้าอ้วนสนใจสมบัติชนิดนี้มาก แต่เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันเลย พร้อมกับเปิดเผยไผ่ใบสุดท้ายในมือตนเอง

“เจ้าหนุ่ม ข้ารู้ว่าเสื้อคลุมแห่งธาตุทั้งห้านั้นห่างไกลกับสายฟ้าแห่งธาตุทั้งห้า แต่สิ่งที่ข้ามีก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว”

อาวุโสหัวโล้นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แท้จริงแล้วเวทมนตร์สายฟ้ายี่สิบชนิดนี้เป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งล้ำค่าของมันคือฐานรวมสายฟ้า!”

“ฐานรวมสายฟ้า?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวซ้ำอีกครั้งพร้อมถามออกมาด้วยความสงสัย “ฐานรวมสายฟ้าคือสิ่งใด?”

“เหอะเหอะ ฐานรวมสายฟ้าคือสมบัติวิเศษซึ่งสามารถควบแน่นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์!” อาวุโสหัวโล้นกล่าวเสริม “รวมกับที่เจ้าต้องปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มันคือเคล็ดวิชาที่สามารถช่วยให้เจ้าปรับแต่งมันได้ เรียกได้ว่าประหยัดเวลาของเจ้าได้มากโข!”

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที “มีสมบัติวิเศษที่สามารถปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้โดยอัตโนมัติด้วยงั้นหรือ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”

“เหอะ นี่เป็นสิ่งที่จะปรากฏในทุกหนึ่งหมื่นปีเท่านั้น แม้ว่ามันจะทำให้ชีวิตของผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้าง่ายขึ้น แต่ทรัพยากรที่ต้องใช้นั้นมีราคาสูงมาก เพียงแค่ฐานรวมสายฟ้าระดับต่ำที่เป็นสมบัติวิเศษยังถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของสำนัก! รวมกับวัสดุที่ใช้สร้างฐานรวมสายฟ้าระดับกลางนั้นมีมูลค่ามากเทียบเท่ากับสมบัติวิญญาณ!” อาวุโสกล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “เจ้าหนุ่ม ข้อเสนอนี้แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจ่ายเพื่อครอบครองมันได้ เช่นนี้เจ้าจงคิดดูว่ามันจะทำให้เจ้ามีความมั่งคั่งมากถึงเพียงใด?”

“เจ้าอย่าได้ประมาท ผู้อื่นก็สามารถช่วยเรื่องนี้กับเจ้าได้!” เมื่ออาวุโสอีกคนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างขุ่นเคือง

“เห็นได้ชัดว่าเจ้าต้องการโกงเขา!” อาวุโสที่มีเครากล่าวออกมาอย่างรังเกียจ

ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนฟื้นคืนสติทันทีพร้อมกับเข้าใจว่าเหตุใดอาวุโสคนนี้จึงต้องการมอบสมบัติของสำนักให้กับผู้ฝึกตนที่อ่อนแอเช่นเขา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันเพราะภายในมิติลึกลับของเขาเต็มไปด้วยวัสดุมากมาย แม้ว่าจะไม่มากพอแต่เขาสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ มันคงจะดีถ้าหากเขาสามารถใช้ฐานรวมสายฟ้าได้ ผลของมันก็คือเขาจะมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากมายโดยที่ไม่ต้องนั่งปรับแต่งเอง

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าอ้วนรู้สึกถูกล่อลวงเล็กน้อย แต่เนื่องจากเขายังไม่เห็นข้อเสนอสุดท้าย เขาจึงยังไม่เลือกมันในทันที จากนั้นเขาหันไปหาอาวุโสคนสุดท้ายพร้อมกล่าวว่า “ข้าต้องการเห็นข้อเสนอของท่านได้หรือไม่?”

“ฮี่ฮี่!” ในขณะที่อาวุโสได้ยินเช่นนั้น เขารีบตอบกลับทันที “แน่นอนว่าข้อเสนอของข้าไม่เหมือนขยะเหล่านั้น ให้ข้าผู้นี้แสดงให้เจ้าดูเถิดว่าสิ่งใดกันแน่ที่ควรเรียกว่าสมบัติ!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาปลดปล่อยแสงสีเขียวพร้อมกับปรากฏกระดองเต่าขนาดเท่ากำปั้น เปลือกของมันเต็มไปด้วยลวดลายสีโลหิต ถึงแม้ข้อเสนอนี้จะมีความพิเศษอย่างมาก แต่เจ้าอ้วนก็ไม่รู้ว่ามันพิเศษอย่างไร

แต่ในขณะนั้นอาวุโสทั้งที่มองเห็นข้อเสนอนี้ พวกเขาอุทานออกมาอย่างตกใจ “ลายเส้นธารโลหิต!” อาวุโสใบหน้าสีแดงตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “สหาย เจ้าคิดอะไรอยู่ที่นำสิ่งนี้ออกมา?”

“สวรรค์ ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจ้านำสมบัติวิญญาณขั้นสี่ออกมาครั้งสุดท้ายเมื่อใด แต่เหตุใดจึงนำมันออกมาวันนี้?” อาวุโสใบหน้าสีแดงกล่าวว่า “เพียงแค่ชาหม้อนี้ มันคุ้มค่างั้นหรือ?”

“เหอะ!” ขณะที่อาวุโสเคราได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาว่า “ข้าติดค้างอยู่ที่สภาวะตีบตันนี้มานานกว่าห้าร้อยปี ถ้าหากว่าไม่ก้าวหน้าภายในร้อยปีข้างหน้า ข้าคงหมดเวลาในโลกนี้แล้ว หม้อนี้เป็นความหวังสุดท้ายของข้า! ถ้าหากข้าใช้สมบัติในครั้งนี้ แน่นอนว่าข้าสามารถหามันได้ใหม่ แต่ถ้าหากข้าไม่มีชีวิตที่จะอยู่ต่อไป ข้าคงไม่เหลือสิ่งใด!”

เมื่ออาวุโสหน้าแดงและอาวุโสหัวโล้นได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาเปิดเผยใบหน้าแห่งความเสียใจ จากนั้นหัวเราะอย่างขมขื่นเก็บข้อเสนอของตนเองและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ลืมมันไปเถิด เนื่องจากเจ้ายอมจ่ายมันด้วยราคาดังกล่าว พวกข้าขอยอมแพ้!”

“ขอบคุณ ขอบคุณมาก!” อาวุโสเครายกมือขึ้นมาเพื่อขอบคุณสหาย

“แค่กแค่ก!” เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาไอออกมาสองครั้งพร้อมกล่าวอย่างขื่นขม “อาวุโสทั้งสามอย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสิน ข้ายังไม่รู้เลยว่าอะไรคือลายเส้นธารโลหิต!”

“เหอะเหอะ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก!” อาวุโสหน้าแดงกล่าวออกมาอย่างริษยา

“มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับต้าเชิงไม่อาจสู้ได้!” อาวุโสหัวโล้นกล่าวเสริม “ในเวลานี้เจ้านับว่าได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดแล้ว!”