พลิกฟื้น

 

 

 

 

“ไม่ได้หลอกนะ คุณอาจเห็นว่าตอนนี้ฉันดูเหมือนจะไปได้ดีในวงการบันเทิง แต่งานยังเข้ามาน้อยมาก อันที่จริงก่อนหน้านี้ยังมีงานเข้ามาเยอะเลย แต่ไม่รู้ทำไมพักนี้กลายเป็นว่ามีงานเข้ามาน้อยมาก คุณก็รู้ว่าแหล่งงานสำคัญกับศิลปินขนาดไหน ถ้าไม่มีงานดีๆ เข้ามา คนใหม่ๆ ก็จะขึ้นแซงหน้าพวกเราที่เป็นคนเก่า และจะกลายเป็นฉากประดับใหม่ของวงการ แล้วพวกเราก็จะค่อยๆ ถูกผู้คนหลงลืมจนหมด” หลินหว่านพูดจบก็ถอนใจเฮือกหนึ่ง 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเฉิงเฉิงไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงมีอาการเช่นนี้ เขายังพลอยรู้สึกสงสัยไปด้วย ดาราดาวรุ่งที่กำลังมาแรงคนหนึ่งไม่น่าจะมีงานเข้ามาหามากมายหรอกเหรอ 

 

 

“วางใจเถอะ คุณทั้งสวยแล้วก็ขยันตั้งใจทำงานขนาดนี้ต้องมีที่ของคุณในวงการนี้อย่างแน่นอน อย่าปล่อยให้เรื่องพวกนี้มารบกวนให้คุณเสียใจ ในเมื่อวันนี้คุณนัดผมออกมา งั้นพวกเราก็คุยกันให้สมอยากกันเถอะ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาให้ผมฟังได้นะ” เฉิงเฉิงยิ้มพลางพูด 

 

 

“เฉิงหมิงเป็นพ่อของคุณ ช่วงหลายวันนี้คุณได้ยินเขาพูดอะไรเกี่ยวกับฉันบ้างไหมคะ” 

 

 

หลินหว่านพูดจบใจก็เต้นระรัว เธอไม่รู้ใจตัวเองว่าอยากจะได้ยินคำตอบว่าอะไร แต่ตอนนี้เธออยู่ต่อหน้าเฉิงเฉิง เธอแค่อยากรู้ความจริงบางอย่าง 

 

 

“พ่อของผม? เขาพูดเรื่องคุณทำไมกัน เขากับคุณมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า คุณพูดแบบนี้มันน่าแปลกมากเลยนะ” เฉิงเฉิงพูดเสียงดัง 

 

 

เฉิงเฉิงรู้สึกแปลกใจมาก ทำไมหลินหว่านจึงพูดถึงพ่อเขาขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้จู่ๆ ก็พูดถึง ทำให้เฉิงเฉิงรู้สึกคาดไม่ถึง 

 

 

หลินหว่านเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฉิงเฉิง ก็เห็นว่าเฉิงเฉิงไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงไม่คิดจะสืบต่อไปอีก 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณนี่ก็อ่อนไหวซะจริง ฉันก็แค่อยากจะถามคุณดูเท่านั้น อย่าถือสาเลยนะคะ” หลินหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“อ้อ ผมยังนึกว่าคุณกับพ่อผมเกิดเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันเสียอีก เมื่อกี้ผมตกใจหมด ในเมื่อไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน งั้นผมก็ไม่ต้องห่วงแล้ว” เฉิงเฉิงยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท 

 

 

หลินหว่านกับเฉิงเฉิงพูดคุยกันครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวร่ำลากันไป ชั่วเวลานั้นหลินหว่านไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จากคำพูดของเฉิงเฉิง เธอไม่ได้ข้อมูลสำคัญอะไรเลย 

 

 

ระหว่างทางกลับบ้าน เฉิงเฉิงคิดวนเวียนอยู่แต่คำพูดของหลินหว่าน เขายังรู้สึกว่าการที่หลินหว่านพูดถึงพ่อของเขาขึ้นมาจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ เขารู้สึกลึกๆ ว่าหลินหว่านไม่ได้แค่พูดขึ้นเฉยๆ อย่างที่เธอว่า คำพูดประโยคสุดท้ายนั่นก็แค่ตอบเลี่ยงไปเท่านั้น ส่วนหลินหว่านทำไมจึงพูดถึงชื่อพ่อเขาขึ้นมานั้น เรื่องนี้ก็ทำให้เฉิงเฉิงรู้สึกสงสัยเอามากๆ 

 

 

เฉิงเฉิงคิดไปคิดมา เห็นว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น เขาสงสัยว่าพ่อกับแม่คงจะทำอะไรไม่ดีกับหลินหว่าน แต่ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจพูดออกมาพล่อยๆ ได้ เฉิงเฉิงตั้งใจว่าจะแอบสืบเรื่องนี้ดู 

 

 

ไม่นานนักเฉิงเฉิงใช้วิธีการของตัวเองสืบจนรู้ว่า พ่อของเขาเป็นคนตัดลดงานของหลินหว่าน ทำให้หลินหว่านตกที่นั่งลำบากไม่มีงานเข้ามา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นฝีมือพ่อของเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกโมโหมาก ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้ 

 

 

เฉิงเฉิงบุกเข้าห้องทำงานของเฉิงหมิงพ่อของเขา 

 

 

“วันนี้ไม่มีอะไรทำเหรอ วันนี้ทำไมแกมีเวลามาออฟฟิศพ่อได้ นี่ก็ใกล้เลิกงานแล้ว แกมาตอนนี้ไม่เหมาะ ไปกันเถอะ เดี๋ยวกลับไปกับพ่อ แม่แกทำของอร่อยไว้ให้” เฉิงหมิงเงยหน้าขึ้นเห็นเฉิงเฉิงเดินเข้ามาก็พูดเสียงเรื่อยๆ  

 

 

เฉิงเฉิงรู้ความจริงเรื่องของหลินหว่านแล้ว รู้สึกโมโหมากต่อการกระทำของพ่อเขา เฉิงเฉิงจ้ำพรวดๆ เข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด 

 

 

“พ่อครับ หลายวันนี้พ่อทำอะไรเลวร้ายไว้บอกผมได้ไหม หรือว่าพ่อจะเลือกไม่พูดเพื่อรักษาหน้าไว้ แต่ผมหวังว่าพ่อจะหยุดซะเดี๋ยวนี้ อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้เลยนะครับ พ่อทำแบบนี้เป็นการตัดหนทางสู่อาชีพการแสดงของคนอื่น ทำลายความฝันของคนคนหนึ่ง พ่อรู้สึกว่านี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่สำหรับคนอื่นแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต” เฉิงเฉิงพูดอย่างคนมีอารมณ์ขึ้น 

 

 

เฉิงหมิงคิดไม่ถึงว่าลูกชายเขาที่ยากนักจะมาที่ออฟฟิศสักครั้ง แต่กลับมาด้วยท่าทีเช่นนี้กับเขา แล้วยังตะโกนใส่เขา นั่นทำให้เขาโกรธมาก 

 

 

“แกพูดอะไรนะ เรื่องนี้ฉันทำแล้วจะทำไม หรือว่าแกจะช่วยคนนอกด้วย แกต้องจำไว้ว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าให้คนแปลกหน้าคนหนึ่งมาทำร้ายความรู้สึกระหว่างพวกเรา รู้ตัวไหมตอนนี้แกกำลังทำอะไร ยังจะบอกให้ฉันหยุดมืออีก ฉันหวังว่าแกจะเข้าใจการกระทำของฉันให้เร็วกว่านี้” เฉิงหมิงอับอายกลายเป็นความโกรธ ตวาดเข้าใส่เฉิงเฉิง 

 

 

“พ่อ มีมากมายหลายเรื่องที่ผมเคารพนับถือพ่อ แต่เรื่องนี้ ผมไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไรผมต้องปกป้องหลินหว่าน ถึงแม้ว่าจะแลกด้วยผลประโยชน์ของผมก็ตาม ผมจะไม่ปฏิเสธเลย ผมจะไม่ยอมให้พ่อทำผิดต่อไปอีกแล้ว พ่อไม่คิดหรือไงว่าทำเรื่องพวกนี้แล้วผมจะรู้สึกผิดไปด้วย” 

 

 

เฉิงหมิงหน้าแดงหูแดง กัดฟันเสียงดังกรอดๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉิงเฉิงจะพูดกับเขาด้วยคำพูดแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรี และทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินหว่านทำให้เขากับเฉิงเฉิงทะเลาะกัน เขายิ่งรู้สึกเกลียดชังหลินหว่านมากขึ้นไปอีก 

 

 

“หลินหว่าน นังนั่นเป็นตัวอะไร ถึงสามารถทำให้แกมาตะโกนร่ำร้องเอากับฉัน งั้นแกก็ใช้ความสามารถของแกปกป้องมันช่วยมันสิ ฉันจะดูซิว่าแกออกจากบ้านนี้แล้วยังจะทำอะไรได้ ฉันมันไม่ดี ฉันทำอะไรย่อมจะรู้ตัวดีทุกอย่าง” เฉิงหมิงชี้นิ้วตะโกนใส่หน้าเฉิงเฉิง 

 

 

เฉิงเฉิงไม่อยากพูดอธิบายอะไรกับพ่อของเขาอีก เขาหมุนตัวดึงประตูเปิดแล้วออกไปจากออฟฟิศ 

 

 

หลายวันมานี้การงานของหลินหว่านดูเหมือนจะค่อยๆ เริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เช้าวันนี้เธอมาที่บริษัทเพื่อเตรียมตัวไปถ่ายภาพ แต่งานที่ติดต่อเข้ามาก็ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก 

 

 

“หลินหว่าน วันนี้มาทำงานแต่เช้าเลย ขยันจังนะ ฉันเป็นผู้จัดการของเธอยังรู้เลยว่าเธอมันนี่บ้างานชะมัด” อวิ๋นซีเห็นหลินหว่านมาบริษัทก็พูดหยอกเย้าเธอ 

 

 

เนื่องจากหลินหว่านค่อยๆ มีงานป้อนเข้ามา จึงดูสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาก เธอยิ้มพลางตอบรับอวิ๋นซี 

 

 

“เธอกับเฉิงหมิงทำความเข้าใจกันแล้วเหรอ ทำไมจู่ๆ ก็มีงานเข้ามามากนัก ฝีมือเธอนี่เหนือความคาดหมายฉันจริงๆ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเธอเจ๋งมากเลย” อวิ๋นซีมองหลินหว่านด้วยสายตาชื่นชม 

 

 

“ไม่มีอะไรนี่ แม้แต่หน้าของเฉิงหมิงฉันยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเซียวจิ่งสือ วันนั้นพอเขารู้เรื่องนี้เข้า เขาไม่อยากให้ฉันเสียใจจึงออกไปวิ่งเต้นหางานมาให้ฉัน นอกจากนี้เขายังแนะนำผู้อำนวยการสร้างให้ฉันรู้จักอีกตั้งหลายคนด้วย ความพยายามของเขาเหล่านี้ล้วนไม่เสียเปล่า ค่อยๆ มีคนจำนวนมากเข้ามาติดต่อฉันแล้ว ดังนั้นก็เลยมีสภาพเป็นอย่างตอนนี้ไง” หลินหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม 

 

 

หลินหว่านนึกถึงเซียวจิ่งสือแล้วก็อบอุ่นใจขึ้นมา เขามักจะเสนอตัวเข้ามาช่วยยามหลินหว่านประสบความยุ่งยากอยู่เสมอ แล้วช่วยให้เธอผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ และคราวนี้เซียวจิ่งสือพยายามวิ่งเต้นหางานให้กับเธอ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปได้ ซึ่งนี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ และธรรมดามากที่เขาทำให้กับเธอ นับแต่หลินหว่านได้พบกับเซียวจิ่งสือ เธอก็มักจะได้รับคำปลอบโยนและความช่วยเหลือจากเขายามเสียใจอยู่เสมอ