อิจฉา
ระยะนี้เรื่องของหลินหว่านกำลังได้รับความสนใจอยู่บนอินเทอร์เน็ต ขณะที่อันซิงอยู่ในกองถ่ายละครตลอด
ในกองถ่ายที่มีบรรยากาศแบบโบราณนี้ อันซิงสวมชุดแสดงหนาหนักเพื่อรอเวลาเข้ากล้อง ตอนนี้ย่างเข้าฤดูร้อนแล้ว อากาศร้อนจนผู้คนเหงื่อไหลไคลย้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันซิงที่ยังสวมชุดแสดงที่หนาขนาดนั้น เธอรอจนหงุดหงิดแทบทนไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้น คนในกองถ่ายได้ยินเสียง “ตุ๊บ” เหมือนสิ่งของชนเข้ากับร่างคน จากนั้นเป็นเสียงร้องอุทานแหลมสูงของอันซิง “ว๊าย” แล้วตามด้วยเสียงตะโกนด่าลั่น “แกทำอะไรน่ะ ไม่มีตาดูหรือไง”
ที่แท้มีคนจากทีมงานทำฉากคนหนึ่งหอบข้าวของกองใหญ่เดินผ่านมาอย่างรีบร้อน จึงไม่ทันระวังชนเข้ากับอันซิง คนงานนั้นถูกเสียงกรีดร้องของเธอทำให้ตกใจจนอุปกรณ์ในมือร่วงกระจายลงพื้น คนงานนั้นไม่ทันเก็บข้าวของบนพื้น เธอตกใจมาก รีบหันมาขอโทษกับอันซิงอย่างหวาดหวั่น “ขอโทษค่ะ พี่อันซิงคะ ฉันผิดเองค่ะ…ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ…”
ในกองถ่ายใครบ้างไม่รู้ว่าอันซิงมีคนหนุนหลัง เธอมักจะเอาแต่ใจตัว เหวี่ยงอย่างไม่ยอมลงให้ใคร ด้วยถือตัวว่ามีคนหนุนหลัง คนงานในกองถ่ายหลายคนต่างไม่กล้าทำให้เธอไม่พอใจ
คนงานนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น เอ่ยขอโทษอันซิงไม่หยุด มีเรื่องกับอันซิง ไม่ได้เจอดีแน่ อย่างน้อยก็ถูกด่ายกหนึ่ง แย่สุดก็…อาจถึงตกงานก็เป็นได้…
“แกทำอะไรเนี่ย ไม่คิดจะทำงานแล้วใช่ไหม” แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อันซิงยังด่ากราดคนงานนั้นอย่างโมโห พอเห็นสภาพรอบข้างเธอที่มีชิ้นส่วนประกอบฉากกระจายระเกะระกะกับสายตาผู้คนที่พากันมองมา ทำให้ความโกรธของเธอยิ่งเดือดพล่าน
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องถ่ายละครย้อนยุคฟอร์มใหญ่นี่ ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องทนอยู่กับสภาพรอบข้างแบบนี้ ตั้งแต่มีข่าวฉาวของเธอกับเฉิงเฉิง เธอก็ถูกบริษัทแช่แข็ง ไม่แค่แฟนคลับลดน้อยลงไปเป็นกอง ชื่อเสียงก็ร่วงลงไปไม่น้อย
ตอนนี้ทางบริษัทให้เธอแสดงละครย้อนยุคเพื่อจะได้เพิ่มแฟนละคร แต่อันซิงกลับไม่ชอบสภาพแวดล้อมของที่นี่เอาซะเลย เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จึงสาดความโกรธเข้าใส่คนงานที่กำลังก้มศีรษะขอโทษอยู่คนนั้น “พอแล้ว! ไสหัวไปซะ! ต่อไปไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”
คนงานรีบเก็บอุปกรณ์ขึ้น แล้วหลบออกไปอย่างเงียบๆ อันซิงเห็นเช่นนั้นก็ระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง
ตอนนั้นเอง ผู้ช่วยถือชานมเย็นมาช่วยคลายร้อนให้อันซิงถ้วยหนึ่ง อันซิงเอนตัวลงบนเก้าอี้ยาว ดื่มชานมเย็นไปพลางเล่นมือถือไปพลาง คนในกองถ่ายไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน เกะกะกีดขวางสายตาเธอ
อันซิงเปิดดูเวยปั๋ว อยากจะดูว่าช่วงนี้เธอมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพียงแต่…พอเปิดเวยปั๋วขึ้นมา อันซิงก็เห็นข่าวหลินหว่านจะไปร่วมงานเทศกาลหนังอยู่บนแท่นข่าวฮอต
พูดถึงหลินหว่าน อันซิงก็ของขึ้นอีก ระยะนี้ด้วยความช่วยเหลือของเซียวจิ่งสือ หลินหว่านได้เป็นข่าวเรื่อยๆ ดึงดูดแฟนคลับได้กลุ่มใหญ่ อย่างว่ากระแสคนกำลังมาแรง อันซิงได้แต่นึกริษยาอยู่ในใจแต่ไม่อาจทำอะไรได้
แต่ว่าอันซิงไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้หลินหว่าน เธอคว้าชานมเย็นที่ด้านข้างมาดื่มคำหนึ่ง จุดประกายความคิดวาบขึ้น แผนหนึ่งผุดขึ้นในหัวทันที
ตอนเย็น อันซิงถ่ายละครเสร็จกลับเข้าห้องพักในโรงแรม คิดถึงแผนจัดการหลินหว่านเมื่อตอนเช้า ใบหน้ายิ้มหมายมาดอย่างมุ่งร้าย
คราวนี้เธอจะต้องทำให้หลินหว่านไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมาได้อีก
อันซิงหยิบมือถือขึ้นมา โทรหาเบอร์หนึ่ง พอปลายสายมีคนรับ อันซิงก็รีบพูดขึ้นว่า “สวัสดีค่ะ บริษัทแพลนบี คอมมูนิเคชั่นใช่ไหมคะ…”
หลังจากวางสาย อันซิงก็ติดต่อบริษัทที่ให้บริการจัดการสื่อบนสังคมออนไลน์อีกหลายบริษัท เธอพูดเหมือนกับบริษัทแรกทุกอย่าง
เมื่อแผนการวางไว้แล้ว หลังวางสาย อันซิงก็เหมือนจะเห็นภาพที่หลินหว่านถูกถล่มยับจนไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นมาอีก เธอรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจมาก
วันต่อมา หลินหว่านจะไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก งานเทศกาลภาพยนตร์นี้แม้จะจัดในประเทศ แต่ก็มีอิทธิพลในวงการต่างประเทศอย่างมาก ภายในงานจะมีผู้กำกับและนักแสดงจากต่างประเทศไม่น้อยมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย
ด้วยหนังที่หลินหว่านเคยแสดงก่อนหน้านี้ทำให้เธอได้รับเชิญให้ร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ เธอดีใจมากและไม่กล้าเมินแม้แต่น้อย
แฟนคลับของหลินหว่านพอรู้ว่าเธอได้รับเชิญให้มาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแบบนี้ต่างก็พากันตั้งตาคอยดูการปรากฏตัวของเธอ และพากันออกมาเชียร์และให้กำลังใจเธอ
ตอนบ่าย ในพิธีเปิดงานเทศกาล หลินหว่านปรากฏตัวอย่างงดงามต่อหน้าสาธารณชนด้วยชุดเดรสยาวหางปลาแบบเปิดหลัง กระโปรงยาวชุดนี้เน้นสัดส่วนโค้งเว้าบนร่างเธอ ดีไซน์หางปลากับส่วนที่เปิดหลังทำให้หลินหว่านโดดเด่นด้วยเสน่ห์เย้ายวน ทำให้เธอดูสูงสง่างดงาม
พอหลินหว่านปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาทุกคนไว้ กลายเป็นจุดรวมความสนใจ เหล่าตากล้องในงานพากันหันกล้องมาทางหลินหว่าน เมื่อภาพถ่ายของเธอถูกส่งขึ้นเวยปั๋ว ก็กลายเป็นจุดกระแสความร้อนแรงขึ้น ดึงดูดแฟนคลับให้กับหลินหว่านได้อีกระลอก
หลังงานพิธีเปิด ถึงกับมีชาวต่างชาติอีกไม่น้อยที่เข้ามาพูดคุยกะลิ้มกะเหลี่ยกับหลินหว่าน หลินหว่านยิ้มและตอบรับกับพวกเขาคนแล้วคนเล่า ขณะที่ในใจกลับนึกว่าไม่น่าเลย วันนี้ตอนแต่งตัวลิลลี่เลือกกระโปรงชุดนี้ให้เธอ พอเธอลองสวมดู รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมที่จะใส่มาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ แต่อวิ๋นซีกลับเห็นว่าเหมาะกับหลินหว่าน จึงให้หลินหว่านสวมชุดกระโปรงชุดนี้มาร่วมงานให้ได้
รู้อย่างนี้ไม่น่าเชื่อพวกเขาสองคนเลย หลินหว่านฝั่งหนึ่งรับมือกับคนที่เข้ามาตีสนิท ฝั่งหนึ่งก็คิดในใจ เธอกำลังจะแอบไปเปลี่ยนชุดอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงของชาวต่างชาติดังขึ้นมาที่ข้างกายเธอ “หนีเฮ่า…”
หลินหว่านได้ยินเสียงแล้วหันกลับไปมอง ปรากฏว่าตกใจแทบจะอ้าปากค้าง “ม…แมทธิว…”
แมทธิวเป็นผู้กำกับใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ หนังที่เขากำกับมีผู้ชมอยู่ทั่วโลกมากมายจนนับไม่ถ้วน เขาไม่เพียงได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ แต่ในประเทศก็ยังมีแฟนที่ติดตามผลงานเขากลุ่มใหญ่
แมทธิวก็ได้รับเชิญให้มาร่วมในงานเทศกาลหนังครั้งนี้ด้วย บรรดาผู้ชมในประเทศจีนต่างรอคอยการมาถึงของเขา พอเห็นว่าแมทธิวมาพูดกับเธอ หลินหว่านก็เข้าไปทักทายเขาด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจด้วยว่าแมทธิวก็เป็นผู้กำกับชาวต่างประเทศที่เธอชอบมากที่สุดคนหนึ่ง
หลินหว่านเข้าใจว่าแมทธิวแค่ผ่านมาโดยบังเอิญและทักทายกับเธอ แต่หลังจากได้พูดคุยกันแล้ว หลินหว่านพบว่าแมทธิวเคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
หลินหว่านกับแมทธิวพูดคุยกันได้เป็นอย่างดี ส่วนแมทธิวนั้นหลังจากได้พูดคุยกับหลินหว่าน เขาก็พบว่าการอุปนิสัยหน้าตา ท่าทางการพูดคุยของหลินหว่าน ล้วนถูกใจเขาไปหมด พอคิดดูแล้ว แมทธิวก็เชิญชวนอย่างกระตือรือร้นให้หลินหว่านไปร่วมทดสอบหน้ากล้องหนังเรื่องใหม่ของเขา อีกทั้งมีท่าทียินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลินหว่านจะได้แสดงบทบาทหนึ่งในตัวละครนั้น
หลินหว่านฟังแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง แมทธิวชวนให้เธอไปทดสอบหน้ากล้องหนังใหม่ของเขา
งั้น…นี่ช่างเป็นวันที่น่าปลื้มปลิ่มเสียจริง!
วันนี้ พอหลินหว่านกลับไป เธอก็รีบแบ่งปันข่าวดีนี้ให้อวิ๋นซี ลิลลี่และเซียวจิ่งสือได้ร่วมยินดีกับเธอด้วย