ถูกขัดขวาง
เซียวจิ่งสือ อวิ๋นซีและลิลลี่พอได้ฟังว่าแมทธิวเชิญชวนหลินหว่านให้ไปทดสอบหน้ากล้องหนังเรื่องใหม่ของเขา ทั้งสามล้วนดีใจไปกับเธออย่างยิ่ง โดยเฉพาะเซียวจิ่งสือ เขาชมเธอตั้งแต่ฟ้าจรดดินไม่มีว่างเว้น พูดว่า “หว่านหว่าน ผมเชื่อว่าคุณนี่ล่ะ จะเป็นราชินีจอเงินระดับโลกคนต่อไป!”
“เซียวจิ่งสือ คุณอย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลย แมทธิวแค่ให้ฉันไปร่วมทดสอบหน้ากล้องด้วยเท่านั้น…” หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือที่มีอาการตื่นเต้นดีใจเกินหน้าเธอ จึงพูดขึ้นอย่างอ่อนใจ
“หว่านหว่าน ผมเชื่อว่าจะต้องมีวันนั้นแน่! คุณก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วย!” เซียวจิ่งสือฟังแล้วพูดกับเธอพร้อมกับกระพริบดวงตาพราวระยับคู่นั้น
หลินหว่านเห็นแล้ว จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจ ความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่ได้เป็นที่คาดหวังของใครสักคน ถูกใครบางคนเชื่อมั่น
แต่ว่า…หลายวันผ่านไป คำเชิญของแมทธิวที่ให้หลินหว่านไปทดสอบหน้ากล้องหนังใหม่ของเขากลับเงียบหายไป ไม่เพียงแต่หลินหว่านที่ไม่ได้รับข่าวอะไรจากทางแมทธิวเลย ทางบริษัทติดต่อกับคนของแมทธิว แต่ทางนั้นก็ไม่ตอบกลับมาเลย
หรือว่าตอนนั้นแมทธิวแค่พูดเล่นกับเธอไปอย่างนั้นเอง หลินหว่านไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ แต่เธอแค่ไม่อยากเชื่อ ตอนนั้นท่าทีของแมทธิวดูจริงใจ ไม่เหมือนจะมาหลอกเธอ
หลายวันผ่านไป เรื่องนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ในที่สุดหลินหว่านก็ยอมรับว่ามันเป็นแค่ความดีใจเพียงชั่ววูบ หรือบางทีคำพูดของเธอประโยคที่ว่า ‘ดีใจเร็วเกินไป’ นั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาล่ะมั้ง
ตึกเซวี่ยนจื่อของตระกูลตู้ ภายในห้องผู้บริหารที่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับบุคคลภายนอก อันจี๋ถิงหลังจากได้ฟังข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของหลินหว่านที่เธอให้ผู้ช่วยไปสืบมาแล้ว รู้สึกตื่นตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อหลายวันก่อน อันจี๋ถิงอยากจะเปิดตัวกับหลินหว่าน แม้จะถูกห้ามไว้ แต่เธอยังเป็นห่วงหลินหว่านอยู่ดี จึงส่งคนไปสืบข่าวเกี่ยวกับหลินหว่านมาทั้งหมด
แม้จะไม่อาจเปิดตัวกับหลินหว่าน แต่ยังได้รับรู้ความเป็นอยู่ในระยะนี้ของเธอว่าดีหรือไม่ ได้แอบปกป้องเธอ แค่นี้อันจี๋ถิงก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
แต่วันนี้ข่าวเกี่ยวกับหลินหว่านที่สืบมาได้กลับทำให้อันจี๋ถิงตกใจมาก เธอพูดอย่างคาดไม่ถึงว่า “เธอบอกว่า ระยะนี้หลินหว่านถูกคนแอบกลั่นแกล้ง แล้วยังเป็นเฉิงหมิงสั่งให้คนไปทำอีกด้วย”
ผู้ช่วยผงกศีรษะแล้วพูดอีกว่า “ใช่ค่ะ ฉันยังสืบทราบว่า เมื่อเร็วๆ นี้แมทธิวผู้กำกับชื่อดังในต่างประเทศอยากจะร่วมงานกับหลินหว่าน แต่ถูกเฉิงหมิงแอบขัดขวางไว้”
อันจี๋ถิงได้ฟังแล้วรู้สึกทั้งโกรธและเสียใจ “ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย หลินหว่านเป็นลูกสาวเขาแท้ๆ นะ ทำไมเขาต้องลงมือทำร้ายหลินหว่านด้วย”
“หรือว่าเพราะหลินหว่าน…” จากนั้น อันจี๋ถิงก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง หรือว่าเฉิงหมิงเข้าใจผิดเรื่องชาติกำเนิดของหลินหว่าน โยนความเกลียดชังที่มีต่อเธอไปลงที่หลินหว่าน
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ อันจี๋ถิงนึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว เธอดิ้นรนลุกขึ้นจากเก้าอี้รถเข็นจนได้ พยายามจะเดินออกไป พูดว่า “ไม่ได้ ฉันต้องไปพบเฉิงหมิง ฉันจะบอกเขาว่าหลินหว่านเป็นลูกแท้ๆ ของเขา ฉันจะไปบอกความจริงทั้งหมดในตอนนั้นให้เขาฟัง!”
ผู้ช่วยของอันจี๋ถิงเห็นเช่นนั้นก็รีบห้ามเธอไว้ พูดว่า “ไม่ได้นะคะ! คุณออกไปไม่ได้นะคะ!”
อันจี๋ถิงผลักผู้ช่วยที่มาห้ามเธอออกไป พูดว่า “ไม่…ปล่อยนะ เพื่อหว่านหว่าน ฉันต้องไปบอกเฉิงหมิงเรื่องชาติกำเนิดของเธอ”
ตอนนั้นเอง ประตูห้องถูกผลักเปิดออก ตู้เซวี่ยนเดินเข้ามา พอเห็นสภาพเช่นนี้ เขาก็มีท่าทางตึงเครียดเป็นกังวลขึ้นมา ตู้เซวี่ยนรีบถามอันจี๋ถิงอย่างร้อนรน “จี๋ถิง คุณเป็นอะไรไป?”
“ตู้เซวี่ยน ฉันจะไปหาเฉิงหมิง! ฉันจะบอกเขาว่าหลินหว่านเป็นลูกสาวเขา…” อันจี๋ถิงพูดอย่างร้อนใจ
ตู้เซวี่ยนไม่เข้าใจอาการเช่นนี้ของอันจี๋ถิง จึงได้แต่พูดปลอบว่า “จี๋ถิง คุณสงบใจก่อน เล่าให้ผมฟังก่อนสิว่าเกิดอะไรขึ้นได้ไหม”
หลังจากอันจี๋ถิงกับผู้ช่วยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ตู้เซวี่ยนฟังแล้ว ตู้เซวี่ยนถอนใจออกมาแล้วพูดกับอันจี๋ถิงว่า “จี๋ถิง ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงหลินหว่าน แต่ว่าคุณในสภาพอย่างตอนนี้ไปสารภาพเรื่องในตอนนั้นกับเฉิงหมิง คุณว่าเขาจะเชื่อไหม”
“เขา…เฉิงหมิงเขา…” อันจี๋ถิงฟังแล้ว นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ใช่สิเธอไม่ได้คิดมาก่อนเลย
ตู้เซวี่ยนพูดกับอันจี๋ถิงอีกว่า “จี๋ถิง พวกเราตกลงกันไว้แต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องชาติกำเนิดของหลินหว่าน พวกเราจะรอจังหวะโอกาสที่ดี เดินตามแผนไปทีละก้าวอย่างช้าๆ ใช่หรือเปล่า”
“แต่ว่า…ฉันเป็นห่วงหลินหว่านจริงๆ นะ” อันจี๋ถิงได้ฟังก็สงบจิตใจลงได้ แต่ยังพูดอย่างกังวล
“เรื่องของหลินหว่านคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ยังมีผมอยู่ทั้งคนไม่ใช่เหรอ จี๋ถิง คุณต้องเชื่อผม ผมจะให้คนของบริษัทไปสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดเอง ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมจะแอบช่วยเธอเอง” พอเห็นว่าอันจี๋ถิงอารมณ์ดีขึ้น ตู้เซวี่ยนก็พูดปลอบใจเธอ
“งั้นก็ได้…ขอบคุณนะคะ ตู้เซวี่ยน” สุดท้าย อันจี๋ถิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเฉิงหมิง
ตู้เซวี่ยนเห็นแล้วก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก พูดว่า “จี๋ถิง คุณกับผมยังจะพูดขอบคุณอะไรกันอีก”
เนื่องจากผู้กำกับแมทธิวไม่ติดต่อกลับมา หลินหว่านรู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนหลอกเล่น หลายวันมานี้เธอจึงซึมเศร้าเหงาหงอยทั้งวัน วันนี้เซียวจิ่งสือเห็นว่าหลินหว่านอารมณ์ไม่ดี จึงปลีกเวลามาพาเธอไปเที่ยวทั้งวัน
ตกเย็น หลังจากเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านออกมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง เซียวจิ่งสือเห็นสีหน้าหลินหว่านดูสบายใจขึ้น จึงคิดว่าเธอคงอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว
เซียวจิ่งสือเห็นว่าค่ำมืดแล้วจึงส่งหลินหว่านกลับบ้าน พอหลินหว่านลงจากรถ เซียวจิ่งสือก็รั้งตัวหลินหว่านเอาไว้ ใช้ดวงตาพราวระยับทั้งคู่สะกดใจหลินหว่าน แล้วถามเสียงออดอ้อนว่า “หว่านหว่าน วันนี้คุณมีความสุขไหม”
หลินหว่านผงกศีรษะ เซียวจิ่งสือเห็นเช่นนั้นก็พูดต่อว่า “หว่านหว่าน เรื่องผ่านไปแล้วก็อย่าไปคิดถึงมันอีกเลยนะ หวังว่าความสุขที่วันนี้ผมนำมาจะเติมเต็มหัวใจคุณ ผมแค่อยากเห็นหลินหว่านที่มีความสุข”
หลินหว่านรู้ความตั้งใจของเซียวจิ่งสือที่วันนี้พาเธอออกไปแต่แรก เธอพูดกับเซียวจิ่งสือว่า “ขอบคุณนะคะ เซียวจิ่งสือ”
เซียวจิ่งสือปล่อยตัวหลินหว่าน แล้วพูดกับเธออีกว่า “ดึกแล้ว หว่านหว่าน ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านพูดพร้อมกับสบตาเซียวจิ่งสือผ่านหน้าต่างรถ
หลินหว่านมองตามเซียวจิ่งสือจนลับหายไปแล้วกลับเข้าบ้าน ตอนนั้นเอง เธอได้เห็นว่าที่หน้าประตูบ้านมีห่อพัสดุชิ้นหนึ่งวางอยู่ หลินหว่านเก็บขึ้นมาอย่างแปลกใจ พอเห็นตัวอักษรบนห่อเธอก็สะดุ้งตกใจ
บนห่อพัสดุเขียนว่า “อันจี๋ถิงมอบให้กับหลินหว่าน” หลินหว่านข่มความรู้สึกประหลาดใจไว้ เธอถือห่อพัสดุเข้ามาในบ้าน
พอกลับเข้าบ้าน หลินหว่านก็รีบเปิดห่อพัสดุออกทันที ห่อพัสดุนี้เป็นของที่แม่เธอส่งให้เธอจริงๆ เหรอ ข้างในเป็นอะไรกันแน่
พอเปิดห่อออก ข้างในเป็นเอกสารข้อมูลหนาๆ ปึกหนึ่ง หลินหว่านอ่านดูโดยละเอียดแล้ว รู้สึกตื้นตันและประหลาดใจอย่างล้นเหลือ
เอกสารพวกนี้เป็นทรัพย์สินของแม่เธอตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าตอนนี้ได้โอนมาเป็นชื่อเธอด้วยวิธีการที่เรียกว่า ‘ส่งมอบให้’