ฉินหลัวจ้องหน้าถังซีเขม็งด้วยความตกใจ “แกพูดอะไรของแก”
ถังซียิ้มเยือกเย็น มองอย่างเฉยเมย “ทำไม! แปลกใจอะไร”
“แกเอาฉันมาขังไว้ที่คุกเมืองอื่นเหรอ” ฉินหลัวหลิ่วตามองถังซี “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งยายแกทั้งแม่แกโง่เง่ามาก แต่แกกลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย”
“ฉันเรียนรู้วิธีการแบบนี้จากพวกแกไง” ถังซีกอดอก มองหน้าฉินหลัวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ถ้าแกไม่ชั่วร้ายขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการจัดการกับเรื่องของแก แกบอกว่าแกจะคอยดูใช่ไหม แต่ฉันคิดว่าคงไม่เป็นแบบนั้นหรอก ฉันว่าคงเป็นฉันที่นั่งสบายๆ บนโซฟา เฝ้าดูพวกแกทนทุกข์ทรมาน”
“อย่าให้แกตกอยู่ในเงื้อมมือฉันบ้างก็แล้วกัน นังหมาบ้า!” ฉินหลัวจ้องหน้าถังซีเขม็ง
ถังซีมองนางด้วยท่าทางสบายใจและยิ้มออกมา “ไม่ต้องห่วง ไม่มีโอกาสที่ฉันจะตกอยู่ในเงื้อมมือแกหรอก เพราะแกจะไม่มีโอกาสเดินออกไปจากที่นี่ได้ตลอดชีวิต แม้แต่ประธานฉินก็ช่วยแกไม่ได้ เหมือนอย่างที่คุณตาฉันบอก เราต้องไม่ปล่อยให้สัตว์รบกวนอย่างพวกแกออกไปทำร้ายสังคม”
คำพูดของคนอื่นจะไม่ทำร้ายฉินหลัวเพราะนางไม่สนใจ แต่ถังซีมั่นใจว่าฉินหลัวสนใจความคิดเห็นของคุณปู่ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ได้ก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะคุณปู่หรอก เธอแค่อยากเห็นฉินหลัวอกแตกตาย
เป็นไปตามที่เธอคาดคิด เมื่อได้ยินคำพูดของเธอฉินหลัวก็หน้าซีดเผือด นางจ้องมองถังซี ดวงตาเบิกโพลง กำมือแน่น “แกหมายความว่าเป็นความคิดของถังเจิ้นหวาเหรอ ที่ให้ขังฉันไว้ที่นี่”
ถังซีมองหน้าฉินหลัวด้วยรอยยิ้ม แล้วพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ แกก็รู้ว่าตระกูลเซียวของเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนี้หรอก”
ฉินหลัวไม่รู้ว่าเซียวเหยาทำงานอะไร ในความคิดนางนั้นแม้เซียวกรุปจะร่ำรวย แต่ก็ไม่มีศักยภาพทางการเมืองใดๆ ดังนั้นนางจึงเชื่อสิ่งที่ถังซีพูด
“เป็นไปไม่ได้…” ถึงเขาจะไม่ได้รักนาง แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดนางมากถึงขนาดจะผลักไสนางไปสู่ความตายแบบนี้
ถังซีหัวเราะเยาะ “ฉินหลัว คุณตาฉันบอกว่า ท่านไม่เคยรักแก หรือเกลียดแก เพราะแกไม่มีค่าคู่ควรที่จะอยู่ในสายตาท่านเลย ถึงแม้แกจะทำสิ่งเลวร้ายมากมายไว้กับท่าน แต่แกก็เป็นได้แค่สัตว์รบกวนในสายตาท่าน”
“หุบปาก!” ฉินหลัวตะโกนอย่างดุร้าย
ถังซียิ้มเยาะ หันหลังเตรียมจากไป เธอพอใจแล้ว เพราะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดในวันนี้จะทำให้ฉินหลัวเจ็บปวดรวดร้าว
อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าเธอจะต้องบอกกับคุณปู่ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าคู่ควรเลย ที่ท่านจะเกลียดชังเดนมนุษย์เช่นนี้
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ถังเจิ้นหวาออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียว พร้อมกับถังหย่าและเซียวหงอี้ ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเซียวพวกเขาพบหลินรั่วจื้อเดินวนไปเวียนมาอยู่แถวนั้น เมื่อถังเจิ้นหวาเห็นหลินรั่วจื้อ ท่านก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ท่านส่งเสียงคำรามอย่างเยือกเย็น และด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้พบถังเจิ้นหวาที่นี่ หลินรั่วจื้อตัวแข็งทื่อไปเลยทีเดียว
ถังหย่าขมวดคิ้วเมื่อเห็นหลินรั่วจื้อ ขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกไปถังเจิ้นหวาก็ห้ามเธอไว้ และกล่าวอย่างเย็นชา “เสี่ยวหย่า อย่าเสวนากับคนแบบนี้”
ดวงตาหลินรั่วจื้อมีประกายผิดหวังเมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของถังเจิ้นหวา เขารีบเข้ามาคุกเข่า เงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นหวาและวิงวอนขอร้อง “นายท่าน ผมขอโทษที่ทำผิดต่อท่าน แต่ได้โปรดไว้ชีวิตฉินหลัวด้วย เห็นแก่เวลาตลอดหลายปีที่ผมคอยรับใช้ท่านด้วยเถอะ”
ใบหน้าถังเจิ้นหวาเข้มขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ท่านมองหน้าหลินรั่วจื้ออย่างเยือกเย็น และตะคอก “ถ้าอย่างนั้นทำไมแกถึงไม่ไว้ชีวิตซูหวา เพราะเห็นแก่ความเมตตาที่เธอมีต่อแกบ้างล่ะ! แกยังจะมีหน้ามาขอความเมตตาอีกเหรอ! ถ้าอายุความของคดียังไม่สิ้นสุด ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้แกได้รับโทษประหารชีวิต!”
หลินรั่วจื้อโอดครวญ “นายท่าน… ฉินหลัวแก่แล้ว เหมือนกับเราทุกคน ปล่อยให้อดีตเป็นอดีตไปเถอะนะครับ ได้โปรดปล่อยเธอไปเถอะ!”
“แล้วทำไมฉินหลัวถึงไม่ไว้ชีวิตเสี่ยวหย่าบ้างล่ะ ตอนที่ผลักเธอตกบันได” ถังเจิ้นหวาพยายามระงับความเดือดดาลภายในใจ “ฉันไม่มีวันให้อภัยผู้หญิงคนนั้น!”
จากนั้นท่านก็เดินไปที่รถ
ทันใดนั้นหลินรั่วจื้อก็เข้าไปกอดขาถังเจิ้นหวา และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “นายท่านได้โปรดเถอะ ให้ผมแลกชีวิตผมกับเธอก็ได้ ผมจะมอบชีวิตผมให้ท่าน! ท่านจะพอใจไหม! ผมจะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการขอโทษนายหญิง! ผมยอมตาย! ปล่อยฉินหลัวไปเถอะ!”
ถังเจิ้นหวาก้มลงมองหลินรั่วจื้อที่กอดต้นขาท่านไว้แน่น และกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้น แกก็ไปตายเสียไป”
เมื่อจบคำพูดท่านก็มองหน้าถังจง ซึ่งเดินเข้ามาลากหลินรั่วจื้อออกไปทันที แต่ราวกับเขาถือว่าเป็นคำสัญญาจากถังเจิ้นหวา หลินรั่วจื้อพรวดพราดลุกขึ้น วิ่งไปที่กำแพงด้านข้าง เมื่อเห็นเช่นนั้นถังเจิ้นหวาก็ตะโกน “จับมันไว้!”
อย่างไรก็ตามก่อนที่ถังจงจะห้ามได้ทัน หลินรั่วจื้อก็กระแทกศีรษะตัวเองเข้ากับกำแพงอย่างแรง และทรุดตัวลงกับพื้น ถังหย่ากระโดดลงจากรถ มองดูหลินรั่วจื้อที่นอนจมกองเลือดอย่างไม่เชื่อสายตา ถังเจิ้นหวาจับแขนเธอไว้แล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง มันไม่ตายหรอก”
“แต่ว่า…” ถังหย่ามองถังเจิ้นหวาด้วยสายตาเศร้าเสียใจ เซียวหงอี้จึงกล่าวว่า “ผมเรียกรถพยาบาลแล้ว”
ถังหย่าผ่อนลมหายใจ กล่าวอย่างหมดหนทาง “ฉินหลัวเป็นคนดีเหรอคะ”
ถังเจิ้นหวาถอนหายใจ มองหน้าถังหย่า “ไม่เกี่ยวกับว่าฉินหลัวดีหรือไม่ดี เพียงแค่ว่าฉินหลัวเป็นผู้หญิงที่เขารัก และแม่ของลูกก็เป็นผู้หญิงที่่พ่อรักเช่นกัน แม้แต่การคัดค้านของครอบครัวเราก็ไม่อาจแยกเราจากกันได้ แต่เราต้องแยกจากกันตลอดกาลเพราะฉินหลัวกับเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของบิดา ถังหย่าผู้มีหัวใจอ่อนไหวก็กำมือแน่น จากนั้นเธอหันไปมองถังเจิ้นหวา เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “คุณพ่อคะ เมื่อกลับไปถึงบ้าน ช่วยพาหนูไปที่สุสานของคุณแม่ด้วยนะคะ หนูอยากไปพบท่าน”
“ได้สิ” ถังเจิ้นหวาถอนหายใจ ถึงตอนนี้หยางจิ้งเสียนและเซียวเจี้ยนสยงก็เดินออกมา เมื่อเห็นหลินรั่วจื้อนอนอยู่บนพื้น ทั้งสองก็ส่ายศีรษะอย่างหมดปัญญา ถังเจิ้นหวามองเซียวเจี้ยนสยงด้วยสายตาแสดงความขอโทษ “คุณเซียว ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณเดือดร้อน ช่วยส่งผู้ชายคนนี้ไปโรงพยาบาลด้วย อย่าให้เขาตาย”
นี่ก็คือชีวิตหนึ่ง ท่านไม่ใจดำพอที่จะเฝ้าดูหลินรั่วจื้อตายไปตรงนี้ต่อหน้าต่อตาหรอก
เซียวเจี้ยนสยงพยักหน้า “ได้ครับ ปล่อยไว้เป็นธุระผม ไม่ต้องห่วง”
ถังเจิ้นหวาและคนอื่นๆ ไปขึ้นรถ เซียวเจี้ยนสยงมองดูหลินรั่วจื้อที่นอนจมกองเลือด แล้วถอนหายใจ กล่าวกับหยางจิ้งเสียนว่า “พ่อไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ”
หยางจิ้งเสียนเม้มริมฝีปาก เข้ามาพยุงเซียวเจี้ยนสยง “ทุกอย่างจะเรียบร้อยค่ะ”