ตอนที่ 565 ศัตรูหัวใจ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 565

ศัตรูหัวใจ

“แม่นางหนิง ข้านำเงินมาคืนท่านแล้วนะขอรับ”หลังจากไป๋หลินเฟยกลับออกมาจากวังหลวงของอาณาจักรอู๋ ไป๋หลินเฟยก็ตรงกลับมาที่ร้านขายซาลาเปาตรงทางเข้าเมืองฝั่งตะวันตกในเช้าวันต่อมาทันที

“ท่านมาจริงๆซะด้วย”หนิงเซียงเห็นหลินเฟยกลับมาก็ยิ้มออกมาน้อยๆ เพราะตอนแรกนางคิดว่าหลินเฟยจะไปแล้วไม่กลับมาอีกเสียด้วยซ้ำ เพราะถึงอย่างไรเงินที่มันติดนางเอาไว้ก็แค่ 2 เหรียญทองแดงเท่านั้นไม่ได้มากมายอะไรเสียด้วย

“เมื่อวานต้องขอบคุณแม่นางหนิงมาก ข้าเกือบจะอดตายแล้วเลยนะท่านรู้หรือเปล่า”หลินเฟยว่าพลางนำเงิน 2 เหรียญทองแดงมอบให้กับหนิงเซียง

“ท่านอย่ามาอำข้าเล่นเลย อย่างท่านนะหรือจะอดตายได้”หนิงเซียงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีรู้ทัน อีกฝ่ายแต่งกายดูดีเช่นนี้ต่อให้นางไม่ลดค่าซาลาเปาให้มันก็แค่เดินเข้าร้านอาหารหรูๆสักที่แล้วนำเครื่องประดับติดตัวไปแลกค่าอาหารก็ได้แล้ว

“แต่ถึงอย่างนั้นแม่นางก็ยังลดราคาให้ข้าไม่ใช่หรือ”หลินเฟยยิ้มพลางจ้องมองดวงตาของหนิงเซียงด้วยท่าทีอ่อนโยน

“ข้าชื่นชมแม่นางมากเลยนะที่แม่นางใจดีกับข้าเช่นนี้”ยิ่งจ้องตากับหลินเฟยหนิงเซียงก็ยิ่งหน้าแดงทำตัวไม่ถูก อีกฝ่ายบอกว่าชื่นชมนางออกมาต่อหน้าลูกค้าและครอบครัวของนางทำให้นางยิ่งเขินเข้าไปใหญ่

“ท่านคืนเงินแล้วก็ถือว่าชดเชยแล้วเถอะ อย่ามาหยอกข้าเล่นแบบนี้เลย”หนิงเซียงว่าพลางหลบสายตาหลินเฟยไปทางอื่น

“ก็ได้ ข้าไม่หยอกแม่นางแล้ว แต่ข้ามีเรื่องอยากจะขอให้แม่นางช่วยหน่อยได้หรือเปล่า”หลินเฟยยิ้มพลางลอบมองพ่อกับแม่ของหนิงเซียงที่อยู่ด้านหลัง พวกมันได้ยินที่หลินเฟยพูดทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้เข้ามาขวางหรือห้ามอะไร ไม่ทราบเพราะหนิงเซียงโดนจีบเช่นนี้บ่อยหรือเพราะหลินเฟยดูเข้าตาพวกท่านหรือเปล่า

“ให้ข้านะหรือช่วย ข้าเป็นเพียงลูกสาวร้านขายซาลาเปาเท่านั้นเกรงว่าจะช่วยงานอะไรท่านไม่ค่อยได้”หนิงเซียงส่ายหน้าช้าๆพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“ความจริงแล้วข้าพึ่งจะเคยมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยได้ไปเดินเที่ยวในเมืองมาก่อนเลย”หลินเฟยว่าพลางปั้นหน้าตาซื่อๆออกมาให้เหมือนท่านน้าของมันมากที่สุด แน่นอนว่ามันโกหกคำโตเลยทีเดียวเพราะมันเข้าออกเมืองหลวงเป็นว่าเล่นแถมยังทะลุเข้าวังหลวงที่คนอื่นๆเข้ามาได้อีกด้วย ยังจะกล้าบอกว่าพึ่งมาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกอีกช่างหน้าไม่อายเสียเหลือเกิน

“ท่านจะถามข้าเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวหรืออย่างไร ถ้าเรื่องนั้นข้าก็พอช่วยท่านได้บ้างนิดหน่อย”หนิงเซียงตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอก นึกว่าหลินเฟยจะขอให้นางช่วยอะไรยากๆเสียอีก

“น่าเสียดาย ข้าเป็นพวกหลงทิศง่ายเสียด้วย เกรงว่าแม่นางบอกทางข้าแล้วข้าก็คงจะไปไม่ถูก ข้าเลยอยากจะขอให้แม่นางพาข้าเที่ยวชมเมืองหลวงสักวันได้หรือไม่”หลินเฟยโม้เข้าให้อีกรอบพร้อมทำท่าทีขอร้องออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ได้หรอก ข้าต้องช่วยงานที่ร้านทั้งวัน คงพาท่านไปเที่ยวเล่นไม่ได้”หนิงเซียงว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ กว่านางจะปิดร้านก็เย็นๆค่ำๆแล้ว หากไปกับหลินเฟยหลังจากนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่

“หนิงเซียง วันนี้แม่ดูร้านเองได้ลูกพาคุณชายไปไหว้พระ ทานอาหารกลางวันสักหน่อยก็แล้วกัน”อยู่ๆแม่ของหนิงเซียงก็เดินเข้ามาแล้วบอกให้ลูกสาวไปเที่ยวกับหลินเฟยเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าหากเป็นคนอื่นแม่ของหนิงเซียงคงไม่ยอมให้ไปแน่ๆ แต่เพราะหลินเฟยนั้นรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแถมยังงดงามนอกจากนี้ยังมีท่าทีสุภาพและที่สำคัญเครื่องประดับบนตัวมันยังราคาแพงจนน้ำลายของคนเป็นแม่แทบจะไหลยืดออกมา มองผ่านๆก็รู้แล้วว่าหลินเฟยมีฐานะดีมาก เผลอๆจะเป็นลูกชายคนใหญ่คนโตเสียด้วยซ้ำ มีคนเช่นนี้แกล้งมาจีบบุตรสาวตนเองทำไมนางจะไม่สนับสนุนเล่า

“เอ๊ะ ท่านแม่…..”หนิงเซียงสะดุ้งโหยงเมื่อโดนแม่ของตัวเองจับถอดผ้ากันเปื้อนแล้วลากตนเองเข้าไปหลังร้านเสียอย่างนั้น แถมนางยังหาเครื่องประดับมาติดผมของหนิงเซียงอีกต่างหาก

“หนิงเซียง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆนะลูก จริงสิเจ้าพาคุณชายไปไหว้พระที่ทางเหนือก็แล้วกัน เผื่อดวงของเจ้ากับคุณชายจะสมพงษ์กัน”แม่ของหนิงเซียงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางพยายามเช็ดหน้าเช็ดตาบุตรสาวให้ดูดีที่สุดก่อนจะพานางออกมาที่หน้าร้าน

“คุณชาย ที่ทางเหนือมีวัดแห่งหนึ่งงดงามมาก ท่านให้หนิงเซียงพาท่านไปชมนะเจ้าคะ”แม่ของหนิงเซียงว่าพลางดันหนิงเซียงเข้าไปหาหลินเฟยเสียอย่างนั้น ทำเอาหนิงเสียงได้แต่ถอนหายใจและยอมรับปากหลินเฟยว่าจะพาหลินเฟยไปเที่ยวในเมืองตามที่มันขอจนได้

.

.

.

“คุณชายหลินเฟย ท่านไม่เคยมาเมืองหลวงแน่นะเจ้าคะ”หนิงเซียงถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีมีพิรุธ ไหนบอกว่าไม่เคยมาเมืองหลวงไง แต่หลินเฟยกลับไม่มีท่าทีตื่นเต้นอะไรเลยแม้แต่ตอนเดินผ่านย่านบันเทิงของเมืองหลวงก็ตาม

“ที่นี่ดูคล้ายอาณาจักรไป๋มากทีเดียว ข้าเลยไม่แปลกตาเสียเท่าไหร่”หลินเฟยตอบเสียงเรียบพลางเดินตามหนิงเซียงด้วยท่าทีสบายๆ ระหว่างทางมันชวนหนิงเซียงคุยตลอดเวลา นางก็ดูสนุกดีที่ได้พูดคุยกับมันเพียงแต่มีบางอย่างแปลกๆออกไป

แม้หนิงเซียงจะมีท่าทีเขินอายทุกครั้งที่หลินเฟยชม และไม่รังเกียจเวลาหลินเฟยเข้าใกล้ แต่เหมือนมีกำแพงบางอย่างกั้นหลินเฟยเอาไว้ระหว่างกัน หากเป็นหญิงสาวทั่วไปหลินเฟยคงตีสนิทจนสามารถจับมือถือแขนกันได้ไปแล้ว แต่หนิงเซียงกลับไม่ใช่ เกราะป้องกันของนางท่าทางจะหนาเสียเหลือเกิน หรือว่าจริงๆแล้วแม่นางหนิงเซียงคนนี้….

“น้องหนิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่”ขณะกำลังเดินไปที่ประตูทางเหนือเพื่อออกไปยังวัดบนยอดเขาตามที่มารดาของหนิงเซียงบอก อยู่ๆทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหนิงเซียงด้วยท่าทีประหลาดใจ

“พี่เล่อซาน…”หนิงเซียงมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทหารเฝ้าประตูคนนั้นเดินเข้ามาหา

“น้องหนิงเจ้าไม่ได้เฝ้าร้านอยู่งั้นหรือ แล้วทำไมมากับ….”ชายคนนั้นถามพลางมองมาทางหลินเฟย แม้ตอนแรกจะเห็นว่าหลินเฟยเป็นผู้หญิงเลยไม่ค่อยคิดอะไรมากแต่พอเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วกลับพบว่าหลินเฟยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้ชาย เกรงว่าจะเป็นชายหนุ่มเสียแล้ว

“พี่เล่อซาน ข้าแค่นำทางให้คุณชายท่านนี้เท่านั้นเองท่านอย่าได้คิดมากเลยนะ”หนิงเซียงว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีกังวล ส่วนทางด้านหลินเฟยนั้นพอได้เห็นภาพเช่นนี้ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหนิงเซียงถึงได้เกราะป้องกันหนานัก นั่นเพราะนางมีคนรักอยู่แล้วนี่เอง…

“เจ้าเป็นใคร มายุ่งอะไรกับน้องหนิงของข้า”เล่อซานถามพลางกำด้ามทวนในมือแน่น อีกฝ่ายเป็นทหารเฝ้าเมืองของอาณาจักรอู๋ต้องมีฝีมืออยู่บ้าง ทำให้ท่าทียามนี้ของมันดูน่ากลัวไม่น้อยเลย

“เจ้าถามเช่นนั้นคิดดีแล้วงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางยิ้มออกมาน้อยๆ

“ข้าเป็นทหารเฝ้าประตู มีอำนาจตรวจสอบผู้จะผ่านประตูได้อยู่แล้ว”เล่อซานว่าพลางกำหมัดแน่น แต่ก็จริงของมันทหารยามเฝ้าประตูย่อมสามารถตรวจค้นผู้ผ่านประตูได้อยู่แล้วจริงๆเสียด้วย

“ได้ ข้ามีนามว่า ไป๋หลินเฟย”ได้ยินเพียงพยางค์ไป๋คำแรก เล่อซานก็ชะงักไปทันที แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เชื่อเท่าไหร่เตรียมจะเอ่ยปากถามหาหลักฐาน แต่มันยังไม่ทันได้พูดอะไรหลินเฟยก็ยื่นตราประจำตระกูลไป๋ออกมาให้ดูเสียก่อน

“คะ คนตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ”เล่อซานมีสภาพแทบจะเหมือนคนตกเหว หากคนรักของตนเองอยู่ในน้ำมือของคนตระกูลไป๋ละก็มันจะทำอะไรได้ ต่อให้อีกฝ่ายเตะมันจนตายตรงนี้ก็ยังไม่มีใครเอาผิดได้เสียด้วยซ้ำ

“คุณชาย ท่านเป็นคนตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ”หนิงเซียงได้ทราบเช่นนั้นก็เบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจทันที หากพูดถึงตระกูลไป๋ละก็จะเป็นตระกูลไหนไปไม่ได้นอกจากตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดินและยังมีอำนาจมากมายอีกต่างหาก

“ใช่แล้ว ข้าคือหลานชายของอดีตจักรพรรดิไป๋จูเหวิน นามว่าไป๋หลินเฟย ว่าไงล่ะ เจ้ายังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางมองไปทางเล่อซานนิ่ง แถมพอประกาศออกไปแล้วหลินเฟยยังเอามือไปโอบไหล่ของหนิงเซียงอีกด้วย

“ตระกูลไป๋แล้วอย่างไร คิดว่าน้องหนิงเซียงจะสนใจเรื่องเช่นนั้นหรือ”เล่อซานว่าพลางมองไปทางหนิงเซียง แต่ยามนี้หนิงเซียงกลับไม่ปฏิเสธแขนที่โอบนางเอาไว้เสียแล้ว

“พี่เล่อซาน ท่านอย่าขวางทางพวกเราเลย ข้าต้องพาคุณชายไปไหว้พระที่วัดมรกตท่านเปิดทางเถอะนะ”หนิงเซียงตอบด้วยใบหน้าอายๆ ก่อนจะเอียงตัวซบหลินเฟยต่อหน้าคนรักของนางทันที หลินเฟยเป็นคนของตระกูลไป๋เชียวนะ นางจะไม่สนใจได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ชีวิตจะสุขสบาย แต่หากได้เป็นภรรยาของคนตระกูลไป๋นางก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการเชียวนะ

“น้องหนิง นี่เจ้า….”เล่อซานเบิกตากว้างพลางมองหนิงเซียงด้วยท่าทีเหมือนจะไม่อยากเชื่อ ความรักที่มันมีให้นางนั้นหมดความหมายแล้วงั้นหรือ….

“คุณชาย ข้าได้ยินว่าที่วัดมรกตนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก พวกเรารีบไปไหว้พระด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”หนิงเซียงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางบอกให้หลินเฟยรีบไปจากตรงนี้เสียที ส่วนทางด้านเล่อซานนั้นเห็นคนรักของตนทำเช่นนี้ต่อหน้าก็ได้แต่กำหมัดแน่นแล้วปล่อยให้หลินเฟยผ่านทางไปเสียโดยดี

“น่าเสียดายนะ”หลินเฟยถอนหายใจออกมาระหว่างพาหนิงเซียงเดินออกมาจากประตูทางเหนือ

“อะไรหรือเจ้าคะคุณชาย”หนิงเซียงถามพลางยิ้มหวานให้หลินเฟยราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น

“ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจกว่านี้เสียอีก”หลินเฟยส่ายหน้าพลางผลักร่างของหนิงเซียงออก น่าเสียดายแม้หลินเฟยจะชอบสาวงามแต่หลินเฟยไม่ชอบแย่งของๆคนอื่นแต่อย่างไร แถมปกติหลินเฟยไม่ชอบประกาศชื่อตระกูลไป๋ออกไปเสียด้วย ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะอยากทดสอบเล่อซานดูเท่านั้นว่าจะกล้าปกป้องคนรักของตนเองหรือเปล่า แต่ถึงเล่อซานจะกล้าแต่น่าเสียดายที่หนิงเซียงกลับเปลี่ยนท่าทีหักหน้าเล่อซานเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่หลินเฟยคิดว่าหากทั้งสองยืนยันในความรักของพวกตนละก็หลินเฟยจะช่วยเป็นพ่อสื่อช่วยเหลือเรื่องความรักของทั้งคู่เสียหน่อยแท้ๆ หลินเฟยไม่ต่อว่าหนิงเซียงหรอกที่โดนคำว่าตระกูลไป๋ดึงดูด แต่หลินเฟยก็ไม่ชอบผู้หญิงที่หักหลังคนรักของตนได้ลงคอเช่นกัน