ตอนที่ 6-5

 

 

 

 

ฮอนยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าแดงก่ำด้วยความเสียดาย จากนั้นก็ลดมือลงอย่างช้าๆ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น คำพูดที่ออกไปแล้วไม่ใช่จะมาลบได้ ความจริงก็อยากลบไปหลายครั้งแต่เขาก็รู้ดีว่ารยูฮาคงไม่มีทางอนุญาต  

 

 

“สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ เจ้าบอกมาเถอะ” 

 

 

แม้แต่ท่าทางของเขาก็ยังดูเต็มไปด้วยความต้องการ ด้านรยูฮาเองก็ข่มความรู้สึกที่อยากจะขโมยริมฝีปากนั้นที่ดูต้องการอย่างมากไว้ แล้วหัวเราะแผ่วเบา 

 

 

“หม่อมฉันปรารถนาให้ฝ่าบาทเป็นสวามีอย่างแท้จริงเพคะ สวามีที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอย่างไม่มีบกพร่องและมองแค่ภรรยาผู้เดียวไม่มีเปลี่ยน ให้สมกับที่หม่อมฉันเป็นพระชายาของประเทศ หม่อมอยากปล่อยวางเรื่องที่ว่าฝ่าบาทเป็นของผู้อื่นและทุกๆ อย่างให้หมด” 

 

 

ฮอนได้ยินคำตอบของหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาราวกับแผ่นดินจะสลาย ดูอย่างไรแล้วคืนนี้คงไม่ใช่คืนเข้าหอ ดูแล้วหมายความเช่นนี้ รยูฮาพูดกับเขาที่ยกแก้วเหล้าขึ้นเพื่อจะปลอบใจตัวเองอีกครั้ง  

 

 

“ก่อนนี้หม่อมฉันเคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับฝ่าบาทครั้งหนึ่ง จำได้หรือไม่เพคะ” 

 

 

ฮอนหน้านิ่วคิ้วขมวดจมอยู่กับความคิด เขานึกย้อนไปถึงวันที่เจอกันครั้งแรก และความทรงจำเรื่องที่พวกเขาจูบกันครั้งแรกในคืนนั้นก็ลอยขึ้นมา เรื่องที่พูดคุยกันในตอนนั้น เขาขโมยสัมผัสรยูฮาที่กำลังกระสับกระส่ายแล้วใจเต้นตูมตาม เขานอนฟังเสียงลมหายใจของรยูฮาอยู่ข้างๆ ทั้งคืนแล้วเสียงนกของเช้าวันใหม่ก็มาเยือน 

 

 

“เจ้าบอกว่าถ้าตื่นแต่เช้า แล้วรีบไปทำความเคารพพวกผู้ใหญ่…” 

 

 

“จะให้หม่อมจูบสินะเพคะ” 

 

 

น้ำเสียงนิ่งสงบและสิ่งที่อ่อนนุ่มก็ทาบทับลงบนริมฝีปากของฮอน เหล้าที่ไหลเข้ามาผ่านปลายลิ้นของรยูฮาถูกส่งลงไปในคอจนหมดเกลี้ยง แต่ความกระหายยังหลงเหลืออยู่และปรารถนาสิ่งที่ร้อนแรงกว่านั้น การประกบปากร้อนแรงขึ้น สุดท้ายริมฝีปากของรยูฮาที่ประกบลงไปก็ผละออกช้าๆ 

 

 

“อ้า เจ้านี่ช่าง…” 

 

 

“หม่อมฉันรักษาสัญญาแล้ว ฝ่าบาทเองก็ต้องรักษาสัญญานะเพคะ” 

 

 

จะไม่รักษาสัญญาได้หรือ ฮอนที่ในหัวนึกถึงสิ่งที่ชายหญิงสามารถทำได้เสร็จแล้วก็พยายามเบนสายตาหลบรยูฮาแล้วลุกจากที่นั่ง การอยู่ด้วยกันสองต่อสองในพื้นที่เดียวกันก่อนที่จะได้รู้ว่าสวามีที่แท้จริงเป็นอย่างไร และก่อนจะได้เข้าหอดูเหมือนจะทำให้เข้าแห้งเ**่ยวตายเสียก่อน ตอนนั้นเองที่เสียงของมินอาดังขึ้นมาจากทางด้านนอกทำให้ฮอนนั่งลงบนที่นั่งอีกครั้ง 

 

 

“เหล่านางโลมขอเข้าเฝ้าเพคะ” 

 

 

“ให้เข้ามา” 

 

 

หญิงสาวสองคนที่คุ้นหน้าดีเข้ามาข้างใน พอเข้ามาโซยูและนึงพาก็หมอบกราบลงขอรับโทษราวกับนัดกันไว้ทันที  

 

 

“มอบโทษตายแก่พวกเราเถิดเพคะ!” 

 

 

ใส่ยาลงไปในเหล้าขององค์รัชทายาทคงไม่อาจคาดหวังจะมีชีวิตต่อไปได้ เงาดำมืดทาบทับลงบนใบหน้าน่ารักของหญิงสาวราวกับหายใจไม่ออก ฮอนยิ้มแห้งแล้วส่งสัญญาณมือเล็กน้อยไปทางพวกนาง  

 

 

“คนในเมืองนี้เจอหน้าข้าก็มีแต่ขอร้องให้ฆ่าทิ้ง ช่างมันเถอะ พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด” 

 

 

“ฝ่า ฝ่าบาท!” 

 

 

นึงพาผู้ถูกไว้ชีวิตอย่างคาดไม่ถึงมองไปทางฮอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ขนาดรู้ว่าโดนวางยายังไม่ลงโทษ ทั้งยังชี้ให้นั่งลงข้างๆ หรือว่า…. 

 

 

“เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของข้า พระชายาจัดการด้วย” 

 

 

นึงพาหลบตาอีกครั้งอย่างหมดแรงเพราะความหวังพังทลายลงในชั่วพริบตา มินอาเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไร้สุ่มไร้เสียง พอสบตากับโซยูถึงได้กลับมาทำหน้าไร้ความรู้สึกอีกครั้ง รยูฮาเองไม่มีความคิดจะลงโทษเหมือนกัน 

 

 

“จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อสวามีข้ารูปงามมาแต่ไหนแต่ไร” 

 

 

ฮอนไม่รู้ว่าตรงไหนที่ทำให้ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นไปอีก ตรงที่ว่าสวามีของข้า หรือตรงที่บอกว่ารูปงาม และดูเหมือนจะทั้งคู่ ระหว่างที่เขาพยายามควบคุมสีหน้าอย่างยากเย็น รยูฮาก็หันหน้าไปทางที่ว่างภายในห้อง 

 

 

“พวกข้าได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ ที่นี่ ข้าไม่มีอะไรจะลงโทษพวกเจ้าหรอก รีบมายกเหล้าเร็วเข้า” 

 

 

“ทรงเมตตามากเพคะ พระชายา!” 

 

 

เมื่อคืนได้ยินว่าพระชายาเป็นสตรีเย็นชาผู้ซึ่งตัดขาบุรุษที่เข้ามาดูหมิ่นตน แต่ดูแล้วเป็นผู้มีใจเมตตาไม่ใช่หรือ โซยูและนึงพายิ่งโค้งตัวลงมากกว่าเดิมเพราะการจัดการของพระชายา 

 

 

“จะรินเหล้าถวายเพคะ” 

 

 

โซยูจับขวดเหล้ารินให้ฮอนและรยูฮา และขวดเหล้าที่ยื่นไปทางมินอาเพื่อรินเหล้าให้เป็นคนสุดท้ายกำลังสั่นอย่างมาก 

 

 

“ท่านองครักษ์เองก็รับสักแก้วนะเพคะ” 

 

 

“ช่างเถอะ…” 

 

 

มินอาพยายามจะบอกว่าช่างเถอะแต่ก็เงียบปากลงเพราะสายตาที่ส่งมาของรยูฮา 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นแค่นิดเดียวพอ” 

 

 

“เพคะ ท่านองครักษ์” 

 

 

โซยูค่อยๆ เทเหล้าในปริมาณที่พอเหมาะให้กับมินอา ขวดเหล้าถูกยกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะแก้วเหล้าถูกยกดื่มจนหมดในเวลาเดียว เวลาแห่งค่ำคืนเริ่มต้นขึ้นแล้ว 

 

 

ตอนที่ชานและชองโอไม่อาจรอพวกเขากลับมาได้จึงบุกเข้าไปในหอนางโลม ภาพภายในห้องนั้นช่างน่าชวนมองเป็นอย่างมาก 

 

 

“เอ๊ะ! เจ้าคนใจดำ! เจ้าเองก็จะมาตีข้าเหมือนกันหรือ” 

 

 

“องค์ชายสอง! นั่งลง นั่งลง วันนี้พระชายาเลี้ยงเอง ข้าได้เงินค่าขนมจากพระพันปีมาเยอะเชียว!” 

 

 

เข้าคู่กันดีเสียจริง ชานพยายามกลืนคำพูดที่ตีขึ้นมาถึงคอลงไป ถ้าจะดื่มสู้ไปดื่มในที่ที่ไม่มีใครรู้จักสถานภาพจริงเสียดีกว่า น่าอับอายเหล่าทหารเป็นอย่างมาก เขาส่ายหน้าไปมาด้วยหน้าตาบูดบึ้งและหันหน้าไปคาดโทษมินอา 

 

 

“เจ้าเองก็เห็นอยู่ว่าสองพระองค์ดื่มอยู่แบบนี้ ทำไมถึงไม่ยอมห้ามปราม เจ้าทำอะไรอยู่!” 

 

 

เหล่านางโลมพากันหวาดกลัวเพราะคำพูดของเขาที่รู้สึกได้ถึงความโกรธเคือง โซยูมองมินอาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ แต่แค่นี้ไม่ทำให้มินอาสะเทือน นางตอบรับคำของชานที่ทั้งแข็งกระด้างและไม่สุภาพ 

 

 

“พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่หม่อมฉันห้ามปรามได้หรือเพคะ” 

 

 

เป็นการโต้ตอบอย่างสมน้ำสมเนื้อ ชานผู้หมดคำพูดรีบไปเข้าไปประคองฮอนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ส่วนมินอาก็เข้าไปประคองรยูฮา แล้วพากันออกมาจากหอนางโลม และตอนที่ขบวนกำลังข้ามประตูใหญ่มือของหญิงสาวก็ยื้อชายเสื้อของมินอาไว้ด้วยความเสียดาย 

 

 

“ท่านองครักษ์ ไปแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าคะ” 

 

 

ในน้ำเสียงของโซยูที่รั้งมินอาไว้มีน้ำตาไหลรินลงมา มินอาตกใจมากจนเกือบปล่อยรยูฮาที่ประคองอยู่ให้ร่วงลง 

 

 

“ทำไม ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้” 

 

 

ด้วยนิสัยที่เด็ดขาดเหมือนมีดของมินอา หากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับรยูฮาหรือเป็นเรื่องที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ไม่มีทางจะตื่นตกใจ พอน้ำเสียงของมินอาดูตื่นตระหนกแบบนั้น ชานจึงหันหลังมาและเริ่มดูสถานการณ์นี้อย่างใส่ใจ 

 

 

“ทำเกินไปแล้วเจ้าคะ นับตั้งแต่ที่ท่านมาที่นี่ข้าก็มองแค่ท่านมาตลอด แต่ท่านกลับไม่แลตามองข้า ซ้ำยังมาจากไปแบบนี้ได้อย่างไร” 

 

 

“หืม? จะ เจ้าพูดเรื่องอะไร ไม่สิ ข้า…!” 

 

 

มินอาตกใจมากจนลืมวิธีพูดในแบบที่เคยพูด แต่โซยูกลับน้ำตานองหน้าแล้วเกาะติดนางแน่นราวกับปฏิกิริยาเช่นนั้นคือการปฏิเสธ 

 

 

“ทิ้งชื่อหรือไม่ก็ป้ายชื่อไว้หน่อยก็ยังดีเจ้าค่ะ ข้าจะเฝ้ามองสิ่งนั้นและรอคอยท่านกลับมาหาในสักวัน” 

 

 

เสียงเศร้าโศกของโซยูลอยเข้ามาในหูของรยูฮาที่เมาพิงมินอาอยู่อย่างชัดเจน คนเราสร่างเมาในชั่วพริบตาแบบนี้ได้ด้วย รยูฮาทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วเริ่มหัวเราะอย่างไม่ห่วงเกียรติออกมา 

 

 

เสียงหัวเราะของรยูฮาที่ระเบิดออกมาอย่างคาดไม่ถึงมีเสียงหัวเราะของชานเข้ามาผสมด้วย 

 

 

“ฮ่าๆ! มินอาของข้าก็รูปงามอยู่นะ! ฮ่าๆๆ!” 

 

 

“คิก คิกๆ…” 

 

 

สายตาของมินอาหันไปทางท้องฟ้าเพราะปฏิกิริยาของทั้งสองคน โซยูมึนงงแต่ยังคงจับชายเสื้อแน่นไม่ปล่อยและมองทั้งสามคนสลับกัน 

 

 

“ดูให้ดี เจ้านี่นิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่หรอก แต่หากถอดชุดเครื่องแบบออกก็เป็นสาวสวยคนหนึ่งเลย” 

 

 

ชานหยุดหัวเราะอย่างยากลำบากแล้วพูดขึ้น และทำให้ใบหน้าของมินอาแดงในที่สุด โซยูจ้องมองมินอาแทบทะลุราวกับหมดคำพูดไปสักครู่ ต่อมาจึงค่อยๆ ปล่อยมือจากชายเสื้อ 

 

 

“เอ่อ ทำอย่างไรดี ข้าเสียมารยาทไปแล้ว!” 

 

 

โซยูใช้มือปิดหน้าที่แดงฉ่าแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้อง เหลือเพียงแค่เสียงหัวเราะของรยูฮาที่ยังไม่หยุดกับบรรยากาศอันน่าอึดอัด มินอาจ้องมองชานอย่างหมดศรัทธาอยู่สักครู่ แล้วในขณะที่เขาสะดุ้ง นางก็ขึ้นไปบนหลังม้า 

 

 

“ไปกันเถอะเพคะ เสียเวลากันมามากแล้ว”