องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 700 ฆ่าคนรักของข้า
ท่านอ๋องตวนถูกทำให้ตื่นเพราะกลั้นปัสสาวะ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็ไปหาอวิ๋นหลัวฉวน พ่อบ้านพูดเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง บอกเขาไปแล้วว่านางกลับไปจวนกั๋วกงแล้ว จากนั้นเขาก็ไปที่จวนกั๋วกง เมื่อไปถึงจึงทราบว่านางได้เข้าวังไปกับฉีเฟยอวิ๋นแล้ว เขาพอจะหายจากอาการสร่างเมาแล้วเล็กน้อย และต้องการจะหาอวิ๋นหลัวฉวน พอดีกับราชโองการมาถึงแล้ว เขาจึงเข้าวังไปพร้อมกับหนานกงเย่
ขณะนี้ยังมีความมึนเมาอยู่ ไห่กงกงคารวะเขาจนเขาเกือบล้มลง
ท่านอ๋องตวนใช้กำลังผลักหนานกงเย่ออก จากนั้นจึงเดินตรงไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง
ไห่กงกงตกใจจนเหงื่อไหลท่วมตัว “ท่านอ๋องเย่ ท่านอ๋องตวนเป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ดื่มมากไปหน่อยนะ คนเมื่อเจอเรื่องดีๆ เข้าก็มักจะดื่มหนักน่ะ” จากนั้นหนานกงเย่จึงตามไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง ไห่กงกงหันกลับไปมองท่านอ๋องตวนที่เดินโซซัดโซเซไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง ดูเหมือนคนดื่มหนักจริงๆ
เมื่อท่านอ๋องตวนเดินเข้าไปก็ได้สะดุดเข้ากับธรณีประตู จึงทำให้ล้มกลิ้งลงตรงธรณีประตู
ดวงตาของพระพันปีนิ่งเฉย “เกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
“กราบทูลเสด็จแม่ เมื่อวานอ๋องตวนอภิเษกพระชายารองจึงทำให้ดีใจจนดื่มหนักไปหน่อยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้จึงยังไม่สร่างเมาพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเย่รายงานออกไปขณะเดินตามเข้ามา
พระพันปีมองด้วยสีหน้าเย็นชาและไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นจึงถามว่า “ดีใจเช่นนั้นเลยหรือ?”
หนานกงเย่ไม่พูดอะไรอีกและจ้องมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นที่อยู่อีกฝั่ง เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรจึงก้มหน้ายืนอยู่ตรงนั้น
“ท่านอ๋องตวน เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อย จะหมอบอยู่ที่หน้าประตูทำไมกัน?” พระพันปีตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
อ๋องตวนเดินออกจากประตูเพื่อจะตรงไปที่โถงใหญ่ เมื่อเห็นอวิ๋นหลัวฉวนเดินออกมาจึงยื่นมือออกไปเพื่อคว้าข้อมือของอวิ๋นหลัวฉวน และดึงดันกันอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง
อวิ๋นหลัวฉวนยังไม่ค่อเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่
“ท่านอ๋อง”
อวิ๋นหลัวฉวนดิ้นรน อ๋องตวนออกแรงดึงอวิ๋นหลัวฉวนอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าห้ามไปไหน หากเจ้าจากไป ข้าจะฆ่าตัวตายให้เจ้าดู!”
ดวงตาของอ๋องตวนราวกับลุกเป็นไฟ อวิ๋นหลัวฉวนหน้าซีดลงทันที
พระพันปีมองด้วยความโมโห และเหลือบมองไปที่ฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูที่กำลังคุกเข่าอยู่ “ฮองเฮาเจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่?”
เฉินอวิ๋นชูคุกเข่าโดยไม่พูดอะไร พระพันปีมองไปที่ไห่กงกง “ไปเชิญฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อไห่กงกงเดินออกไป พระพันปีจึงตรัสว่า “ฮองเฮา พระชายาตวนบอกว่าเห็นเจ้าป้อนยาให้กับองค์หญิง เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่?”
“เสด็จแม่ นั่นไม่ใช่ยา แต่นั่นคือผงที่ทำให้ตกใจเพคะ” เฉินอวิ๋นชูไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมาก และนางก็ไม่ยอมรับผิด
พระพันปีเหลือบไปมองเด็กน้อยที่นอนหลับไปและไม่ตอบสนองใดๆ ที่อยู่ข้างๆ และยังมีเหล่าหมอหลวงที่หมอบคลานอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือหมอหลวงหูที่ตกใจจนตัวสั่น
สีหน้าของพระพันปีเย็นชาอย่างมาก “เจ้าบอกว่าไม่ใช่ยา แต่เป็นผง ดีมาก ข้าว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพ คงไม่หลั่งน้ำตา ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังกล้าดูหมิ่นข้าถึงเพียงนี้
ข้าไม่เคยคิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของวังหลัง และใช้ชีวิตของข้าเองในตำหนักเฉาเฟิ่ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะลงมือได้โหดเหี้ยมเช่นนี้ ฮองเฮา……เจ้าทำร้ายทายาทของจักรพรรดิ โทษของเจ้าจะต้องตายสถานเดียว
แต่เจ้าไม่ยอมรับผิด ข้าก็ไม่สามารถตัดสินโทษได้ สั่งให้คนมาที่นี่และนำตัวนางไปโบย”
“เหอะ เหอะ……” จู่ๆ เฉินอวิ๋นชูก็หัวเราะออกมา และบริเวณโดยรอบก็เงียบสงัดลง
ทุกคนต่างพากันมองไปที่พระพันปี
เฉินอวิ๋นชูลุกขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองไปยังพระพันปี “ไทเฮาเพคะ ไม่ใช่พระองค์หรือเพคะที่สั่งให้หม่อมฉันทำร้ายเด็กคนนี้?”
เมื่อฮองเฮาพูดขึ้นมา ทุกคนก็พากันตกตะลึง
อ๋องตวนโซซัดโซเซและมองไปยังเฉินอวิ๋นชู
ประตูถูกเปิดออก จักรพรรดิอวี้ตี้ได้เสด็จมาถึงแล้ว “คารวะเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีมองไปยังจักรพรรดิอวี้ตี้และยิ้มออกมา “นั่งลงสิ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเหลือบมองเฉินอวิ๋นชูที่นั่งอยู่บนพื้น เฉินอวิ๋นชูหันกลับไปมองจักรพรรดิอวี้ตี้ “ฝ่าบาทมาแล้วหรือเพคะ?”
จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่ตอบอะไรและมองไปยังพระพันปี “เสด็จแม่ นี่มันเกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
พระพันปีเหลือบมองเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ “ฝ่าบาทนั่งลงเถอะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ทำได้เพียงเดินไปนั่งลง เมื่อจักรพรรดิอวี้ตี้นั่งลง พระพันปีจึงถาม “ฮองเฮา คำพูดเมื่อสักครู่ เจ้าพูดขึ้นมาอีกครั้งให้ฝ่าบาทได้ยินสิ”
“เสด็จแม่ เมื่อคืนฮองเฮาพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นเพราะข้า……”
“ฝ่าบาทยังไม่ต้องพูดอะไรก่อน อาไห่……”
“ท่านพี่……”
พระมเหสีหวาเดินเข้ามาจากหน้าประตูและกำลังก้าวเข้ามา พระพันปีหันไปมอง “เจ้าเข้ามาคนเดียวก็พอแล้ว”
พระมเหสีหวาหยุดชะงักลงและหันกลับไปมอง “กลับกันไปทั้งหมด”
พระมเหสีหวาเดินเข้ามาและไห่กงกงก็อยู่ข้างนอก เมื่อปิดประตูลง พระมเหสีหวาจึงเดินไปข้างหน้า
“ฝ่าบาท”
“เชิญพระมเหสี”
พระมเหสีเดินตรงไปข้างหน้า พระพันปีทำสัญญาณให้นั่งลง จากนั้นพระมเหสีหวาจึงเดินไปนั่งลง
“ฮองเฮา เจ้าพูดอีกครั้งหนึ่งสิ” พระพันปีกล่าว
พระมเหสีหวากล่าว “ท่านพี่……”
“เจ้าหุบปากลงเดี๋ยวนี้!” พระพันปีโมโหและทุบมือลงกับพนักเก้าอี้
จากนั้นพระมเหสีหวาจึงไม่พูดอะไร
พระพันปีมองฮองเฮาที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “พูดสิ”
เฉินอวิ๋นชูหัวเราะขึ้นมา “พูดอะไรหรือ? พูดตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้าวังมาพระพันปีก็เรียกให้หม่อมฉันมาอยู่ข้างกาย และให้หม่อมฉันใช้ยากำจัดมดลูกหรือเพคะ?”
“……” ทุกคนต่างพากันมองไปที่พระพันปี สีหน้าของพระพันปีไม่แสดงอาการใดๆ และไม่พูดอะไร
ฮองเฮาพูดต่ออีกว่า “เดิมทีข้าไม่ต้องการเข้าวัง แต่ไทเฮาบังคับให้ข้าเข้าวัง และยังฆ่าคนที่ข้ารัก หัวใจของข้าเหมือนโดนทิ่มแทง วันนั้นที่ข้าเข้าวังข้าได้สาบานว่าข้าจะล้างแค้นและฆ่าศัตรู
คนที่ข้าต้องการจะฆ่าก็คือท่าน เป็นท่านคนเดียวมาโดยตลอด!”
เฉินอวิ๋นชูราวกับบ้าคลั่งร้องตะโกนออกมา จักรพรรดิอวี้ตี้วางมือลง “เจ้า……ต้องการฆ่าเสด็จแม่หรือ?”
เฉินอวิ๋นชูมองออกไป “ฝ่าบาทคิดมาตลอดว่าหม่อมฉันเกลียดฝ่าบาทและต้องการฆ่าฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทไม่เคยรู้เลย คนที่หม่อมฉันเกลียดก็คือไทเฮา หม่อมฉันต้องการฆ่านาง”
“เจ้าบอกว่าเจ้าจะฆ่าข้า ข้าขอถามเจ้า ทำไมเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย?” พระพันปีถาม
เฉินอวิ๋นชูหัวเราะ “ข้าเข้าวังมาท่านก็ให้ข้าใช้ยากำจัดมดลูก ท่านไม่ต้องการให้ข้ามีลูก ท่านทำลายข้าทุกอย่างลงทั้งหมด
ท่านเป็นคนอำมหิต ผู้หญิงที่เหี้ยมโหด!”
“ฮองเฮา!” จักรพรรดิอวี้ตี้สีหน้าเย็นชา
เฉินอวิ๋นชูมองไปยังจักรพรรดิอวี้ตี้และมีน้ำตาไหลออกมา “ฝ่าบาท หม่อมฉันเคยคิดจะอยู่กับฝ่าบาทไปจนแก่ แต่ทำไมฝ่าบาทต้องแต่งตั้งพระสนมด้วยเพคะ?
ฝ่าบาทรู้หรือไม่เพคะ ตอนที่ฝ่าบาทไปที่ตำหนักจิ่นซิ่ว ฝ่าบาทไปที่ตำหนักหรงเต๋อ หม่อมฉันเจ็บปวดมากเพียงใด? ฝ่าบาทรู้บ้างหรือไม่ ตอนที่ฝ่าบาทมองพระชายาเย่ หม่อมฉันโกรธเกลียดมากเพียง?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปและมีสีหน้าซีดเซียว
จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสด้วยความโมโห “ฮองเฮา วันนี้เจ้าไม่สบายหรืออย่างไร?”
เฉินอวิ๋นชูหัวเราะ “ฝ่าบาทไม่รักหม่อมฉันแล้ว ในใจของฝ่าบาทมีคนอื่นแล้ว ฝ่าบาทเพคะ ถึงตอนนี้แล้ว……ฝ่าบาทยังจะปิดบังอีกหรือเพคะ?”
“ฮองเฮา เจ้าคิดว่าเจ้าได้รับความโปรดปรานแล้วจะพูดเช่นนี้ก็ได้อย่างนั้นหรือ” จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งลงและไม่สนใจใดๆ แต่สีหน้าของเขานั้นเย็นชาอย่างมาก
เฉินอวิ๋นชูมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นก็ทำตัวไม่ถูก
เฉินอวิ๋นชูหมายความว่าอย่างไร?
จากนั้นเฉินอวิ๋นชูจึงหันไปมองหนานกงเย่ หนานกงเย่เดินไปข้างกายฉีเฟยอวิ๋นและดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นมากุมไว้ “ฮองเฮา ท่านพูดต่อได้”
เฉินอวิ๋นชูมองไปที่หนานกงเย่ “เจ้าเติบโตที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ตั้งแต่เล็ก แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะห่างเหินกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีลูก ข้านับว่าเจ้าเป็นลูกคนหนึ่งของข้า แต่เจ้ากลับไม่ชอบข้า
ตอนที่ข้าเข้าวังมาด้วยความโกรธแค้นอย่างมาก แต่ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าฝ่าบาทเลย ข้าเพียงแค่เกลียดแค้นผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว นางเป็นคนฆ่าคนที่ข้ารัก!”