“พะ แพ้แล้วเหรอ?”
ตู้เคอหลินหน้าตาหม่นหมองเหมือนกับศพ ช็อกไปนานหลายวิถึงตั้งสติได้ แล้วตวาดไปทางเซียวเจี้ยนที่ยังยืนอยู่ว่า “ทำไมถึงแพ้แล้วล่ะ? ยังยืนอยู่ไม่ใช่รึไง? สู้สิ! สู้ต่อไป!”
เดิมทีเขายังคิดว่าวันนี้ได้แก้แค้นเรื่องแขนที่หักแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะมีสรุปแบบนี้ เขาไม่อยากยอมรับมันเลย!
“คุณชายตู้ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แพ้ก็คือแพ้ เกรงว่าเราจะไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดของคุณจริงๆ”
เซียวเจี้ยนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ยังไงก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพี่น้องได้เจอกับผู้แข็งแกร่งระดับดิน ถึงแม้จะเป็นห่วงผู้คนที่มุงดูจนยังไม่ได้แสดงกระบวนท่าที่เว่อร์วังอะไรออกมา แต่การแพ้อย่างราบคาบแบบนี้ เกรงว่าใช้แล้วผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง?
พอเย่เทียนได้ยินแบบนั้น สายตาที่มองไปยังพี่น้องตระกูลเซียวก็ได้อ่อนลง ไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตเหมือนตอนก่อนหน้าแล้ว
เขาไม่ได้โง่ จากสัญญาณที่เซียวเจี้ยนแสดงออกมา พวกเขาก็เป็นแค่บอดี้การ์ดที่ตู้เคอหลินเพิ่งเชิญมาเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่จะมาจากสำนักกุยอีนั้นน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ตู้เคอหลินก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ จึงได้พึมพำกับตัวเองอย่างเงียบๆ “ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เย่เทียนไม่มีทางปล่อยตู้เคอหลินไปอยู่แล้ว จึงได้ก้าวเท้าเดินไปหาเขา
พอเห็นเย่เทียนกำลังเดินเข้ามา พวกบอดี้การ์ดที่เหลือไม่กล้าอยู่ต่อ วิ่งหนีกระเจิงไปทันที ดูจากท่าทางนั้น คงอยากมีขาอีกสักสองข้างจะได้วิ่งเร็วยิ่งกว่านี้
ตู้เคอหลินดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว อยากที่จะหนี แต่เขากลับรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมทำตาที่สั่ง ยืนสั่นอยู่ตรงนั้นไม่ยอมหยุด!
“ยะ เย่เทียน แกอย่าเข้ามานะ!”
ตู้เคอหลินกลืนน้ำลาย ร้องเรียกออกมาอย่างหวาดกลัว
เย่เทียนไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นยังไง เดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปคว้าคอของตู้เคอหลิน แล้วเหวี่ยงจนล้มลงกับพื้น
“โอ้ย!”
ตู้เคอหลินร้องโอดครวญออกมาทันที จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืด หัวแนบไปบนพื้นอย่างแรง แล้วตะโกนอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน “แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ! ฉันมีเงิน! มีเงิน!”
แล้วเห็นตู้เคอหลินล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างอัตโนมัติ “ในกระเป๋าตังค์ฉันมีบัตรอยู่สองใบ ใบหนึ่งมีหนึ่งล้าน ส่วนอีกใบมีสองล้าน ส่วนรหัสก็เป็นสามหกตัว…..”
พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็ได้ผ่อนแรงของขาข้างที่เหยียบอยู่บนหน้าของตู้เคอหลิน โน้มตัวลงไปรับกระเป๋าตังค์มามุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ในใจของเย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า คนในเมืองจินนี้ช่างใจกว้างกันจริงๆ!
ถ้ารวมกับสามแสนที่ผางอานคางให้มา วันนี้เขาก็ได้เงินมาสามล้านสามแล้ว เงินนี่มันช่างหาง่ายจริงๆ!
“ใช้ได้ ใช้ได้! เห็นแก่ที่คุณรู้จักกาลเทศะ ผมจะไว้ชีวิตหมาๆ ของคุณแล้วกัน!”
เย่เทียนเอาบัตรสองใบในกระเป๋าตังค์ใส่เข้าไปในอกเสื้อ “ที่สำคัญ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ผมเองก็ไม่อยากกลายเป็นคนที่ถูกตามล่าเพราะเศษสวะอย่างคุณหรอก!”
“ตะ ตอนนี้ฉันไปได้รึยัง?”
ถึงแม้ตอนนี้ตู้เคอหลินจะโมโห แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ชีวิตของตนกำลังตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วจะกลายเป็นแสดงความไม่พอใจออกมาได้ยังไง
“ไปเหรอ?”
เย่เทียนได้ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมาที่มุมปาก แล้วยกขาที่เหยียบตู้เคอหลินออก “ได้แน่นอน เพราะยังไงมันก็เป็นขาของคุณนี่นาจริงมั้ย?”
แกร็ก!
ตู้เคอหลินรู้สึกดีใจ จึงคิดที่จะลุกขึ้นทันที แต่ไม่ทันไร ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เเล่นมาจากขาขวา!
“ถึงผมจะบอกว่าคุณสามารถไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ไปอย่างสมบูรณ์สักหน่อย!”
เย่เทียนกระทืบขาขวาของตู้เคอหลินจนหักด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย พูดเตือนสติด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “กลับไปบอกพ่อของคุณ ทั้งแขนและขาของคุณถูกผมสกัดจุดเอาไว้ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอน!”
พูดจบ เย่เทียนก็ไม่อยากสนใจตู้เคอหลินที่ครวญครางไม่ยอมหยุด หมุนตัวแล้วเดินกลับไปหาพวกจี้เยียนหรัน และพาพวกเธอจากไป
เมื่อเกิดเรื่องที่เละเทะแบบนี้ขึ้น พวกจี้เยียนหรันก็ไม่อยากอยู่ต่อเหมือนกัน ไม่แม้แต่จะหันมองทุกคน แล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ
ถึงแม้ตอนนี้จะเพิ่งสิบโมงกว่า แต่ทั้งสี่ก็ไม่มีอารมณ์ไปไหนต่อแล้ว เย่เทียนได้ปฏิเสธความตั้งใจของจี้เยียนหรันที่จะอยู่เป็นเพื่อนตนที่โรงแรม และยืนส่งทั้งสามด้วยสายตาอยู่ตรงหน้าโรงแรม
แต่ทว่า หลังจากรถที่ทั้งสามนั่งได้ขับออกไปจนลับสายตาแล้ว เย่เทียนกลับไม่ได้เดินเข้าไปในโรงแรม แต่โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วนั่งรถออกไปข้างนอก!
ประมาณสี่สิบนาทีหลังจากนั้นรถก็ได้หยุดลง เย่เทียนได้ปรากฏตัวอยู่บนถนนรกร้างเส้นหนึ่งที่อยู่ตรงชานเมือง ถึงจะยังอยู่ในเขตของเมืองจิน แต่มันก็เป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
รถแท็กซี่ได้จอดห่างออกไปเป็นกิโล เขาจึงต้องเลือกที่จะเดินเข้าไปด้วยตัวคนเดียว สีหน้าของเขาก็ดูระมัดระวังขึ้นมา
ตั้งแต่ตอนอยู่ซันนี่เดย์บาร์เขาก็ได้รับข้อความข้อความหนึ่งแล้ว เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากฟู่เซิงหนานที่ขนส่งข้ามสมุทร
เนื้อหาในข้อความนั้นเรียบง่าย ก็คือไหว้วานให้เขาไปที่ประจำการสาขาของกิลด์แห่งความลับ หาทางเอารายชื่อของสมาชิกภายในมาให้ได้
กิลด์แห่งความลับถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือกิลด์นักฆ่า แค่ชื่อมันน่าฟังขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่น เย่เทียนก็ไม่มีทางสนใจให้ไปขโมยของในที่ๆเต็มไปด้วยนักฆ่า มันไม่เท่ากับไปรนหาที่ตายเหรอ?
ประเด็นสำคัญคือ อีกฝ่ายเป็นฟู่เซิ่งหนาน ต่อให้ไม่มองชาติที่แล้ว ชาตินี้ฟู่เซิ่งหนานก็ได้ช่วยเขาไว้หลายครั้งแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่เซิ่งหนานยังบอกเขาอีกว่า ถ้าสามารถเอารายชื่อออกมาได้ ยังมีผลประโยชน์ก้อนโตรออยู่ จึงทำให้เย่เทียนที่เกิดสนใจได้มาถึงที่นี่
หลังมองดูพื้นที่โดยรอบ เย่เทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบคิดในใจว่าคงไม่ได้ถูกฟู่เซิงหนานหลอกแล้วละมั้ง? ที่แบบนี้เนี่ยนะจะเป็นที่ประจำการสาขาของกิลด์ราตรีทมิฬจริงๆ เหรอ?
เขาแอบบ่นอยู่ในใจ แต่เย่เทียนก็ไม่กล้าประมาท ตามองหูฟัง แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
ซิ่ว!’
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแหวกอากาศได้ดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เย่เทียนเหลือบเห็นลำแสงเล็กๆ ที่พุ่งตรงเข้ามา
โชคดีที่เขาระวังตัวอยู่ตลอดเวลา จึงรีบก้าวเท้า แล้วหลบออกจากลำแสงที่เยือกเย็นนั้นได้อย่างฉิวเฉียด
แคร้ง!
ลำแสงที่เยือกเย็นนั่นเสียบไปลงพื้นอย่างจัง และมันก็คือดาวกระจายนี่เอง!
เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ต่อให้ที่นี่จะเป็นที่ประจำการสาขาของกิลด์แห่งความลับก็จริง แต่เขาก็ยังเดินตามคำแนะนำที่ฟู่เซิ่งหนานบอก แล้วทำไมถึงยังถูกลอบโจมตีได้ล่ะ?
“เป็นการลอบโจมตีจากไอ้หน้าด้านคนไหน? แน่จริงก็โผล่หน้าออกมาสิ คอยดูว่าฉันจะอัดแกให้หมอบเลย!”
พอคิดได้แบบนั้น เย่เทียนก็ได้ตะโกนออกมาเสียงดัง
“อย่างนายเนี่ยนะที่จะล้มเจ้คนนี้? รอนายหาเจ้ให้เจอก่อนเถอะค่อยว่ากัน!”
มีเสียงของเด็กสาวที่อ่อนเยาว์ดังมาจากในความมืด เสียงดังก้องไปมา ราวกับดังจากทุกสารทิศ ทำให้ยากที่จะเดาออกว่าดังมาจากไหน
“แหม๋ ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยไม่ใช่รึไง?”
สีหน้าของเย่เทียนดูประหลาดขึ้นมาทันที จึงจงใจพูดแซวไปว่า “มา มา มา รีบออกมาให้ลุงเห็นหน้าหน่อย ให้ลุงได้อ้อล้อหน่อยเร็ว!”
ตอนที่พูดคำว่าอ้อล้อออกมา เย่เทียนก็จงใจเน้นเสียงให้ดังขึ้น
“ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ ตายซะ!”
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในเงามืดนั้นเข้าใจในสิ่งที่เย่เทียนต้องการสื่อ จึงได้โวยวายออกมาด้วยความโมโหทันที
ระหว่างที่พูด ก็มีดาวกระจายจำนวนหนึ่งพุ่งมาจากในเงามืดอีก ลำแสงที่เยือกเย็นนั่นมุ่งสังหารมาที่เย่เทียน
เย่เทียนไม่ได้ตกใจแต่กลับดีใจ ดวงตาสีดำนั่นกำลังส่องแสงประกาย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าดาวกระจายนั่นถูกปล่อยมาจากทางไหนกันแน่!
ความคิดผันเปลี่ยน เย่เทียนก้าวเท้าอย่างต่อเนื่อง และได้หายไปจากที่ตรงนั้นทันที
ตุบตุบ!
มีเสียงสู้กันดังขึ้นจากในเงามืด
“ปล่อยฉันนะ!”
ในเวลาเพียงไม่กี่วิ ภายใต้แสงสว่างในยามค่ำคืนก็ได้มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏออกมา
และด้านหลังของเด็กสาวคนนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใคร?
เย่เทียนในตอนนี้ได้ใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่ของเด็กสาวและใช้มืออีกข้างจับแขนของเด็กสาวเอาไว้ เหมือนท่าที่ตำรวจใช้จับคนร้าย ทำให้เธอยากที่จะดิ้นหลุด!