ตอนที่ 170-2 ซุนวั่งมาหาถึงที่บ้าน

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

นอกจากเมิ่งจงจวี่และภรรยาแล้ว ทุกคนต่างออกมาส่งพวกเขาที่หน้าประตู เมิ่งชิงที่หาโอกาสพูดไม่ได้ เดินมายังด้านหน้าสุดด้วยความอาลัยอาวรณ์ พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “พี่โยวเอ๋อร์ เหตุใดท่านจึงกลับเร็วเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้คุยกับท่านเลย”

 

 

ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน ดูเหมือนว่าเมิ่งชิงจะสูงขึ้นเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวของเขา พูดว่า “ครั้งนี้พี่กลับมาอยู่บ้านยี่สิบกว่าวันเลย หากเจ้ามีเวลาว่างเมื่อใดก็ไปหาพี่ได้”

 

 

เมิ่งชิงพยักหน้าอย่างดีใจ เดินไปส่งนางที่หน้าประตูอย่างเสียไม่ได้ มองดูพวกเขาเดินจากไป

 

 

เมื่อเดินถึงทางแยก เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งฉีว่า “พี่รอง เรื่องของพี่ใหญ่ได้คลี่คลายแล้ว เวลาก็ดึกแล้ว ท่านไม่ต้องเข้าไปดอก”

 

 

เมิ่งฉีประหลาดใจ อยากจะเอ่ยปากถาม เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อสั้นๆ ว่า “เรื่องง่ายเพียงนี้ พี่ใหญ่กลับถูกคนใส่ความได้ วันนี้ดึกแล้ว วันพรุ่งข้าจะอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด”

 

 

เมิ่งฉีไม่ถามให้มากความ พยักหน้า มองดูเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเอ้ออิ๋นเดินห่างออกไป จึงได้หันหลังกลับบ้านของตน

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าบ้านมา เมิ่งซื่อกำลังนั่งพูดกับเมิ่งเส้าอยู่ในห้อง พร้อมกับรอให้พวกเขากลับมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าเส้าเอ๋อร์อยู่ในห้อง จึงได้เม้มปาก จึงเอื้อมมือไปหาเขา ถามว่า “เส้าเอ๋อร์ อยากนอนกับอาหรือไม่”

 

 

เส้าเอ๋อร์รีบยกมือปฏิเสธ พูดด้วยเสียงน้อยๆ ว่า “ไม่ได้นะขอรับ ชายหญิงจะอยู่กันสองต่อสองมิได้นะขอรับ ท่านอาเป็นหญิง ข้าจะไปนอนกับท่านอาไม่ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะจนตัวงอ เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งซื่อเองก็หัวเราะเสียงดัง มีเพียงเส้าเอ๋อร์ที่เบิกตาโตสวยของตน มองพวกเขาอย่างงุนงง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าของเขา ลูบหัวของเขา ก้มลงจูบหน้าผากของเขาหนึ่งครั้ง “เจ้าเล่ห์เสียจริงนะเจ้า”

 

 

เส้าเอ๋อร์ลูบตรงที่ตนถูกจูบพร้อมยิ้มอย่างดีใจ

 

 

“แม่จัดการให้สาวใช้ทั้งสองไปพักผ่อนแล้ว เจ้าเองก็รีบไปผักผ่อนเถิด พักผ่อนให้เต็มที่ วันพรุ่งก็ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า” เมิ่งซื่อกล่าว

 

 

เดินทางมาสองวันเต็ม เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็รู้สึกเหนื่อย จึงพยักหน้าตอบรับ เมื่อกลับมายังห้องของตนเอง นอนลง ไม่นานก็ผลอยหลับไป

 

 

การนอนครั้งนี้ช่างสบายยิ่งนัก เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฟ้าก็สางแล้ว แสงแดดอ่อนๆ สาดเข้ามาผ่านผ้าม่าน เมิ่งเชี่ยนโยวยืดตัวบิดขี้เกียจ หยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่ด้านข้างมาสวมใส่

 

 

ชิงหลวนได้ยินเสียงในห้อง จึงถามอยู่ที่หน้าประตูว่า “เจ้านายตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบไปสั้นๆ ว่า “อื้ม”

 

 

ชิงหลวนเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นแล้ว จึงโล่งอก อยู่กับเจ้านายมานานหลายปี ยังไม่เคยเห็นนางตื่นสายเช่นนี้มาก่อน นางและจูหลีคิดว่าเจ้านางไม่สบายเสียแล้ว คิดว่าหากอีกครู่เจ้านายยังไม่ตื่นนอน นางจะเข้าไปดูเสียหน่อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังสวมเสื้อผ้า ไม่ได้สังเกตสีหน้าของนาง

 

 

จูหลีประคองอ่างล้างหน้าที่มีน้ำพร้อมไอร้อนลอยขึ้นมา พูดด้วยเสียงสดใจว่า “เจ้านายเจ้าคะ ล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด ฮูหยินบอกว่า อีกครู่อาหารก็เตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

เมื่อใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เดินไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากห้องไปยังห้องครัว เมื่อเห็นเมิ่งซื่อกำลังยุ่งอยู่ คนเดียว จึงได้ถามว่า “ซ้อยังไม่ตื่นหรือคะ”

 

 

เหตุที่เมิ่งเชี่ยนโยวต้องถามเช่นนี้ก็เพราตั้งแต่ที่ซุนเชี่ยนแต่งเข้ามาในบ้านก็จะตื่นแต่เช้า พาสาวใช้มาทำอาหารทุกวัน แทบจะไม่เคยให้เมิ่งซื่อต้องลงมือเองเลย

 

 

เมิ่งซื่อพลางหั่นผักดองเส้นพลางพูดว่า “คงจะเพราะว่าช่วงที่ผ่านมามีเรื่องรั่วหลานทำให้นอนไม่หลับ เมื่อคืนได้ฟังสิ่งที่เจ้าพูดแล้วสบายใจขึ้น วันนี้นอนมากหน่อยไม่เป็นไรดอก อีกครู่พวกเรากินกันก่อน ที่เหลือก็เอาไว้ในหม้อให้พวกเขา ตื่นเมื่อไรค่อยกิน”

 

 

ผักดองเส้นเหล่านี้เป็นเมิ่งเชี่ยนโยวเองที่ใช้เวลายามว่างลองผิดลองถูกทำออกมา รสชาติกรอบ สดใหม่ ไม่ได้กินมานานก็รู้สึกคิดถึงเข้าแล้ว นางเดินไปหาเมิ่งซื่อ อ้าปาก บ่งบอกว่าให้เมิ่งซื่อป้อนตน

 

 

เมิ่งซื่อหยิบผักดองเส้นเล็กขึ้นมา ป้อนไว้ในปากนาง ยิ้มและกล่าวว่า “อย่ากินมากไป มันจะเค็มเอาได้”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเจี๋ยพาเส้าเอ๋อร์ไปยังลานฝึกซ้อม เดาว่าเมิ่งซื่อคงจะทำอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสามจึงกลับมา เมิ่งซื่อบอกให้พวกเขาไปล้างหน้าล้างตา ตนนั้นก็วุ่นวายกับการเตรียมอาหารต่อไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็เข้ามาช่วย

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นว่าในห้องมีเพียงสองคนแม่ลูก จึงแปลกใจ และได้ถามว่า “สองสามีภรรยาบ้านเสียนเอ๋อร์เล่า”

 

 

เมิ่งซื่อไม่ได้ตอบเขาตรงๆ พูดว่า “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก เจ้ามากินข้าวเถิด”

 

 

“อ้อ” เมิ่งเอ้ออิ๋นกล่าว ไม่ได้ถามให้มากความ นั่งลงกินข้าว

 

 

ผ่านมื้ออาหารเมื่อวานมาแล้ว ชิงหลวนและจูหลีไม่รอให้ต้องขานเรียก นั่งลงบนที่นั่งของตนทันที

 

 

เมื่อกินข้าวเช้าไปแล้ว เมิ่งซื่อพักผ่อนอยู่ในครัว เมิ่งเชี่ยนโยวพาเมิ่งเจี๋ยและเส้าเอ๋อร์ไปยังห้องซีเซียง จัดเก็บของขวัญที่ได้มา แบ่งของฝากให้แต่ละคนตามรายการที่อี้เซวียนเขียนมาให้

 

 

ขณะที่ทั้งสามกำลังเก็บของอยู่นั้น มีเสียงดังขึ้นในลานว่าง “ท่านชายใหญ่อยู่หรือไม่”

 

 

เส้าเอ๋อร์อยู่ใกล้ประตูที่สุด เมื่อได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกมา เห็นว่ามีคนมา จึงตะโกนอย่างดีใจว่า “ท่านตา” และวิ่งไปยังผู้มาเยือนทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามออกมา เห็นซุนวั่งกำลังอุ้มเส้าเอ๋อร์อย่างมีความสุข มีบ่าวไพร่สองคนถือของอยู่ด้านหลัง

 

 

เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากห้องซีเซียง ซุนวั่งตกใจ สีหน้ามีท่าทีเปลี่ยนไป เมิ่งเชี่ยนโยวจึงกล่าวทักทายก่อน “ท่านพ่อของซ้อมาแล้วหรือเจ้าคะ”

 

 

สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของซุนวั่งหายไป ตอบว่า “อืม” เบาๆ

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและภรรยาได้ยินเสียงจึงได้รีบเดินออกมาจากห้อง ยิ้มต้อนรับซุนวั่ง “มาแล้วหรือ เข้ามานั่งด้านในก่อนสิ”

 

 

ซุนวั่งไม่มีรอช้า อุ้มเส้าเอ๋อร์เข้าไปในห้อง บ่าวไพร่ทั้งสองเดินถือของฝากตามเข้าไป รอจนทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว จึงได้นำของฝากมาวางบนโต๊ะ ทำความเคารพและถอยออกไป

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเทน้ำให้เขาด้วยตัวเอง วางไว้ตรงหน้าของซุนวั่ง ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ท่านมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ”

 

 

ซุนวั่งให้เส้าเอ๋อร์นั่งที่ตักของตน สีหน้าจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น พูดว่า “เมื่อวานหลังจากที่เชี่ยนเอ๋อร์กลับบ้านไปแล้วนั้น ข้าและพ่อเห็นว่านางซูบผอมไป สีหน้าอิดโรยถามนางว่าป่วยหรือไม่ นางว่าไม่เป็นอะไร ข้าไม่สบายใจ รอจนพวกเขากลับไปแล้วจึงได้ส่งคนไปสืบ จึงได้ทราบว่าลูกเขยคนดีของข้าทนความเหงาไม่ไหว จึงได้ไปรับเมียน้อยเข้าบ้านวันนี้ข้าก็จะมาถามว่าเชี่ยนเอ๋อร์ไม่ดีที่ใดหรือ จึงได้ทำให้เมิ่งเสียนทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้”

 

 

ซุนวั่งแม้ว่าจะดูเป็นคนเสเพล แต่ในเรื่องนี้กลับไม่มีที่ติ หลายปีมานี้แม้ว่าจะดัดนิสัยยากเพียงไร แต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะรับเมียน้อยเข้าบ้านเลย ดังนั้นหลังจากที่ส่งคนไปสืบแล้ว รู้ว่าเมิ่งเสียนแอบรับเมียน้อยมา จึงโกรธมาก นอนไม่หลับทั้งคืน ไปหาซุนซ่านเหรินตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อบอกว่าตนจะมาถามเมิ่งเสียนให้รู้ความ

 

 

ซุนซ่านเหรินมีสติ คิดว่าดูจากพฤติกรรมของเมิ่งเสียนแล้ว ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้โดยไร้เหตุผลเป็นแน่ แต่เขาไม่วางใจ จึงได้อนุญาตให้เขามาที่นี่ แต่ก็ได้กำชับให้เขาระวังกิริยาเอาไว้ อย่ามาถึงจวนเมิ่งก็เริ่มโวยวาย ซุนวั่งจึงได้เตรียมของฝากมาด้วย

 

 

เมื่อได้ยินเขาถามเช่นนี้ เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งซื่อกลัวจนลนลาน ต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี

 

 

หลังจากที่ซุนเชี่ยนแต่งเข้ามาในบ้าน ก็ขยันขันแข็ง ทั้งดูแลบ้าน ทั้งจัดการเรื่องโรงงาน โดยเฉพาะให้กำเนิดเส้าเอ๋อร์ออกมา ไม่ว่าจะข้อใดก็ทำได้ดีทั้งสิ้น เมิ่งเสียนไม่เหตุผลที่จะต้องรับเมียน้อยเข้าบ้าน แต่เรื่องนี้เองก็มีที่มาที่ไป แต่ก็ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจโดยง่าย

 

 

เมื่อเห็นพวกเขาไม่พูดไม่จา สีหน้าของซุนวั่งก็จริงจังขึ้น พูดว่า “ที่พวกท่านไม่พูดหมายความว่าอย่างไร”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร กลัวจนเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้อง ยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อของซ้อเจ้าคะ เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น รอผ่านตรุษจีนไปแล้ว พวกเราจะไล่นางออกไปจากบ้านเองเจ้าค่ะ”