บทที่ 2242+2243

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2242 เขาไม่กลับมาเลยทั้งคืน…

เขามีฝีมือถึงเพียงนั้น น่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ กระมัง?

เธอมองฝ่ามือตัวเอง ยามนั้นซัดฝ่ามือใส่เขาไปทีหนึ่ง ทำให้เขาเซถอยไปหลายก้าว

ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง แต่ฝ่ามือนี้ก็ไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ต่อให้ซัดใส่ร่างชุนเฉา ก็ทำอันตรายนางจริงๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่กระเด็นออกไป จมูกช้ำหน้าบวม…

วรยุทธ์ของตี้ฝูอีเหนือล้ำกว่าเธอมาก ฝ่ามือนี้ก็เป็นเพียงหยาดฝนปรอยๆ กระมัง? ไม่มีทางทำร้ายเขาได้…

เขาไม่กลับมาน่าจะไปหาที่อื่นพักผ่อนแล้วจริงๆ

ทำให้เธอต้องวิ่งวุ่นไปมาทั้งคืนเหมือนคนโง่…

กู้ซีจิ่วเสยผมที่ที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากเธอขึ้น ในยามนี้เธอถึงได้พบว่าร่างกายตนยังเปียกชุ่มอยู่ ประหนึ่งลูกนกตกน้ำ

เธอท่องอาคม จรดนิ้วร่าย คิดจะใช้พลังวิญญาณอบร่างให้แห้ง แต่ถึงอย่างไรก็วิ่งวุ่นอยู่ทั้งคืน ร่างกายอ่อนล้าอย่างยิ่ง ใช้พลังวิญญาณไม่ได้ชั่วขณะ

เธอลุกขึ้นยืน กลับไปที่ห้องของตัวเอง ถอดเสื้อผ้าเปียกชุ่มออก เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน

จู่ๆ คล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ เคลื่อนย้ายกลับไปที่ห้องของที่ตี้ฝูอีอีกครั้ง เห็นว่าจุดที่ตนเคยนั่งเปียกโชกอยู่จริงๆ

หากเขากลับมาตอนนี้ ต้องมองออกแน่ว่าเธอเคยมา และมองออกว่าเธอเคยลุยฝนเพื่อตามหาเขา…

เธอเม้มปาก คิดจะทำความสะอาดเก้าอี้ตัวนั้นให้อยู่กลับสู่สภาพเดิมตามสัญชาตญาณ ไม่อยากให้เขามองออกว่าเธอเป็นห่วง!

แต่พอยกมือขึ้น ก็ฉุกใจขึ้นมาอีกครั้ง ตัดสินใจในทันใด ทำให้ข้าวของในห้องเขารกเละเทะกว่าเดิมเสียเลย ถึงได้หมุนกายจากไป

ตี้ฝูอีเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หากเขากลับมาเห็นว่าห้องของตนรุงรังเช่นนี้ จะต้องรีบเก็บกวาดอย่างรวดเร็วเป็นแน่…

….

กู้ซีจิ่วไม่ได้นอนทั้งคืน ยามที่ฟ้าใกล้สางแล้วถึงได้งีบไปเล็กน้อย

ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟ้าด้านนอกก็สว่างจ้าแล้ว แสงตะวันส่องเข้ามา แยงตาเธอจนปวด

เธอลุกจากเตียงด้วยรอยคล้ำสองวงที่ใต้ตา รู้สึกว่าสมองพร่าเบลออยู่บ้าง จึงขยี้ตาอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ทำให้สดชื่นขึ้นเล็กน้อย เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวจากข้างห้องก่อน ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว

เธอเคลื่อนย้ายเข้าไปอีกครั้ง พบว่าภายในห้องยังคงรกรุงรัง ตอนเธอจากไปเมื่อคืนเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เขาไม่กลับมาเลยทั้งคืน…

….

ขณะที่อวิ๋นเยียนกำลังหลับฝันดีอยู่ ก็ถูกเสียงเคาะประตูอย่างร้อนรนปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขาลุกไปเปิดประตู ผู้ที่ยืนอยู่นอกประตูคือกู้ซีจิ่วที่ค่อนข้างระโหยโรยแรง ใบหน้าซีดเซียว

“คุณชายอวิ๋น เจ้าช่วยข้าตามหาเขาอีกทีได้ไหม?”

กู้ซีจิ่วเข้าประเด็นทันที

อวิ๋นเยียนหลีเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ คล้ายยังสะลึมสะลืออยู่บ้าง

“เขา? ใครล่ะ?”

กู้ซีจิ่วเม้มปากบางนิดๆ

“ตี้ฝูอี”

อวิ๋นเยียนหลีเงียบไปแล้ว

มิใช่ว่าเจ้าตัดขาดกับตี้ฝูอีอย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงจะตามหาเขาอีก?

นี่เป็นคำถามที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของอวิ๋นเยียนหลี ถึงแม้เขาจะไม่ได้ถามออกมาตรงๆ แต่สีหน้าก็ชัดเจนจนไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว

ดวงตากู้ซีจิ่วฉายแววจนตรอกแวบหนึ่ง สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง คล้ายจะอธิบายกับอวิ๋นเยียนหลี และคล้ายจะปลอบใจตัวเอง

“ถึงแม้เขาจะทำเรื่องที่ผิดต่อข้า และข้ากับเขาก็เลิกกันแล้ว…แต่ความผิดก็ส่วนความผิด เขาเคยช่วยข้ามากมาย ทนเห็นเขาประสบเหตุเหนือความคาดหมายอันใดไม่ได้ ข้าแค่อยากหาเขาให้พบ ยืนยันว่าเขายังปลอดภัยดี เจ้าใช้วิชาสืบรอยของเจ้าช่วยข้าตามหาเขาหน่อย…”

เธอไม่มีวิธีแล้วจริงๆ!

ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อไม่ได้ หาคนก็หาไม่พบ…

ตี้ฝูอีไม่เป็นวิชาเคลื่อนย้าย เขาเข้าออกเมืองหากไม่ใช่เวทวิชาที่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่ง ก็ต้องผ่านประตูเมือง คราแรกที่เขาออกไปก็ออกไปผ่านประตูเมืองแห่งนั้นเช่นกัน เธอวิ่งไปสอบถามที่ประตูเมืองมาแล้ว เจ้าพนักงานเมืองคนใหม่ที่มาประจำการที่นั่นบอกว่าเห็นเขาออกจากเมืองไปเพียงตอนค่ำเมื่อวาน ไม่เห็นเขากลับเข้าเมือง

————————————————————————————-

บทที่ 2243 เจ้าไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ?

แต่กู้ซีจิ่วยังคงโอบกอดความหวังอันน้อยนิดไว้ เนื่องจากที่ประตูจะปิดลงในยามห้ายของทุกคืนอย่างตรงเวลา ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้าออก

และเมื่อวานยามกลับเมืองกู้ซีจิ่วได้ใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาอวิ๋นเยียนหลีมา เข้าเมืองมาโดยตรง ยามนั้นเป็นยามห้ายแล้ว ปะตูเมืองปิดไปแล้ว

ถ้าตี้ฝูอีเข้าเมืองมาทีหลัง ไม่สามารถผ่านเข้ามาทางประตูได้แน่ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใช้เวทวิชาอันใดเข้ามา…

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจ ตระเวนหาไปตามโรงเตี๊ยมชั้นดีน้อยใหญ่ทั้งหมดภายในเมืองดูรอบหนึ่ง ผลคือคว้าน้ำเหลว ไม่มีร่องรอยของเขาเลยสักนิด

เธอจนปัญญาแล้วจริงๆ ทำได้เพียงมาขอความช่วยเหลือจากอวิ๋นเยียนหลี…

อวิ๋นเยียนหลีมองหยาดเหงื่อที่ผุดซึมบนหน้าผากนาง จากนั้นก็มองรอยคล้ำรอบดวงตานาง

“เจ้าไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ? ตามหาเขาอยู่ตลอดใช่ไหม?”

“เปล่าหรอก งีบไปตื่นหนึ่งแล้ว”

ตื่นเดียวจริงๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม

อวิ๋นเยียนหลีพลันยื่นมือออกมา จับมือเธอไว้ทันที

เธอขมวดคิ้วทันที คิดจะชักกลับตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกอวิ๋นเยียนหลีจับไว้แน่น!

ฝ่ามือนางร้อนปานไฟลวก ทว่าปลายนิ้วกลับเย็นเฉียบ ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีเยียบเย็นลงเล็กน้อย

“ซีจิ่ว เจ้าเป็นไข้แล้ว!”

“หือ?”

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ชักมือตนกลับมาได้แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ผงะไปแวบหนึ่ง ยกมือขึ้นทาบหน้าผากตนตามสัญชาตญาณ

หน้าผอกร้อนลวกยิ่งนัก เป็นไข้แล้วจริงๆ!

มิน่าล่ะเมื่อเช้าตอนเธอตื่นถึงรู้สึกว่าสมองพร่าเบลอ หัวหนักอึ้งแข้งขาอ่อนอยู่บ้าง แขนขาก็ปวดชาอย่างยิ่ง เธอนึกว่าตัวเองเหนื่อยล้าเกินไป เพราะร้อนใจอยากตามหาคน เธอจึงไม่ได้ใส่ใจ ยามนี้พอถูกอวิ๋นเยียนหลีทัก ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวแล้ว

เห็นทีว่าการตากฝนทั้งคืนเธอจะไม่ได้เปียกเฉยๆ แล้ว ยังเป็นหวัดด้วย…

เธอล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อตามสัญชาตญาณ คิดจะล้วงยาออกมารักษาตัวเอง

แต่มือที่ยื่นเข้าไปในแขนเสื้อกลับหยิบอะไรออกมาไม่ได้เลย ยาของเธอล้วนเป็นตี้ฝูอีที่มอบให้เธอ อยู่ในถุงเก็บของใบนั้น

เมื่อคืนเธอตัดสัมพันธ์กับตี้ฝูอี โยนถุงเก็บของใบนั้นคืนให้เขาแล้ว…

ตอนนี้เธอไม่มียาติดตัวเลยสักเม็ด

ช่างเถอะ แค่เป็นหวัดเท่านั้น ไม่ถึงตายหรอก ด้วยสภาพร่างกายของเธอ อดทนสักพักก็ผ่านไปแล้ว

เธอเงยหน้าขึ้น หมายจะพูดอะไร จู่ๆ ก็ถูกอวิ๋นเยียนหลีฉวยข้อมือเธอไว้

“เจ้าตามข้ามา!”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอไม่ค่อยชอบแตะเนื้อต้องตัวคนอื่น สะบัดออกตามสัญชาตญาณ

“เจ้าจะทำอะไร?”

“เจ้าเป็นหวัดร้ายแรง จะต้องรับการรักษาโดยด่วน”

มือของอวิ๋นเยียนหลีทรงพลังนัก กู้ซีจิ่วสะบัดไม่หลุดชั่วขณะ ถูกเขาลากเข้าไปในห้อง

เรือนนี้เดิมทีเป็นที่พักของคนที่ยากจนข้นแค้นที่สุดในเมืองนี้ ทั้งสกปรกทั้งรกรุงรัง แต่เมื่ออวิ๋นเยียนหลีพักผ่อนที่นี่คืนหนึ่ง ก็เก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยมแล้ว

อวิ๋นเยียนหลีหยิบม้านั่งตัวหนึ่งออกมาให้เธอนั่ง หยิบจอกเครื่องเคลือบเนื้อใสใบหนึ่งออกมาจากร่าง รินน้ำร้อนใส่จนเต็มจอก จากนั้นก็ยื่นโอสถสองเม็ดมาให้ถึงมือกู้ซีจิ่ว

“โอสถนี้รักษาโรคหวัดได้ เจ้ากินเถอะ”

กู้ซีจิ่วหลุบตามองโอสถในมือ ใจเต้นแรงนิดๆ!

ตี้ฝูอีก็เคยมอบโอสถเช่นนี้ให้เธอเหมือนกัน บอกว่าเป็นยาที่เธอหลอมขึ้นเองตอนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบน…

โอสถทั้งสองราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสีสันขนาดกลิ่นอายล้วนเหมือนกันทุกอย่าง

กู้ซีจิ่วช้อนตามองอวิ๋นเหยียนหลี อวิ๋นเหยียนหลียิ้มน้อยๆ

“รู้สึกคุ้นเคยกับโอสถนี้สินะ? ซีจิ่ว นี่เป็นโอสถที่เจ้าเคยหลอมไง ปีนั้นตอนที่เจ้าอยู่ดินแดนเบื้องบนเจ้ามอบให้ข้าตอนเราออกผจญภัยด้วยกัน รักษาโรคหวัดได้ชะงัดนัก…”

กู้ซีจิ่วมีสัมผัสเฉียบไวต่อตัวยามาตั้งแต่กำเนิด เธอหยิบโอสถนั้นขึ้นมาดมเล็กน้อย ก็รู้แล้วว่านี่เป็นชนิดเดียวกันกับโอสถนั้นที่ตี้ฝูอีมอบให้เธอ ถึงขั้นที่เป็นชุดเดียวด้วย…