ตอนที่ 448 ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว / ตอนที่ 449 เธอเป็นใครกันแน่

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 448 ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว 

 

 

หลี่ห้าวหมิงได้แต่มองตาปริบๆ ดูมั่วเวิ่นพาอีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ผละไป ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม 

 

 

“ศิษย์พี่ เรายังจะออกไปไหม?” พวกเขาที่ศึกษาอยู่บนเขาสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย จัดการเวลาว่างด้วยตนเอง แน่นอนว่าการเข้าออกสำนักแพทย์โบราณนั้นต้องอาศัยเดินเท้าเท่านั้น 

 

 

“ไป” หลี่ห้าวหมิงดึงสายตากลับ ยังรู้สึกไม่ยอมรับ สีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว หรือพูดต่อว่า จะทำอย่างได้ ใครใช้ให้มั่วเวิ่นมีฐานะสูงเช่นนั้น คนเป็นศิษย์ไหนเลยจะกล้าผิดใจด้วย 

 

 

แม้แต่กับเฟิงฉี่ ปกติหลี่ห้าวหมิง ก็แค่พูดแหย่เล่นเท่านั้น ไม่กล้าทำอะไรจริงจัง 

 

 

ไม่ช้ามั่วเวิ่นก็พาเฟิงฉี่และอีลั่วเสวี่ยมาตึกสูงหลังหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าบนเขาจะสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยระดับแนวหน้า 

 

 

ยังแยกเป็นตึกห้องทดลองกับตึกเรียน คิดแล้วพวกเขาไม่ได้ปิดตัวเองจากโลกภายนอก มีระบบการศึกษาและแนวคิดเป็นของตัวเอง 

 

 

มั่วเวิ่นไม่ได้พาพวกเขาไปที่ตึกห้องทดลองและตึกเรียน แต่อ้อมตึกเรียนไปยังตึกที่ดูเหมือนบ้านพักอาจารย์ บอกว่าเป็นหอพัก แต่ดูแล้วยังมีระดับกว่าตึกหลังอื่น เป็นแบบอพาร์ทเมนต์ 

 

 

มั่วเวิ่นใช้วิธีสแกนนิ้วมือเปิดประตูห้องแล้วเชิญอีลั่วเสวี่ยเขาไป เป็นห้องชุดแบบสองชั้น ชั้นล่างมองเข้าไปเป็นวัสดุที่ใช้ในการทดลอง ในอากาศอบอวลบไปด้วยกลิ่นสมุนไพร 

 

 

ส่วนชั้นสองมีทั้งห้องครัวและห้องน้ำพร้อม ตกแต่งหรูมาก 

 

 

“ยายหนู ขึ้นชั้นบน ไปนั่งพักก่อน นั่งตามสบาย” มั่วเวิ่นยิ้มสีหน้าอ่อนโยน แล้วเรียกอีลั่วเสวี่ยเดินเข้าไปด้านใน แล้วหันมาถลึงตาใส่เฟิงฉี่ซึ่งกำลังถอดรองเท้า “เจ้าไปเทน้ำ” 

 

 

มุมปากเฟิงฉี่กระตุก แล้วไปเทน้ำชาเงียบๆ ใครๆ ก็เห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิง แต่ทำไมอาจารย์เขาถึงได้กลับกัน หรือว่าอาจารย์อยู่คนละระดับกับคนอื่นๆ 

 

 

“ขอบคุณผู้อาวุโส” อีลั่วเสวี่ยนั่งลงตรงข้ามกับมั่วเวิ่น จากนั้นจึงดื่มชา คุยเรื่องราวระหว่างเดินทางเล็กน้อย สุดท้ายเธอจึงเข้าเรื่องเลย บอกจุดหมายในการเดินทางมาครั้งนี้ของตน 

 

 

“ผู้อาวุโส ท่านคงรู้เจตนาที่ฉันมาครั้งนี้แล้ว ขอดูส่วนประกอบของยาที่ท่านใช้หลอมยาให้เฉวียนหมิงครั้งก่อนได้ไหมคะ?” ถ้าทำความเข้าใจได้เร็วก็จะสามารถหลอมยาได้เร็วขึ้น ช่วยให้เฉวียนหมิงหายเป็นปกติ 

 

 

มั่วเวิ่นยิ้ม “ยายหนู ใจร้อนจริง อย่าใจร้อน ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว ดูเถอะ” เขาดึงเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะชา ยื่นให้เธอ 

 

 

นี่เป็นส่วนประกอบของยาที่ใช้หลอมยาให้เฉวียนหมิง บอกปริมาณที่ใช้ด้วย ยังกล่าวถึงใช้รักษาอะไร มีผลอะไรตามมา รวมทั้งผลข้างเคียงจากการใช้ยาและการคาดการณ์ผลการรักษา 

 

 

อีลั่วเสวี่ยอ่านข้อมูลในเอกสารอย่างละเอียด ลูกบอลเงินซึ่งอยู่ข้างไหล่เธอทำการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ทั้งยังลองวิเคราะห์ด้วย 

 

 

อีลั่วเสวี่ยอ่านจบก็ปิดเอกสาร แล้วถอนหายใจเบาๆ “ท่านผู้อาวุโสทุ่มเทจิตใจมาก มีความสามารถในการใช้ยาสูงส่งเช่นนี้ ท่านเป็นคนที่เก่งที่สุดที่ฉันเคยพบบนโลกนี้” ไม่เสียทีที่เป็นคนเก่งซึ่งเป็นผู้สืบทอดของสำนักแพทย์โบราณ ไม่ใช่แค่ชูป้ายแพทย์แผนจีนใช้อวดอ้างเท่านั้น 

 

 

มั่วเวิ่นมีรอยยิ้มทีเปี่ยมด้วยเมตตา “แม่หนูชมเกินไปแล้ว ฉันก็แค่พยายามเต็มที่ อีกอย่างที่สามารถช่วยเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ เท่ากับได้ใช้วิชาแพทย์ของฉันให้เป็นประโยชน์ แต่เธอบอกว่าจะหลอมยาให้เขาอีก ฉันกลับไม่เห็นด้วย” 

 

 

ยาที่เขาใช้ บางตัวหายามาก อีกทั้งหลังจากใช้แล้วไม่สามารถใช้ครั้งที่สองอีก เพราะไม่เพียงฤทธิ์ยาจะด้อยลง ทั้งไม่แน่ว่าจะออกฤทธิ์ต่อเฉวียนหมิงได้ นั่นก็คือเขาอาจจะดื้อยาแล้ว ต่อให้เพิ่มปริมาณยาก็ไม่แน่ว่าจะได้ผล 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 449 เธอเป็นใครกันแน่ 

 

 

“อาจารย์ เป็นเพราะอะไรครับ โอสถทิพย์ไม่ใช่จะใช้ได้แค่ครั้งเดียว” เฟิงฉี่ถามด้วยความสงสัยแม้จะบอกว่าโอสถทิพย์ไม่ใช่ทุกคนจะทนกับฤทธิ์ยาได้ แต่โลกนี้ก็มีคนไม่น้อยที่เคยกิน และล้วนกินเม็ดที่สองได้ 

 

 

ยิ่งกว่านั้นยังทำขึ้นจากมือของอาจารย์ตน มีการควบคุมการออกฤทธิ์ของยา ตามเหตุผลแล้วถ้าควบคุมได้ก็น่าจะใช้ได้อีกจึงจะถูก 

 

 

มั่วเวิ่นมองอีลั่วเสวี่ยแล้วถอนหายใจ “ยายหนู ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่โลกเราสมัยนี้เธอย่อมรู้ดี นอกจากไอทิพย์จะเบาบางมากแล้ว การพัฒนาของเทคโนโลยีและการบุกเบิกของมนุษย์ ทำให้สถานที่ที่เดิมไม่ควรมีมนุษย์มาแปดเปื้อนก็มีเท้าย่ำมาถึงแล้ว 

 

 

เพราะสาเหตุดังกล่าวทำให้สมุนไพรหลายชนิดที่มีสรรพคุณทางยาสูงกลายเป็นของหายากแล้ว ต่อให้คนนำมาเพาะเลี้ยงก็ต้องใช้เวลา เฉวียนหมิงรอถึงตอนนั้นไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นสมุนไพรบางอย่างก็สูญพันธุ์ไปแล้ว” 

 

 

ต่อให้สมุนไพรเหล่านี้ยังไมสูญพันธุ์ แต่ปัจจุบันจะมีใครมีระดับความรู้ด้านการแพทย์สูงถึงระดับที่รู้ว่าจะใช้ยาอะไรรักษาอาการของเฉวียนหมิงได้ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยกลอกตารอบหนึ่ง “ฉันดูการวิเคราะห์ยาแล้ว ยังได้อ่านที่ผู้อาวุโสสรุปการรักษาเฉวียนหมิง ถ้าต้องการรักษาอาการป่วยของเฉวียนหมิง จุดสำคัญคือต้องคิดหาวิธีที่ทำให้ประสาทที่เสื่อมของเขาฟื้นชีวิตขึ้นใหม่ ใช่ไหมคะ?” 

 

 

นี่เป็นข้อสรุปง่ายๆ โรคของเฉวียนหมิงเป็นโรคที่หายากมาก สาเหตุสำคัญเกิดจากเส้นประสาทเ**่ยวเฉา เหมือนต้นไม้ที่เ**่ยวเฉา ค่อยๆ สูญพลังชีวิต ที่พวกเขาต้องทำคือการยับยั้งและทำให้เส้นประสาทเหล่านี้ฟื้นชีวิตขึ้นใหม่ ให้เติบโตอย่างเป็นปกติ 

 

 

มั่วเวิ่นแปลกใจเล็กน้อยหลังจากฟังที่อีลั่วเสวี่ยพูด “ฟื้นชีวิตใหม่ เรื่องนี้ถูกต้อง แต่ระดับการแพทย์ในปัจจุบันยังทำไม่ได้ ระดับการแพทย์ในการรักษาระบบประสาทยังก้าวไปไม่ถึงระดับนั้น” 

 

 

“เรื่องนี้ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ฉันสามารถหาสมุนไพรเหล่านั้นได้” แน่นอนว่าเธอคำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว โลกใบนี้ไม่มีตัวยาดังกล่าว แต่เธอสามารถหาได้ 

 

 

“โลกนี้มีวิธีรักษาที่ทำให้ประสาทฟื้นชีวิตคืนหรือ คุณอย่าพูดเล่น” เฟิงฉี่พูด เขาไม่เชื่อว่าทำได้ แม้แต่มั่วเวิ่นก็มองอีลั่วเสวี่ยด้วยสีหน้าคลางใจ เด็กสาวคนนี้คุญโม้คำโต เธอจะมีสมุนไพรเหล่านั้นหรือ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเห็นท่าทางทั้งคู่ไม่เชื่อ แต่ไม่อยากอธิบายอะไรมาก แล้วหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเป้ เป็นสมุนไพรทิพย์ที่ยังมีชีวิตต้นหนึ่ง บนนั้นมีไอทิพย์ลอยอยู่จางๆ 

 

 

สำหรับคนทั่วไปแล้วจะคิดว่านี่เป็นแค่ต้นไม้ธรรมดาๆ ไม่ใช่สมุนไพรอะไร แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรอย่างมั่วเวิ่นและเฟิงฉี่แล้ว มองแวบเดียวก็เห็นว่าสมุนไพรทิพย์ต้นนี้มีไอทิพย์เข้มข้น 

 

 

“สมุนไพรที่ไอทิพย์เข้มข้นอย่างนี้ ฉันไม่ได้ดูผิดนะ” มั่วเวิ่นพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับรับกล่องจากอีลั่วเสวี่ย แล้วมองพิจารณาอย่างละเอียด แต่ก็ยังดูไม่ออกว่าเป็นต้นสมุนไพรอะไร เขาถึงกับไม่รู้ว่ามันเป็นต้นไม้อะไร 

 

 

อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “ถูกแล้ว นี่เป็นสมุนไพร มันมีสรรพคุณช่วยให้ประสาทฟื้นชีวิตขึ้นได้และบำรุงเลือด” ในโลกของพวกเธอ ใช้สมุรไพรทิพย์ชนิดนี้หลอมโอสถเพื่อกระตุ้นเลือดและปลุกชีวิต 

 

 

ขอเพียงยังมีลมหายใจเหลืออยู่ จะสามารถช่วยให้รอดชีวิตได้ ยังช่วยต่อเส้นประสาทที่ฉีกขาดในบาดแผล ช่วงชิงเวลาเพื่อทำการรักษา 

 

 

มั่วเวิ่นยังคงสงสัย แล้วหยิบกรรไกรบนโต๊ะมา ตัดข้อเล็กๆ วิ่งลงไปชั้นล่างเริ่มทำการทดลอง 

 

 

เขายังเลี้ยสัตว์หลายตัวที่มีอาการโรคเหมือนเฉวียนหมิงเพื่อใช้ค้นคว้าโรคนี้โดยตรง มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าหนูและที่โตอย่างวัวและแกะ เฟิงฉี่เห็นอาจารย์ของตนลงไปก็รีบตามไปเป็นผู้ช่วย