จงซีจือเป็นคนระดับใด?
นางมีความลับมากมาย ทั้งความลับนั้นยังสลับซับซ้อนอย่างมาก
หลายครั้งที่ความลับได้รับการคลี่คลายแล้ว ทว่าความลึกลับอีกด้านหนึ่งก็ปรากฏออกมาให้เห็น
ตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงรุ่งสาง ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาต่างไม่พูดอันใด ทว่าภายในใจของคนทั้งสองกลับรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดหลับลง
จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง ซูจิ่นซีสัมผัสได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของนางจากทางด้านหลัง นางรู้ว่าเยี่ยโยวเหยาใช้พลังภายในเพื่อช่วยให้นางนอนหลับ เปลือกตาทั้งสองข้างพลันหนักอึ้ง และนางก็ผล็อยหลับไป
ซูจิ่นซีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นช่วงบ่ายของวันถัดไปแล้ว
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อตื่นขึ้นมา ภายในใจของนางกลับรู้สึกว่างเปล่า นางหันหลังกลับไปมองทันที ผ้าห่มเย็นเฉียบถูกพับเรียบร้อย เยี่ยโยวเหยาไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาจากไปนานแล้ว
ซูจิ่นซีลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดสิ่งใดจึงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ หลังจากสงบนิ่งเป็นเวลานาน ซูจิ่นซีจึงลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า และเดินออกไปจากห้อง
เมื่อผลักประตูออกไป JX3 ก็เตรียมสำรับอาหารไว้ให้นางแล้ว
“กระหม่อมคำนับพระชายา! ”
ซูจิ่นซีเห็นกล่องอาหารในมือของ JX3 จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันเรื่องอันใด? ”
“ทูลพระชายา ของสิ่งนี้ ฉีอ๋องนำมาส่งเมื่อคืนวาน ทั้งยังเตรียมให้พระชายากับท่านอ๋องคนละชุดพ่ะย่ะค่ะ! ”
เตรียมให้นางกับเยี่ยโยวเหยาคนละชุดหรือ?
เมื่อนึกถึงมู่หรงฉี เขาไม่เพียงเห็นรอยช้ำสีแดงก่ำบนลำคอของนางเมื่อวาน ทั้งยังคาดเดาว่าเยี่ยโยวเหยาอยู่กับนางอีกด้วย แก้มและลำคอของซูจิ่นซีพลันแดงระเรื่อ
นางรับกล่องอาหารมาเปิดดู ด้านในเป็นขนมและผลไม้สด
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า มีของข้าและท่านอ๋องอย่างละชุดมิใช่หรือ? แล้วอีกชุดอยู่ที่ใด? ”
“ทูลพระชายา อีกชุดหนึ่ง กระหม่อมมอบให้ท่านอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทั้งท่านอ๋องยังเสวยจนหมด! ”
รวดเร็วถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้
ดูแล้ว ความคิดของมู่หรงฉี เยี่ยโยวเหยาก็คงทราบเช่นกัน
“ท่านอ๋องอยู่ที่ใด? ” ซูจิ่นซีถามอีกครั้ง
“ท่านอ๋องเดินทางกลับชายแดนแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋น ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างพ่ะย่ะค่ะ! ”
กลับไปแล้วหรือ?
อย่างไรก็ตาม หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็จับประเด็นสำคัญในคำพูดของ JX3 ได้
“ท่านอ๋องเดินทางไปชายแดนแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋นหรือ? เขาบอกว่ากลับไปแคว้นซีอวิ๋นมิใช่หรือ? แคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋นทำสงครามกันหรือ? ”
แววตาของJX3 ปรากฏความชื่นชมแกมประหลาดใจ
พระชายาร้ายกาจยิ่งนัก
ท่านอ๋องไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนาง พวกเขาเหล่าองครักษ์ข้างกายก็ไม่เคยแสดงพิรุธให้เห็น ไม่คิดว่าพระชายาจะจับประเด็นในคำพูดของเขา และสามารถคาดเดาได้ว่าแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋นทำสงครามกันแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา! ” JX3 ตอบตามความเป็นจริง
ซูจิ่นซีพลันรู้สึกตกใจ ราวกับมีบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอ คล้ายก้อนสำลีอุดหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก ครู่หนึ่ง นางจึงสามารถหายใจได้สะดวกขึ้น
นางยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าเริ่มซีดขาว กระทั่ง JX3 ยังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของนาง
“พระชายา พระองค์ทรงเป็นอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
แววตาของซูจิ่นซีแสดงออกอย่างตื่นตระหนก นางหันไปมอง JX3 “ไม่มีอันใด ทาง JX1 และ JX2 มีความคืบหน้าอันใดบ้าง? ”
“พวกเขายังไม่กลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
“หากพวกเขากลับมาแล้ว ให้เข้ามาหาข้าทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ซูจิ่นซีหันหลังเดินเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอันใด
JX3 ที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังจะหลบซ่อนตัวในเงามืด ทันใดนั้น เขาก็คิดอันใดขึ้นมาได้จึงรีบพูดขึ้นว่า “พระชายา ก่อนที่ท่านอ๋องจะเสด็จกลับไป พระองค์ได้ฝากคำพูดให้กระหม่อมมาทูลพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ”
“เรื่องอันใด! ” ซูจิ่นซีหยุดชะงัก ทว่าไม่ได้หันกลับมา
“ท่านอ๋องทูลว่า พระชายาอย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อดอกเหอฮวานเบ่งบาน จิ่นซีจะกลับไปหาท่าน
ทั้งสองตกลงกันว่าให้เวลาเพียงหนึ่งเดือน รอจนดอกเหอฮวานเบ่งบาน นางจะจัดการปัญหาที่แคว้นหนานหลีให้เสร็จสิ้น และกลับไปหาเขา คำสัญญานี้ นางจะลืมได้อย่างไร?
ท่านอ๋องทรงรักใคร่อย่างลึกซึ้ง จิ่นซีไม่มีทางผิดสัญญา และไม่กล้าทำให้ท่านอ๋องต้องเสียพระทัย
ซูจิ่นซีไม่ตอบอันใด ทว่าเมื่อเดินเข้าไปในห้องและปิดประตู นางกลับพิงกรอบประตูอยู่นานโดยไม่ขยับเขยื้อน
ลมหายใจบริเวณหน้าอกยังคงติดขัด
ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น แต่เป็นเพราะนางเข้าใจความคิดของเยี่ยโยวเหยาเป็นอย่างดี
แม้นางจะไม่เข้าใจรายละเอียดการต่อรองระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋น ทว่านางเข้าใจเป็นอย่างดี หากเยี่ยโยวเหยาอภิเษกกับหนานกงลั่วอวิ๋น สงครามระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋นจะไม่มีทางเกิดขึ้น
อย่างน้อยก็ไม่เกิดสงครามรวดเร็วถึงเพียงนี้
เยี่ยเซิน รัชทายาทแคว้นจงหนิงเดินทัพนำกองกำลังส่วนหนึ่งเข้าสวามิภักดิ์ต่อแคว้นไหวเจียง ฮั่วซื่อสมคบคิดกับศัตรูสร้างความวุ่นวาย แม้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากในราชสำนักต่างสนับสนุนเยี่ยโยวเหยา ทว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นจงหนิงยังอยู่ กลุ่มคนในราชสำนักที่อยู่ฝ่ายฮ่องเต้ก็ยังคงอยู่ บัดนี้ เยี่ยโยวเหยาเพียงนั่งบัญชาการในนามบุตรแห่งสวรรค์เท่านั้น ทว่าการปกครองราชสำนักยังไม่ราบรื่นดีนัก
ยามนี้ เรื่องภายในยังไม่ทันสงบ ทั้งไม่ใช่เวลามาก่อสงครามกับแคว้นภายนอก
อย่างไรก็ตาม สงครามได้ปะทุขึ้นแล้ว หากไม่เกิดศึกสงคราม เยี่ยโยวเหยาก็ต้องยอมทำตามแคว้นซีอวิ๋น จัดงานอภิเษกกับหนานกงลั่วอวิ๋นเพื่อปรองดองกับแคว้นซีอวิ๋น
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ และเปิดประตูออกไปอีกครั้ง
“JX3! ”
JX3 รีบปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าซูจิ่นซี
“เจ้ารู้สถานการณ์ระหว่างแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋น มากน้อยเพียงใด? ”
“กระหม่อม… ” JX3 ลังเลที่จะพูด ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบ ซูจิ่นซีก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า “หากไม่รู้ก็ไปสืบมา จากนั้น พวกเจ้าทั้งสี่คนก็เขียนรายงานในสิ่งที่สืบทราบมา และส่งมาให้ข้าดูทันที รีบด้วย! ”
ซูจิ่นซีรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นซีอวิ๋นกับเยี่ยโยวเหยาซึ่งเป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ต้องมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
จะว่าไป เหล่าJXทั้งสี่ก็เคยเป็นองครักษ์เงาระดับสูงในวิหารวิญญาณ ทั้งยังเคยอยู่ข้างกายเยี่ยโยวเหยามาก่อน สำหรับสถานการณ์ในแคว้นซีอวิ๋น จะมากหรือน้อยก็คงพอรู้บ้าง
ให้เขาไปแคว้นซีอวิ๋น? สืบข่าวท่านอ๋อง?
นี่มัน… เหมือนส่งพวกเขาไปตายมิใช่หรือ?
ผู้ใดจะกล้า?
พวกเขาไม่กลัวตาย ทว่าพวกเขาหวาดกลัวท่านอ๋อง!
JX3 ไม่เพียงแสดงสีหน้าตกตะลึง ทว่ายังเผยให้เห็นความหวาดกลัวอย่างมาก
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว และถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ทำไม มีปัญหาอันใดหรือ? ”
มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว!
ทว่า “กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ พวกกระหม่อมทั้งสี่คนเป็นคนของพระชายา ย่อมฟังคำสั่งของพระชายา กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
JX3 พูดพลางเหาะขึ้นไปกลางอากาศและหายตัวไปในพริบตา
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอีกครั้ง
จะรีบไปไหน? นางยังพูดไม่จบ!
“กลับมาก่อน! ”
JX3 ที่หลบเข้าไปในเงามืดและเตรียมออกเดินทางพลันหยุดชะงัก จากนั้นจึงลงมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าซูจิ่นซี ทว่าเขายืนไม่มั่นคงนักและเกือบจะหกล้ม “พระชายา มีรับสั่งอันใดพ่ะย่ะค่ะ? ”
“เจ้ารอเดี๋ยว! ”
ซูจิ่นซีพูดจบก็เดินเข้าไปในห้อง
นางเดินไปที่โต๊ะหนังสือ จัดการฝนหมึก คลี่กระดาษ และหยิบพู่กันขึ้นมา ต้องการเขียนจดหมายให้เยี่ยโยวเหยาหนึ่งฉบับ
ทว่าเพิ่งเขียนไปได้หนึ่งคำ ซูจิ่นซีกลับรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมนัก จึงขยำกระดาษโยนออกไปด้านข้าง และเปลี่ยนกระดาษใหม่
ยังไม่ทันเขียน นางก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม และเขียนใหม่อีกครั้ง
ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม เปลี่ยนกระดาษอีกครั้ง
ยังไม่เหมาะสมอีก เขียนใหม่อีก
จากตำแหน่งของJX3 เขาไม่มีทางรู้ว่าซูจิ่นซีกำลังทำสิ่งใดอยู่ในห้อง สิ่งที่เขามองเห็น มีเพียงก้อนกระดาษที่ถูกโยนออกมาเท่านั้น
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม พระชายากำลังทำอันใด?
ว่ากันตามตรง แสงแดดยามบ่ายนั้นแรงยิ่งนัก JX3 ยืนตากแดดจนเหงื่อไหลท่วมตัว แทบจะอดทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ซูจิ่นซีเขียนจดหมายมากกว่าสิบฉบับ ทว่านางยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
นางต้องการเขียนจดหมายให้เยี่ยโยวเหยา ต้องการเขียนอันใดบางอย่าง แต่ไม่ว่านางจะเขียนอย่างไร ก็ยังรู้สึกว่าจดหมายที่เขียนไป ไม่สามารถถ่ายทอดความหมายจากส่วนลึกภายในจิตใจของนางได้อย่างชัดเจน