SD:บทที่ 109 ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่

 

ซูฉิวไป่ ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชิงเหอหลายครั้ง แต่เขาเพียงแค่เคยส่งลูกค้าและจะไปทันทีเขาไม่เคยเข้าไปด้านในมาก่อน

เขากลับมาที่บ้านเพื่อมาเอางานประดิษฐ์ตัวอักษรก่อนที่เขาจะรีบไปสถานที่นัด

ระหว่างทางชายชรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขาอดไม่ได้ที่จะโทรมาเร่ง ซูฉิวไป่ อีกครั้ง

ซูฉิวไป่ มาถึงแล้วจอดรถ ใครบางคนก็เดินมาต้อนรับเขาทันที

สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ  กู่เฉิงหยา  เดินมาต้อนรับเขา

“ฉันจะบอกอะไรคุณสักหน่อย คือว่า อาจมีคนอยู่ข้างในมากกว่าที่คุณคิด”

กู่เฉิงหยา ไม่พูดมากเธอเพียงยิ้มและพูดประโยคนี้

สิ่งนี้ทำให้ ซูฉิวไป่ ค่อนข้างรู้สึกอึดอัด อาจารย์ตงฟางพูดถึงเพื่อนเก่าเพียงไม่กี่คนไม่ใช่หรอ ทำไมมีคนอยู่มากมาย?

ก่อนที่เขาจะทันถาม กู่เฉิงหยา  เธอก็อธิบายว่า

“คุณอาจจะไม่รู้ว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรจากราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นนั้นมีค่าเพียงใดในประเทศนี้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่มีอะไรดึงดูดพวกเขาได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าอาจารย์ตงฟางจะบอกเพียงแค่คนเดียวแต่พวกเขาก็พร้อมใจกันบินตรงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน..”

กู่เฉิงหยา อธิบายเรื่องนี้อย่างจริงใจเธอยังคงเป็นห่วงว่า ซูฉิวไป่ จะมีปัญหากับคนจำนวนมากที่มาดูงานของเขา แม้ว่าความจริงเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่เกินคาดสำหรับเขาแต่ ซูฉิวไป่ ก็ไม่ได้โกรธ

เขากลับเข้าใจคนชราเหล่านี้แทน พวกเขาคืนเงินบริจาคทั้งหมดให้กับประเทศ สำหรับพวกเขาแล้วบางทีการได้เห็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมนั้นน่าสนุกกว่าการได้รับทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ

ดังนั้น ซูฉิวไป่ จึงพยักหน้าและเตรียมพร้อมที่จะเข้าไป อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าไปข้างในและเห็นจำนวนคนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์เขาต้องตกตะลึง!

นี่ไม่ใช่การชุมนุมเล็กๆมันเหมือนกับอยู่ในห้องประชุม และที่แย่ที่สุดก็คือทุกคนเป็นคนชราที่มีผมสีเทาทั้งหมด เมื่อเห็น ซูฉิวไป่ ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับกล่องในมือดวงตาของทุกคนเป็นประกายด้วยความยินดี

อาจารย์ตงฟางเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นและเดินไปหา ซูฉิวไป่

เขาค่อนข้างรู้สึกกลัวว่า ซูฉิวไป่ จะรีบร้อนกลับไปด้วยความโกรธถ้าเป็นอย่างนั้นคงเสียเวลาสำหรับทุกคนที่เดินทางมาในวันนี้ยังไงก็ตามเขาสังเกตเห็นว่า กู่เฉิงหยา มาด้วยเขาจึงรู้สึกโล่งอกทันที

“อาจารย์ตงฟาง ทั้งหมดนี่…เป็นเพื่อนของคุณงั้นหรอ”

คำพูดของ ซูฉิวไป่ เป็นเพียงคำพูดเบาๆเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับจำนวนคนที่อยู่ที่นี่ แต่เขากลัวว่าคนเหล่านี้ทั้งหมดจะถามเขาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของงาน

“โอ้..ใช่แล้วเกือบทั้งหมดเป็นเพื่อนของฉัน ดูเหมือนว่าข่าวเล็กน้อยจะกระจายอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีงานประดิษฐ์อักษรของราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่…แต่ฉันสามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีใครทำให้คุณต้องเดือดร้อน พวกเราแค่อยากจะดูมันเท่านั้น!”

เมื่อเห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าของ ซูฉิวไป่ อาจารย์ตงฟางกล่าวขึ้นอย่างจริงใจ

ซูฉิวไป่ รู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินดังนั้น ต่อมาอาจารย์ตงฟางได้แนะนำ ซูฉิวไป่ ให้กับทุกคนและเน้นว่าเขาเป็นเจ้าของผลงานเหล่านี้

ทุกคนรอคอยยังอดทนก่อนหน้านี้หลังรู้ว่า ซูฉิวไป่ เป็นเจ้าของพวกเขาก็ทักทายอย่างสุภาพ

คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของประเทศ แต่พวกเขากลับจับมือ ซูฉิวไป่ ทักทายราวกับว่า ซูฉิวไป่ เป็นน้องชายของพวกเขา มันทำให้ ซูฉิวไป่ รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นคนรุ่นเดียวกับคนเหล่านี้ จนทุกคนลืมการมีตัวตนของ กู่เฉิงหยา

อย่างไรก็ตาม จุดสนใจในงานครั้งนี้คือ ซูฉิวไป่  อาจารย์ตงฟางยังคงแนะนำเขาให้กับคนเหล่านี้ทีละคน

ในที่สุดทุกคนก็รอเวลาที่ ซูฉิวไป่ ก้าวขึ้นเวทีและเปิดกล่อง

“สำหรับนี่คือของตกทอดของบรรพบุรุษของผมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำคัญในตอนนั้นและนี่เป็นสาเหตุที่ครอบครัวของผมเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ วันนี้ผมจะแสดงให้พวกผู้อาวุโสทุกคนได้ดู..”

ซูฉิวไป่ เคยคิดว่าควรจะพูดอย่างไรให้คนเหล่านี้เชื่อ และในเมื่อเขาพูดไปแล้วไม่สำคัญว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อคำพูดเขาหรือไม่ เพราะเขาไม่ได้วางแผนที่จะขายมัน! ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีใบรับรองหรือตรวจสอบความถูกต้องใดๆ

ทุกคนพยักหน้า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นของพวกเขาดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าคำพูดของชายหนุ่มไม่มีเหตุผลพวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ในขณะนี้

ซูฉิวไป่ เปิดกล่อง ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายสวมแว่นตาและเริ่มมองอย่างระมัดระวัง

ในขณะเดียวกันหลังจากที่  เซียหรงหรงได้รับข่าวเธอก็รีบมาที่พิพิธภัณฑ์ทันที

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ตงฟางจึงมาที่เมืองชิงเหอ แต่เธอก็ไม่สามารถพลาดโอกาสที่จะพบเขาเพราะ เธอไม่มีหนทางอื่นที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของโบราณวัตถุเหล่านี้ได้

รถของเธอเร่งรีบไปตลอดทางแต่เธอก็ยังคงรู้สึกว่ามันช้าเกินไป

ในใจของเธอนึกถึงคำพูดของ ซูฉิวไป่ เมื่อคืนที่ผ่านมาและเป้าหมายในอนาคตของเซี่ยกรุ๊บจะเป็นกลุ่มอันดับหนึ่งให้ได้ สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหรงหรงรู้สึกถึงแรงจูงใจและแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ในเวลาเดียวกัน

แม้ว่าเธอจะไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ของเธอและ ซูฉิวไป่ คืออะไรแต่เธอก็เลือกที่จะไม่ลังเลที่จะสนับสนุนผู้ชายคนนี้ ด้วยเหตุนี้การตรวจสอบสิทธิ์โบราณวัตถุต่างๆจึงไม่ควรละเลย

ข้อกำหนดในการซื้อขายของเก่าในประเทศจีนนั้นจะต้องเป็นไปตามกฏเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุทางวัฒนธรรมถูกขายหรือสูญหายไปยังผู้ซื้อต่างประเทศ

ดังนั้นการรับรองความถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าเธอจะสามารถดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าได้หรือไม่และเป็นขั้นตอนเริ่มต้นที่กำหนดว่าเซี่ยกรุ๊บ จะกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่งได้หรือไม่

ด้วยเหตุนี้ทั้งหมด เซียหรงหรง จึงมุ่งมั่นที่จะทำทุกขั้นตอนอย่างสมบูรณ์แบบ

ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถอย่างใจจดใจจ่อในที่สุดรถก็หยุดตรงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ หลังจากออกมาจากรถเธอเข้าไปในพิพิธภัณฑ์กับผู้ช่วยของเธอและผู้รับผิดชอบคนอื่นๆติดตามเธอไปอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม เซียหรงหรง ถูกปฏิเสธโดยตรงเมื่อเธอพยายามแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าเธอต้องการพบกับผู้เชี่ยวชาญ!

เหตุผลนั้นง่ายมากผู้เชี่ยวชาญได้มาถึงเมืองชิงเหอตั้งแต่เมื่อคืนและการเดินทางของพวกเขาเป็นเรื่องส่วนตัว แม้แต่คนของพิพิธภัณฑ์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าพบ

ในที่สุดหลังจากอธิบายหลายครั้งเจ้าหน้าที่ก็บอก เซี่ยหรงหรง ว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกำลังประชุมกันอยู่ในห้องประชุม เธอสามารถรอได้ตรงทางเดินเท่านั้นเมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นการประชุมเธออาจจะมีโอกาสพบพวกเขา

แม้ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องของการทดสอบโชคของเธอและเธออาจจะเสียชื่อเสียง แต่มันก็เป็นผลดีต่อเซี่ยกรุ๊บ เธอยินดีที่จะทำสิ่งนี้เพื่อรอพบกับผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องนี้ มันเหมือนกับสิ่งที่อาจารย์ตงฟางและ ซูฉิวไป่ พูดกันก่อนหน้านี้ ข่าวลือนั้นกระจายเร็วเกินไป หากคุณต้องการค้นหาผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยคุณในการตรวจสอบสิทธิ์โบราณวัตถุ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัตินั้น

เธอโชคดีที่ทุกคนมาที่เมืองชิงเหอในวันนี้ หากเธอพลาดโอกาสนี้เธอจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เซียหรงหรง และคนของเธอจึงรออยู่ที่ทางเดินถัดจากห้องประชุม

มีคนเข้าคิวรออยู่หน้าประตูเยอะอย่างไม่คาดคิด

เซียหรงหรง ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้

ใครจะคิดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น!

หากเธอต้องเข้าคิวด้านหลังบางทีเธออาจจะไม่มีโอกาสพบใครสักคนที่ออกมาจากการประชุม มันค่อนข้างเป็นฉากที่วุ่นวาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้บังคับให้ทุกคนออกไป

ผู้ช่วย ลั่วชิงเริ่มคิดหาวิธีที่จะสื่อสารกับคนที่อยู่ด้านหน้าเพื่อดูว่าพวกเขาสามารถสลับตำแหน่งลัดคิวได้หรือไม่

แต่ไม่มีใครตกลงที่จะสลับตำแหน่งคิวกับพวกเธอ บางคนก็หัวเราะเยาะด้วยซ้ำ

พวกเขาตะโกนใส่เธอว่า

“ถ้าคุณไม่มีความสามารถในการเข้าไปในห้องประชุมด้วยตัวเองคุณก็ควรรอคิวเหมือนกับคนอื่นๆ!คุณคิดหรือว่าคุณจะสามารถแทรกคิวคนอื่นได้ก่อน!”

ลั่วชิง ถูกดุด่าอย่างแรงจน เซียหรงหรง ต้องลากตัวเธอออกมาทันที พวกเขามาที่นี่เพื่อทำงานให้สำเร็จไม่ได้มาทะเลาะกับคนอื่น

เซียหรงหรง เตือนคนของเธออย่าเงียบๆแม้ว่าสถานการณ์จะได้ประโยชน์แต่ดูเหมือนว่านี้คือสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้

ประมาณ 5-6 นาทีต่อมา ลั่วชิง ก็ดึงแขนของ เซียหรงหรง  เซียหรงหรง หันไปมองเธออย่างประหลาดใจและสังเกตสายตาของ ลั่วชิง

เซียหรงหรง หันไปตามสายตาของ ลั่วชิง และเธอต้องตกตะลึงทันที

นั่น..นั่นมัน ซูฉิวไป่ ไม่ใช่หรอ!ทำไมเขาอยู่ที่นี่?

ลั่วชิง รู้สึกราวกับว่าสมองของเธอไม่ทำงานเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็นดังนั้นเธอจึงตะโกนเรียกชื่อ ซูฉิวไป่ โดยตรง

ในห้องโถง ซูฉิวไป่ เบื่อที่จะฟังชายชราเหล่านั้นเขาจึงออกไปห้องน้ำ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินใครบางคนตะโกนชื่อของเขา

เมื่อหันไปทางต้นเสียงเขาก็ต้องตกตะลึง

ทำไม เซียหรงหรง มาอยู่ที่นี่!

————————————–